ตอนที่ 356 ความจริงที่น่ากลัว
ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็ลุกขึ้นทันที
“เป็นไปไม่ได้!”
นางไม่เชื่อ นางไม่เชื่อที่อ๋องอุดรตรงหน้าพูดแม้แต่คำเดียว ถังเฉียนไม่อยากฟังเขาโกหก จึงกดมือลงไปบนร่างเขา ฝืนใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณ แต่เมื่อใจนางเพิ่งเข้าไปในอาณาเขตจิตใจของอ๋องอุดร ความคิดนางก็ถูกดีดออกมาอย่างรุนแรง
สมองนางรู้สึกอื้ออึง แต่ยังสามารถมองเห็นรอยยิ้มของอ๋องอุดร เขาเอ่ยคำพูดสุดท้ายกับนาง
“ข้าคืออ๋องอุดร ต้องรักษาเกียรติยศชื่อเสียงของตระกูล จะยอมให้แผนการของฝ่าพระบาทหลุดออกไปจากที่นี่ไม่ได้แม้แต่คำเดียว คนต่างเผ่าที่คิดจะกบฏต้องถูกประหารล้างตระกูล”
ถังเฉียนได้ยินคำพูดนี้แล้วก็หมดสติไปเพราะความบาดเจ็บรุนแรง เมื่อเจิ้งจยาเฉิงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในนี้ก็รีบเข้ามา พบว่านางนอนสลบอยู่บนพื้น ส่วนอ๋องอุดรเพราะยาพิษเผาทำลายอวัยวะภายในทั้งหมด จึงเหลือเพียงโครงกระดูกสีดำที่น่าสยดสยอง
ถังเฉียนฝันร้าย นางฝันซ้ำๆ ว่าตนเองถูกขังไว้ในห้องเล็กสีดำ อาจารย์บังคับนางให้ท่องตำราแพทย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ยังคอยบังคับนางให้ดื่มยาพิษครั้งแล้วครั้งเล่า ความทุกข์ทรมานนี้เผาไหม้อวัยวะภายในของนาง จากนั้นก็ต้องดื่มยาพิษอีกชามหนึ่ง ทำให้นางรู้สึกเหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง ถัดมาก็เป็นยาพิษอีกชาม คราวนี้รู้สึกแหมือนกระดูกทั้งร่างถูกมดกัดแทะไม่หยุด
ความทุกข์ยากในฝันทรมานถังเฉียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฟูกใต้ตัวนางเปียกชื้นครั้งแล้วครั้งเล่า เหงื่อไหลไม่หยุด ไม่อาจตื่นขึ้นมาได้
ฉู่จิ่งเหยายืนอยู่ข้างตัวนาง มองดูเถิงเฟิงที่อยู่เฝ้านาง
“ข้าบอกแต่แรกแล้วว่าบนตัวอ๋องอุดรมีเครื่องป้องกัน ไม่อาจตรวจสอบความจำเขาได้ เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่ห้ามนาง นางใช้ครั้งแรก อาจอันตรายถึงชีวิต”
เถิงเฟิงโมโหจริงๆ แล้ว แต่เขาอดกลั้นไว้ไม่ลงมือ ไม่ใช่เพราะหวั่นเกรงฐานะฉู่จิ่งเหยา แต่เพราะเขาไม่สามารถเอามือออกจากร่างถังเฉียนได้
“คุณชายเถิงเฟิง นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านอ๋อง เป็นท่านหมออาหรูน่าตัดสินใจเอง…”
เจิ้งจยาเฉิงอยากอธิบายแทนฉู่จิ่งเหยา แต่ถูกฉู่จิ่งเหยาห้ามไว้ เขาค้อมคารวะเถิงเฟิง แล้วพูดว่า
“เป็นความผิดของข้าเอง ข้าคิดไม่รอบคอบ แต่เมื่อไหร่นางจึงจะอาการดีขึ้นได้หรือ”
เถิงเฟิงกำลังใช้พลังของตนหล่อเลี้ยงถังเฉียน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา นางคงตายไปแล้ว ถังเฉียนฝันยาวมาก ฝันถึงความทุกข์ทรมานที่ได้รับจากการถูกพิษยาทรมาน นางเหมือนกับผ่านประสบการณ์นั้นอีกครั้ง
“เกรงว่าในระยะเวลาสั้นๆ นางคงไม่อาจดีขึ้นได้ พวกเจ้าทำให้นางสูญเสียพลังจนหมดสิ้น ยังทำร้ายจิตใจนางอย่างหนักด้วย กลัวว่าเมื่อนางฟื้นแล้วอาจจะมีอาการแปลกๆ ต้องใช้เวลานานมากจึงจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้”
พอเถิงเฟิงพูดจบ เจิ้งจยาเฉิงซึ่งยืนอยู่ข้างๆ พูดเบาๆ กับจินซิวอ๋อง
“ท่านอ๋อง เวลาเราไม่มากแล้ว รอต่อไปไม่ได้อีกแล้วขอรับ”
ไม่ต้องให้เจิ้งจยาเฉิงเตือน เขาเองก็รู้ดีว่าขณะนี้เวลาเป็นสิ่งล้ำค่ามาก แต่เมื่อเถิงเฟิงเห็นว่าพวกเขากำลังเตรียมจะจากไป จึงร้องหึออกมาเบาๆ
“พี่ข้า ในอดีตพ่อเจ้าใช้อาหญิงเป็นประโยชน์ เวลานี้เจ้าเองก็ไม่ต่างกัน ใช้ข้าเพื่อลวงฮ่องเต้ ใช้อาหรูน่าเพื่อให้ได้ป้ายพยัคฆ์ จากนั้นก็ทอดทิ้งเราไว้ที่นี่ เฮ้อ…เหตุใดข้าจึงเชื่อเจ้าอีกนะ”
จู่ๆ เถิงเฟิงก็พูดเช่นนี้ออกมา คนในที่นั้นต่างตกตะลึง ถ้าถังเฉียนได้ยิน ย่อมไขข้อสงสัยในใจนางได้ เหตุใดจู่ๆ ฮ่องเต้จึงทรงพระราชทานป้ายพยัคฆ์ให้ เหตุใดจึงทรงเลิกวางพระทัยกุ้ยเฟย ถ้าที่อ๋องอุดรพูดนั้นถูกต้อง กุ้ยเฟยก็แค่มีดคมกริบเล่มหนึ่งในพระหัตถ์ฮ่องเต้เท่านั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สังหารพยัคฆ์ร้าย แล้วพระองค์จะหักมีดเล่มนี้ได้อย่างไรกัน
แต่น่าเสียดายที่ขณะนี้นางกำลังดิ้นรนอยู่ที่ขอบของความทุกข์ทรมาน นางใช้เลือดมากเกินไปจริงๆ มากพอที่จะทำให้นางเสียชีวิตได้ ดังนั้นตอนนี้จึงต้องอาศัยเถิงเฟิงช่วยต่อชีวิตนาง
ตอนที่ 357 ฟื้นแล้ว
เดิมทีฉู่จิ่งเหยายังลังเล แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ทำให้เลิกล้มความตั้งใจที่จะจากไปทันที ถ้าเขาจากไปจริงๆ ก็จะขาดการสนับสนุนจากเถิงเฟิงและถังเฉียนอย่างสิ้นเชิง
อาจพูดได้ว่าคำพูดของเถิงเฟิงช่วยเตือนสติเขา
ล่วงเลยจนเที่ยง เถิงเฟิงก็ยังคงหล่อเลี้ยงร่างกายถังเฉียนไว้ ถ้าเขาตัดพลังออกไปในขณะนี้ถังเฉียนจะตาย แต่พอตกกลางคืนถังเฉียนก็ทรมานรุนแรงขึ้น เถิงเฟิงคนเดียวไม่สามารถรับมือได้
ขณะนี้ถังเฉียนเหมือนตกลงไปในบึงทรายดูด ราวกับจะถูกดูดเข้าไปทั้งเป็น จะอย่างไรฉู่จิ่งเหยาก็ไม่ยอมจากไป แต่เวลาสำคัญสำหรับเขามาก เขาวางแผนไว้นานแล้ว ครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน
ฉู่จิ่งเหยาขัดถูกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนถามใจตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
“ท่านอ๋อง เรารอต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ เวลานี้ออกเดินทางก็ยังถือว่าสายมากแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่จิ่งเหยาร้อนใจมาก แต่เขาไม่สามารถเอ่ยคำว่าไปออกมา เจิ้งจยาเฉิงร้อนรนมาก ค่อยเร่งเร้าฉู่จิ่งเหยาไม่หยุด เขารู้ว่าท่านอ๋องของตนกำลังรออะไร กำลังคาดหวังอะไร
ขณะนี้ถังเฉียนยังคงต่อสู้กับตัวเอง ยังต่อสู้กับชีวิต นางกำลังฝ่าฟันความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ผ่านมาหลายปีนี้อีกครั้ง ราวกับเพื่อกระตุ้นพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกาย ทำให้นางแตกต่างจากที่แล้วมา
เถิงเฟิงหมดสติไปที่ข้างเตียงถังเฉียน แต่มือเขายังคงกดที่จุดมิ่งเหมิน นางฟื้นแล้ว ฟูกใต้ตัวนางถูกย้อมจนเป็นสีดำ นางลุกขึ้นอย่างยากเย็น ทำให้เถิงเฟิงตื่น
“ข้าไม่เป็นไร ทำให้เจ้าลำบากแล้ว”
เถิงเฟิงยื่นมือออกไปลูบเส้นผมนางเบาๆ แต่ร่างเขาเซแล้วล้มลงในอ้อมกอดของนาง ถังเฉียนรีบหาที่ให้เขานอนพัก แล้วรีบไปพบฉู่จิ่งเหยาตามลำพัง
“ท่านอ๋อง ควรไปได้แล้ว ถ้าสายเกินไป จะไปไม่ทันงานเลี้ยง”
พอนางเปิดประตูออกก็พูดเช่นนี้ แต่ท่าทางนางต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นางยังคงสวมหน้ากาก แต่ฉู่จิ่งเหยาสามารถรู้สึกได้ว่าขณะที่นางพูด เสียงนางเย็นชาและสั่น
“เจ้าไม่เป็นไรนะ”
ฉู่จิ่งเหยาจับมือนางไว้แล้วถามถังเฉียนยิ้มแล้วตอบว่า
“ไม่เป็นไร แต่อาหรูน่าตามท่านอ๋องไปเมืองหลวงไม่ได้ คิดว่าเรื่องต่อจากนี้ก็ไม่ต้องการอาหรูน่าและเถิงเฟิงแล้ว เขาอ่อนล้าสุดขีด นอนหมดสติไปแล้ว เราสองคนคงไม่สามารถช่วยท่านอ๋องได้แล้ว”
ถังเฉียนขยับมาอยู่ด้านข้าง เลี่ยงการถูกเขาแตะต้องตัว สีหน้าหนักใจ
“ท่านอ๋องอุตส่าห์รออยู่นานเช่นนี้เพื่อพวกเจ้า ในเมื่อเจ้าสองคนฟื้นแล้วก็ควรตามท่านอ๋องออกเดินทางทันที”
สายตาถังเฉียนมองไปที่เจิ้งจยาเฉิงซึ่งอยู่ข้างๆ แววตานางเย็นชาเล็กน้อย แต่ก็หันกลับมามองฉู่จิ่งเหยาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า
“ท่านอ๋อง รอจนถึงวันที่ท่านทำสำเร็จ โปรดอย่าลืมที่ท่านสัญญาไว้ อาหรูน่าและเถิงเฟิงไม่สามารถตามไปได้ เพียงแต่หวังว่าท่านอ๋องกลับไปครั้งนี้จะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้”
ฉู่จิ่งเหยามองดูนางแล้วถามว่า
“เขาพูดอะไรกับเจ้าหรือ”
มีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากถังเฉียน เป็นการฝืนยิ้ม ยังดีที่ไม่มีใครเห็น แต่นางรู้ตัวดี
“ท่านอ๋อง รีบไปจะดีกว่า ข้ากับเถิงเฟิงจิตใจเชื่อมโยงกัน สิ่งที่เขารู้ ข้าย่อมรู้”
ถังเฉียนมองเจิ้งจยาเฉิงแวบหนึ่ง นางไม่รอให้ฉู่จิ่งเหยาพูดอะไรอีก ก็ผละออกไปจากหน้าประตู นางเคยนึกเสียดาย เทพสงครามในอดีตจะเปลี่ยนเป็นทุลักทุเลเช่นนี้ บัดนี้นางจึงรู้ว่าเทพสงครามก็มีช่วงเวลาที่หลบซ่อน แต่ความแตกต่างระหว่างเทพสงครามกับคนทั่วไปก็คือ เขารู้ว่าจะโต้กลับอย่างไร รู้ว่าจะสังหารศัตรูให้ตายทันทีอย่างไร