ตอนที่ 396 แสดงละคร
เมื่อถังเฉียนเดินกลับออกมา สีหน้านางดูหนักใจ นางนั่งก้มหน้าที่โต๊ะเล็กด้านข้าง นางกำนัลคนสนิทของฝ่าพระบาทยืนอยู่ข้างๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงเงยหน้าขึ้น พูดกับนางกำนัลคนนั้นเบาๆ สองสามคำ นางกำนัลผงกศีรษะ เดินออกไปครู่หนึ่ง แล้วเอาพู่กัน หมึก กระดาษและจานฝนหมึกมาให้
ถังเฉียนขีดเขียนไปมาราวชั่วดื่มชาหนึ่งถ้วย ระหว่างนั้นยังกระซิบพูดกับนางกำนัลเป็นระยะ นางกำนัลพยักหน้าพลางขานรับเบาๆ
ขณะที่นางสะบัดกระดาษที่มีตัวหนังสือขนาดเล็กเต็มไปหมดเบาๆ เพื่อให้หมึกแห้ง ในที่สุดก็มีคนที่ทนไม่ไหวแล้ว หมอหลวงชราแก้มตอบไว้เคราแพะ เดินลูบเคราตรงมาหานาง
“ผู้น้อยคารวะพระสนม ได้ยินว่าท่านมีวิชาชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นได้ คราวก่อนที่ฝ่าพระบาทปวดพระหทัยก็เป็นพระสนมรักษา ในเมื่อวิชาแพทย์สูงส่งเช่นนี้ ผู้น้อยนับถือยิ่งนัก ไม่ทราบว่าพระสนมมีความเห็นต่อพระอาการประชวรอย่างไรบ้าง”
ถังเฉียนวางกระดาษลง ยิ้มแล้วพูดว่า
“ท่านหมอชมเกินไปแล้ว ข้ามีความรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลายวันมานี้เพราะฝ่าพระบาททรงนึกถึงอดีตฮ่องเต้ เศร้าพระทัยเกินไป ส่งผลต่อพระหทัย จึงมีอาการปวดมวนพระหทัย ฝ่าพระบาททรงเกรงว่าถ้าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป จะสะเทือนถึงบ้านเมือง จึงให้ข้าอ้างว่ามาถวายขนมเม็ดบัวต้มเพื่อตรวจพระอาการประชวร”
นางเห็นดวงตาหมอหลวงเป็นประกาย ก็เหลือบมองอย่างสังเกตไม่เห็น จากนั้นก็พูดขึ้น ท่าทางอ้ำอึ้ง
“ที่จริงเพราะฝ่าพระบาททรงเห็นความสำคัญในวิชาแพทย์ของข้า จึงทรงเรียกตัวเข้าวัง แม้จะทรงแต่งตั้งให้เป็นพระสนม แต่ความจริงแล้วก็แค่อยู่ในวัง เป็นหมอหญิงที่ทำงานได้สะดวกเท่านั้นเอง”
หมอหลวงพยักหน้า แล้วถามอีก
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง พระสนมตรวจสาเหตุอาการพระประชวรครั้งนี้ได้หรือไม่ นับตั้งแต่เมื่อคืน ฝ่าพระบาทมีพระเสโทเย็น พระนลาฎร้อนผ่าว แต่พระวรกายเย็นเฉียบ พระชีพจรสับสน พวกกระหม่อมไร้ความสามารถ ตรวจหาสาเหตุไม่พบ”
ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็นึกขำในใจ คนที่แกล้งหลับ จะปลุกให้ตื่นได้หรือ
นางสั่นศีรษะ แล้วพูดว่า
“ที่ทรงประชวรคงเพราะเศร้าพระทัยเกินไป เมื่อคืนอดีตฮ่องเต้เสด็จมาในพระสุบิน ทำให้ทรงเศร้าพระทัย สองเรื่องตีกระหนาบ โรคร้ายรุกเข้าสู่พระวรกาย จึงมีพระอาการเช่นนี้”
ถังเฉียนหยิบกระดาษแผ่นนั้น กางออกตรงหน้าหมอหลวง แล้วพูดว่า
“โรคทางใจก็ต้องรักษาทางใจ ฝ่าพระบาททรงคิดมาก พระอาการจึงทุเลายาก ข้าเขียนเทียบยาระงับและสงบประสาท ท่านหมอมีความเห็นอย่างไร”
หมอหลวงกวาดตามองทีเดียวสิบบรรทัด อ่านดูคร่าวๆ ยาที่สั่งเป็นประเภทกระดูกมังกร หินจื่อสือและเปลือกหอยนางรม ล้วนแต่เป็นยาสงบประสาท แม้เทียบยานี้จะไม่ผิด แต่ดูแล้วจะเน้นที่การบำรุงร่างกายมากกว่า
ถังเฉียนเห็นท่าทางหมอหลวงลังเล จึงพูดเบาๆ ว่า
“ที่จริงฝ่าพระบาททรงขาดการพักฟื้นบำรุงพระพลานามัย ยาเทียบนี้ก็แค่ช่วยเสริมเพียงเท่านั้น เกรงว่าระยะนี้งานราชกิจคงต้องรบกวนมหาเสนาบดีซูดูแลแทน…”
นางเห็นหมอหลวงกำมือเล็กน้อย จึงแกล้งพูดเสียงดังขึ้น
“หมอหลวง เจ้าเห็นว่าเทียบยาของข้าเป็นอย่างไรบ้าง มีตรงไหนที่ผิดไหม”
หมอหลวงตกใจ รีบประสานมือคารวะ
“พระสนมเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ เทียบยานี้เหมือนเทียบหมอเทวดา ยอดเยี่ยมสุดประมาณ ทำให้กระหม่อมรู้สึกละอายใจ”
ถังเฉียนพยักหน้า
“เมื่อท่านหมอพูดเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”
นางเรียกนางกำนัลมา ยื่นเทียบยาให้พร้อมกับกำชับสองสามคำ มีเสียงฉู่จิ่งเหยาดังมาจากในตำหนัก
“อาหรูน่า เจ้ามาอยู่กับเจิ้นหน่อย คนอื่นกลับไปได้”
ถังเฉียนขานรับ หลังจากบรรดาหมอหลวงพากันถวายบังคมลากลับไปแล้ว นางจึงเดินเข้ามาด้านใน เดิมฉู่จิ่งเหยาน่าจะนอนบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง กลับประทับนั่งเอนพิงหมอนอิง ท่าทางมีชีวิตชีวา ทรงหันมาแย้มพระสรวลที่มุมพระโอษฐ์ให้ถังเฉียน
“อาหรูน่า เจ้าช่วยเจิ้นแสดงละครเรื่องนี้ให้จบ เจิ้นจะบอกเจ้าว่าพ่อแม่เจ้าอยู่ที่ไหน ไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด!”
ตอนที่ 397 เทียบยา
เมื่อมหาเสนาบดีซูตั้งสติได้ ก็พบว่าคนที่ตนวางไว้เป็นสายในตำหนักหย่างซินมาหลายปีถูกถอดออกหมด รอจนเขาสืบข่าวในวังอีกครั้ง ทั่วเมืองหลวงก็ยกให้หญิงสาวที่มีความเป็นมาลึกลับกลายเป็นเทพธิดาแล้ว
โชคดีที่เขาวางสายไว้ในสำนักหมอหลวงนานแล้ว เขาตื่นเต้นดีใจไม่น้อยเมื่อทราบข่าวว่าฉู่จิ่งเหยาทรงประชวรและพระสนมเฉียนเป็นหมอหญิง
สายพระเนตรและวิธีการของฉู่จิ่งเหยามักเหนือการคาดเดาของมหาเสนาบดีซู ประวัติด่างพร้อยของตนยังถูกพระองค์กุมไว้ เขาเริ่มครุ่นคิดแล้ว เขาอาจไม่สามารถควบคุมฮ่องเต้พระองค์นี้ไว้ในกำมือได้
องค์ชายรองพระโอรสของอันไท่เฟยยังอยู่ที่เสิ้งจิง น่าจะคุมเด็กคนนั้นง่ายกว่าฉู่จิ่งเหยา ก่อนนี้ที่ค้ำชูฉู่จิ่งเหยาขึ้นครองบัลลังก์เพราะคำนึงว่าฉู่จิ่งเหยามีชื่อเสียงบารมีสูง ทำสำเร็จได้ง่าย บัดนี้คิดดูแล้วน่าจะเปลี่ยนคนที่เหมาะสมกว่า
ขณะนี้สถานการณ์และคนเป็นใจ ฉู่จิ่งเหยาประชวร คนส่วนใหญ่ในสำนักหมอหลวงเป็นคนสนิทของตน ยกเว้นพระสนมเฉียนคนเดียว…
เมื่อถังเฉียนมาที่วังที่ประทับครั้งที่สอง หมอหลวงคราวก่อนก็อยู่ในนั้น เขาเดินเข้ามาหาแล้วพูดว่า
“พระสนม ผู้น้อยคือหมอเกาแห่งสำนักหมอหลวง พระสนมจำได้หรือไม่”
ถังเฉียนพยักหน้า แล้วตอบว่า
“หมอหลวงวิชาแพทย์สูงส่ง ข้าย่อมจำได้ ไม่รู้ว่าท่านหมอหาข้ามีเรื่องอะไร”
หมอหลวงเกาสีหน้ายิ้ม
“ผู้น้อยนับถือในวิชาหมอของพระสนม อยากขอเวลาหลังจากที่ตรวจรักษาแล้ว ถกเรื่องการแพทย์กับพระสนม”
ถังเฉียนได้ฟังก็ลังเลเล็กน้อยแล้วบอกว่า
“ในเมื่อท่านหมอเกายกย่องข้าเช่นนี้ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ ขอให้หมอเการอครู่หนึ่ง”
หมอหลวงเกายิ้มพลางพยักหน้า ค้อมคารวะแล้วถอยมายืนข้างๆ ถังเฉียนเข้าไปยังตำหนักใน เวลาผ่านราวหนึ่งเค่อก็กลับออกมา
นางยังคงเขียนเทียบยาเช่นเดิม ลดยาที่มีสรรพคุณระงับประสาท แล้วเพิ่มยาบำรุงร่างกาย
พอมาถึงอุทยานหลวง ถังเฉียนหาศาลานั่ง แล้วเรียกให้หรูอวี้และเหล่านางกำนัลถอยไปอยู่ข้างๆ ห่างพอให้สามารถมองเห็นว่านางทำอะไร แต่ไม่ได้ยินเสียงสนทนา
หมอหลวงเกาตามมาข้างหลังแล้วนั่งลง เขาล้วงกระดาษที่พับเรียบร้อยออกมาจากอกเสื้อ ประโยคเริ่มต้นก็คือ
“พระสนม กระหม่อมได้เทียบยาประหลาดมาเทียบหนึ่ง รักษาอาการจิตใจเศร้าหมองได้ดีเป็นพิเศษ”
“หือ?”ถังเฉียนมองดูแวบหนึ่ง แล้วจับเล็บเล่น“หมอเกาจะถกวิชาแพทย์กับข้าไม่ใช่หรือ? ที่เอ่ยถึงเทียบประหลาดออกมา หมายความว่าอย่างไร”
หมอหลวงเกายิ้มแล้วว่า
“หมายความว่าต้องการแบ่งเบาความวิตกของฝ่าพระบาทและพระสนม ฝ่าพระบาททรงประชวรนานแล้วไม่หาย ในฐานะขุนนางก็สามารถทำได้เพียงเท่านี้ เวลานี้พระสนมเป็นตัวหลักที่รักษาฝ่าพระบาท กระหม่อมอยากใช้ยาเทียบนี้ จึงต้องให้พระสนมช่วย”
ถังเฉียนเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่เชิง
“หมอเกามีความตั้งใจ แต่ท่านหมอมีเทียบยาดีอย่างนี้ เหตุใดไม่ถวายให้ฝ่าพระบาทโดยตรงล่ะ”
หมอหลวงเกาลูบกระดาษแผ่นนั้น ก้มหน้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“พระสนมเหตุใดต้องพูดตรงขนาดนั้น เราล้วนรับใช้ฝ่าพระบาททั้งสิ้น ในวังนี้เมื่อมีคนช่วยเพิ่มขึ้นแรงหนึ่ง ก็มีโอกาสรอดเพิ่มขึ้น”
เขาชะงักครู่หนึ่ง แล้วพูดอีก
“อีกอย่างกระหม่อมไว้ใจพระสนม หลังสำเร็จแล้วย่อมทูลชมกระหม่อมบ้าง เป็นเช่นนี้ต่างก็ได้ประโยชน์ ไม่ทราบว่าพระสนมยินดีหรือไม่”
ถังเฉียนวางเทียบยาไว้ตรงหน้า อ่านดูอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ชี้ไปที่ตัวยาที่ชื่อแมลงด้ายทอง แล้วถามว่า
“หมอเกา นี่คือยาอะไร ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
ดวงตาหมอหลวงเกาเปล่งประกายออกมายิ้มแล้วว่า
“ถ้าพระสนมไม่เชื่อ หาคนมาทดลองยาได้ เพียงสามวัน จะขจัดอารมณ์เศร้าหมองได้”