ตอนที่ 400 คลุ้มคลั่ง
เมื่อถังเฉียนมาเข้าเฝ้าฉู่จิ่งเหยา พระองค์กำลังทรงประทับนั่งบนพระเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องทรงพระอักษร นางเดินเข้ามาใกล้ เห็นพระองค์ทรงใช้พระหัตถ์กุมพระเศียร พระนลาฎมีพระเสโทไหลซึม
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พระพลานามัยอ่อนแอลง จากนั้นข่าวเรื่องพระอาการโศกเศร้าและปวดพระเศียรกำเริบขึ้นใหม่ก็แพร่สะพัดออกไป
ฉู่จิ่งเหยาทรงมีพระบัญชาให้สยบข่าวลือ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่พระองค์ทรงปวดพระเศียรจนเกือบหมดสติในที่ประชุมขุนนางเวลาเช้า ข่าวลือก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
พระสนมเฉียนซึ่งเป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในวัง มาเข้าเฝ้าที่ห้องทรงพระอักษรบ่อยขึ้น แต่คนที่เข้าใจสถานการณ์ดีย่อมรู้ว่าเหตุใดนางจึงมา
อันไท่เฟยนั่งอยู่ในตำหนัก พระนางรับปิ่นปักผมเล่มหนึ่งจากนางกำนัล ออกแรงเล็กน้อย หักปิ่นออกเป็นสองท่อน ม้วนกระดาษสีขาวเล็กๆ โผล่ออกมา
นางค่อยๆ คลี่ม้วนกระดาษออก อ่านอย่างละเอียด จากนั้นก็พยายามข่มใจ ทำให้รอยยิ้มที่มุมปากสลายไป
“ในที่สุด ก็จะกลับมาแล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่อันไท่เฟยเดินอาดๆ บุกเข้ามายังห้องทรงพระอักษร นางโบกมือไล่นางกำนัลและมหาดเล็กออกไป ไม่เหนือความคาดหมายเมื่อเห็นถังเฉียนนั่งอยู่ข้างๆ ฉู่จิ่งเหยา กำลังนวดคลึงขมับให้พระองค์
ฉู่จิ่งเหยาเหมือนทรงรู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามา เงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรอันไท่เฟยแวบหนึ่ง สีพระพักตร์ขาวซีด พระเนตรหมองคล้ำ เปลือกพระเนตรเหมือนหนักพันชั่ง กดทับลงจนลืมพระเนตรเพียงแวบเดียวก็หลับพระเนตรลง
“ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าเข้ามา”
ฉู่จิ่งเหยาทรงหายใจหอบสองสามที แล้วตรัสถามอย่างอ่อนแรง
อันไท่เฟยมองหาเก้าอี้นั่งลงอย่างอวดอำนาจ ยิ้มร่าแล้วทูลว่า
“จะมีใครล่ะ ข้าแค่อยากมาก็มาเลย”
ฉู่จิ่งเหยาแปลกพระทัย ทรงเกาะไหล่ถังเฉียนแล้วประทับยืนขึ้น จากนั้นก็ทรงหายใจหอบ ครู่หนึ่งจึงตรัสว่า
“อันไท่เฟยควรจะรู้ว่าจะเข้ามาในห้องทรงพระอักษรต้องได้รับอนุญาตจากเจิ้นก่อน”
“ใช่สิ!” อันไท่เฟยยิ้ม “ข้าย่อมรู้ ข้าไม่เพียงรู้เรื่องเหล่านี้ ยังรู้ด้วยว่าอีกไม่นาน แผ่นดินจะเปลี่ยนราชันผู้ปกครอง!”
อันไท่เฟยหัวเราะ เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังกังวานไปทั่วห้องทรงพระอักษร
นางหัวเราะครู่หนึ่ง ไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวใดๆ จึงค่อยๆ หยุดหัวเราะ มองดูฉู่จิ่งเหยาซึ่งก้มพระพักตร์อยู่ แล้วพูดว่า
“หึ ว่าไง ฝ่าพระบาทคงตกพระทัยจนทำอะไรไม่ถูกใช่หรือไม่ ไม่รู้หรือว่ายาที่พระสนมเฉียนคนโปรดของพระองค์ถวายให้ ในนั้นมีแมลงด้ายทอง อีกไม่กี่วัน พระองค์ก็จะถูกแมลงนั่นกินจนสมองกลวง”
เงียบกริบ
เงียบเชียบราวกับความตาย
ราวกับมีอากาศที่ไร้รูปกำลังอ้าปากมหึมาออก ยิ้มเยาะการแสดงของอันไท่เฟยอย่างไร้ความปรานี
พระนางสังเกตเห็นความผิดปกติ เยือกเย็นเกินไป ท่าทีของฉู่จิ่งเหยาเยือกเย็นเกินไปแล้ว
ไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ ที่นางอยากเห็น เยือกเย็นเหมือนทรงทอดพระเนตรการแสดงอยู่
ฉู่จิ่งเหยาค่อยๆ ประทับนั่งตัวตรงขึ้น ถังเฉียนซึ่งถูกมองข้ามยื่นมือไปที่ท้ายทอยของฉู่จิ่งเหยา ขยับมือเล็กน้อย แล้วดึงเข็มเรียวยาวเล่มหนึ่งออกมา ตัวเข็มสีแดงสด
อันไท่เฟยเบิ่งตาจ้องมอง เส้นสีแดงคล้ายด้ายผูกดวงชะตาซึ่งล้อมเกือบรอบพระศอหายไปแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ อ๊ะ…เป็นไปไม่ได้!”
เมื่อพระพักตร์ที่ขาวซีดของฉู่จิ่งเหยากลับมีสีพระโลหิตขึ้นอีกครั้ง ทรงจ้องมองอันไท่เฟยด้วยสายพระพเนตรดุจน้ำแข็ง ดูเหมือนมีบางอย่างแตกออก เผยความจริงที่น่ากลัวออกมา
“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร เห็นชัดๆ ว่าเกือบถึงคอแล้ว เห็นชัดๆ ว่าใกล้ตายแล้ว…”
อันไท่เฟยพึมพำกับตนเอง สีหน้าบิดเบี้ยว ท่าทางเหมือนคลุ้มคลั่ง
“ไท่เฟยเพคะ!”
“ฉางหง”
อันไท่เฟยลุกจากเก้าอี้ ยื่นมือออกไปจะคว้าตัวฉางหง พระนางรีบร้อนจนไม่ได้สังเกตว่าเหตุใดนางจึงมาปรากฏตัวที่นี่
“เร็วเข้า รีบพยุงข้ากลับวัง ข้าเหนื่อยแล้ว ยังตาฝาดด้วย”
พระนางตื่นเต้นเกินไป คว้าพลาดจนทำให้ถาดในมือฉางหงซึ่งมีผ้าแพรสีแดงบนนั้นหลุดจากมือนาง เมื่อใบหน้าที่คุ้นเคยซึ่งนางเฝ้าคิดถึงทุกวันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตา นางยังสับสนเล็กน้อย
“ไท่เฟยเพคะ องค์ชายรองตายแล้ว”
วันนั้นทั่วทั้งวังในได้ยินเสียงร้องอย่างน่าเวทนาแฝงด้วยความเศร้ารันทดฟังดูวังเวง
อันไท่เฟยเสียสติไปแล้ว
ตอนที่ 401 คนคุ้นเคยมาพบ
ฮวาหวนเดินทางจากจวนจินซิวอ๋องมาที่เจาหยางเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนถังเฉียน แต่ฉู่จิ่งเหยากลับทรงให้นางอยู่รับใช้ที่ตำหนักหย่างซิน
ถังเฉียนเริ่มรู้แล้วว่าตัวนางเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉู่จิ่งเหยา เพราะเสียเลือดมากเกินไปทำให้สลบไปนานจนสูญเสียความจำ แต่นางสนมคนอื่นในวังต่างรู้สึกว่านางขัดตา
สุขภาพนางไม่ดี หลังจากพักฟื้นในวังหนึ่งปีจึงค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ปีนี้ฉู่จิ่งเหยาทรงมาเยี่ยมนางที่ตำหนักเป็นครั้งคราวแต่ไม่เคยค้างคืนที่นี่
เมื่อถังเฉียนสุขภาพดีขึ้นก็เอาอย่างพระสนมนางอื่น กลางคืนไปเข้าเฝ้าพูดคุยกับฉู่จิ่งเหยา ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน แต่คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ เถิงอวิ๋นจะมา ยังนำข่าวมาด้วยว่าเถิงเฟิงฟื้นแล้ว ส่วนเขามาเพื่อรับถังเฉียนกลับไป
“เถิงเฟิง เขาเป็นใคร”
นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุไรพอมีคนเอ่ยชื่อนี้นางจะรู้สึกเจ็บที่หน้าอก แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในที่สุดนางก็พบคนที่มีความเกี่ยวข้องกับนาง ถังเฉียนจึงนั่งรถม้าไปพบคนที่นางไม่รู้จักว่าเป็นใคร
การเดินทางครั้งนี้ไม่ราบรื่น นางยังไม่ทันออกจากเมืองหลวงก็มีคนลอบสังหาร เถิงอวิ๋นยังได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยนาง ทั้งสองหลบซ่อนในศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ถังเฉียนบอกว่าจะไปหาฉู่จิ่งเหยาเพื่อให้ช่วยพวกเขา แต่เถิงอวิ๋นห้ามนางไว้
เถิงอวิ๋นเปิดการร่วมชีวิตที่เถิงเฟิงวางไว้ออกอย่างจำกัด นางจึงจำเรื่องราวทั้งหมดได้ ที่เถิงอวิ๋นมาพบนางเพราะเถิงเฟิงใกล้ตายแล้ว จำเป็นต้องเปิดการร่วมชีวิตออกส่วนหนึ่งนางจึงจะสามารถช่วยชีวิตเถิงเฟิงได้
ถังเฉียนเตรียมเดินทางไปทันที แต่ข้างนอกมีคนที่กำลังล่าสังหารพวกตน เถิงอวิ๋นบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของฉู่จิ่งเหยา เขาไม่เคยออกคำสั่งให้ฟื้นฟูประเทศหนานเจา และไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่พระราชบิดาเขาตระบัดสัตย์ เขาก็เหมือนพระราชบิดา ลืมคำมั่นสัญญา หักหลังพวกเขา
ถังเฉียนได้ยินที่เถิงอวิ๋นตำหนิฉู่จิ่งเหยา ในใจนึกถึงที่ฉู่จิ่งเหยาอยู่ในท้องพระโรงถูกพวกขุนนางทำให้ลำบากพระทัย
นางจำได้ว่าทุกครั้งที่ฉู่จิ่งเหยาเอ่ยเรื่องนี้ จะมีตาแก่เคราขาวหลายคนออกมาคัดค้าน ยังมีคนเอาความตายมาขู่ บางทีพระองค์คงเป็นฮ่องเต้อย่างยากลำบาก
“พี่เถิงอวิ๋น การเป็นฮ่องเต้ก็มีหลายเรื่องที่ไม่อาจทำตามพระทัยได้ เวลานี้พระองค์ยังตั้งหลักได้ไม่มั่นคง เกรงว่าถ้าต้องการทำเรื่องเหล่านี้คงต้องรอให้มหาเสนาบดีซูถูกโค่นลงก่อน จึงจะมีโอกาสทำเรื่องที่พระองค์ทรงต้องการทำอย่างแท้จริง เจ้าควรให้เวลาพระองค์ระยะหนึ่ง”
เถิงอวิ๋นโกรธมากที่ถังเฉียนพูดแก้ตัวแทนฉู่จิ่งเหยา ถังเฉียนบอกเถิงอวิ๋นว่านางจำทุกเรื่องได้แล้ว รวมทั้งเรื่องของราชาโอสถ แต่นางไม่คิดว่าฉู่จิ่งเหยาจะเป็นคนเลว ขอให้เขาอดทนรอ ถังเฉียนจะออกนอกเมืองแต่ถูกมหาเสนาบดีซูกับพวกขัดขวาง เจิ้งจยาเฉิงรับพระบัญชาให้ออกนอกเมือง ที่จริงฉู่จิ่งเหยาทรงสั่งให้เขาช่วยทั้งสองออกจากเมือง
เถิงอวิ๋นออกจากเมืองอย่างปลอดภัยจึงเชื่อฉู่จิ่งเหยาขึ้นบ้าง เขาพาถังเฉียนขี่อินทรีเงินกลับไปยังเขาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนางพบเถิงเฟิงอีกครั้งสภาพแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นางช่วยชีวิตเถิงเฟิง แต่เพราะนางได้เป็นพระสนมของฉู่จิ่งเหยาแล้ว ด้วยฐานะนี้นางย่อมถูกฮูหยินตำหนิ
ฮูหยินบอกถังเฉียนว่านางจะเชิญหมอผีศักดิ์สิทธิ์มาลบความจำของเถิงเฟิง ให้นางกลับไปเป็นพระสนมอย่างสบายใจ ไม่ต้องกลับมาอีก ที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยทำผิดต่อถังเฉียน ลูกชายนางทุกข์ทรมานมากมาย จากนี้ไปนางไม่อยากให้ลูกชายทรมานอีกแล้ว นางรับปากจะคืนการมีชะตาชีวิตร่วมกัน แต่ต้องรอให้เถิงเฟิงหายดีก่อน ขณะนี้นางต้องช่วยยืดชีวิตเขา ฮูหยินได้ฟังก็ตื้นตันใจ แต่ไม่ยอมเปลี่ยนการตัดสินใจของตนง่ายๆ
ถังเฉียนทำตามสัญญา ออกจากเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วไปพบอาจารย์ของตน แต่ไม่ได้บอกว่าตนรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เพียงแต่พาถังเวยไปพบบิดา แล้วพาพวกเขากลับไปเจาหยางพร้อมกัน ฉู่จิ่งเหยาทรงตามหาถังอี้น้องชายของถังเฉียนพบที่ภาคเหนือ ทั้งครอบครัวจึงได้อยู่พร้อมหน้ากัน