บทที่ 1 (1)
Lilac Novel
จี้หรานถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นข้างหู
เดี๋ยวนะ นี่มันเสียงโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะ… ดังมาจากที่ไหนกัน
เขาตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง กำลังจะยกมือขึ้นเพื่อรับโทรศัพท์ แต่แค่ขยับแขนเท่านั้น ความเจ็บแปลบลึกถึงกระดูกก็ปลุกเขาให้ตื่นเต็มตาทันที
ตาเขาเบิกกว้าง ดวงตาสีเข้มกวาดมองรอบๆ ห้องที่มืดสลัว แพขนตาสั่นไหวเล็กน้อยตามการเคลื่อนไหวของเจ้าตัว
แม่งเอ๊ย ต่อให้เขานอนหนุนแขนตัวเองทั้งคืนก็ไม่มีทางที่จะปวดขนาดนี้แน่ๆ
เสียงโทรศัพท์ยังดังอย่างต่อเนื่อง เขาขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับสบถอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะพยายามขยับไปรับโทรศัพท์อย่างทุลักทุเล
“สวัสดีครับคุณลูกค้า ทางโรงแรมต้องเช็คเอาท์ตอนเที่ยง ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการจะจองห้องต่อไหมครับ”
พอลืมตาแล้วเห็นการตกแต่งห้อง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองอยู่ในโรงแรม
จี้หรานหลับตาลง เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจ็บแค่แขนเท่านั้น แต่ยังมีขาทั้งสองข้างที่เจ็บยิ่งกว่า รวมไปถึงตั้งแต่ช่วงเอวลงไปที่ไม่ต่างจากคนพิการสักนิด “จองต่อเลย” ก็เขายังนอนไม่พอเลยนี่
“ได้ครับ ถ้ามีเวลารบกวนคุณลูกค้ามาทำเรื่องจองห้องต่อที่แผนกต้อนรับด้วยนะครับ”
หลังจากวางสาย จี้หรานกลัวว่าถ้านอนทับแขนตัวเองต่อไปแบบนี้คงพิการขึ้นมาจริงๆ แน่ ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดสักพักเขาจึงพลิกตัวเพื่อเปลี่ยนท่า
การขยับร่างกายแบบนี้มันแย่ชะมัด
ความเจ็บแสบและรวดร้าวอย่างรุนแรงของร่างกายส่วนล่างพุ่งจากฝ่าเท้ามาจนถึงศีรษะ มันเจ็บจนเขาต้องกัดฟันแน่น ในขณะเดียวกันมันก็เรียกความทรงจำที่กระจัดกระจายเมื่อคืนของเขาให้กลับมา
ยังไม่ทันได้ปะติดปะต่อภาพความทรงจำเหล่านั้น เขาก็ต้องตกใจจนอ้าปากค้างกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเสียก่อน
กางเกงในสีแดงสดนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม้ เป็นตัวที่เขาตั้งใจซื้อให้ตัวเองเพราะปีนี้เป็นปีเบญจเพสพอดี ตัวละตั้งสองพันหยวน
ไม่สิ นี่ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือข้างๆ กางเกงในสีแดงของเขายังมีบ๊อกเซอร์สีดำวางไว้ด้วย
ในตอนนั้นเองมือซ้ายของเขาก็สัมผัสโดนอะไรบางอย่าง
จี้หรานค่อยๆ หันศีรษะอันแข็งทื่อกลับไป
ยังมีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ข้างๆ เขาด้วย
ผู้ชายคนนี้ผมสั้น เพราะเจ้าตัวนอนหันหลังให้ เขาจึงมองไม่เห็นรายละเอียดอื่นๆ หากแค่เห็นแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและลำคอเรียวยาว ก็รู้แล้วว่าคงเข้ายิมเป็นประจำ เป็นประเภทที่ถ้าเอาไปทิ้งไว้ในยิม ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงคงเข้ามาจีบเป็นว่าเล่น
แต่ตอนนี้จี้หรานไม่มีอารมณ์มาชื่นชมกล้ามเนื้อของคนตรงหน้าแน่ๆ
มีรอยประทับสีแดงจำนวนมากบนแผ่นหลังของผู้ชายคนนี้ แค่ดูก็รู้แล้วว่ารอยพวกนี้มีที่มายังไง และยังมีร่องรอยอันคลุมเครือมากมายที่กระจายอยู่ตามบริเวณอื่นๆ ด้วย
ความทรงจำมากมายถาโถมเข้ามาในหัว
ถึงจี้หรานจะเป็นเกย์ แต่เขาก็ไม่เคยทำแบบนั้นกับผู้ชายมาก่อน เมื่อคืนเขาไม่ได้ให้ใครมานั่งด้วย ดังนั้นผู้ชายคนนี้ไม่มีทางเป็นหนุ่มๆ ในไนต์คลับพวกนั้นแน่
และคงไม่ใช่พวกเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวของเขา เพราะต่อให้ใจกล้าแค่ไหน พวกนั้นก็ไม่กล้าแตะต้องเขาอยู่แล้ว
และยิ่งไม่มีทางเป็นคนที่เจอกันตามข้างทางแน่นอน เขาไปไนต์คลับนั้นเป็นประจำ ใครๆ ก็รู้จักเขา ต่อให้เป็นพวกที่ไปไนต์คลับเพื่อวันไนต์สแตนด์ก็ไม่กล้ามายุ่งกับเขาอยู่ดี
เมื่อคืนเขายังเจอใครอีกนะ
และแล้วใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็โผล่เข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว
หลังจากจำรายละเอียดบางอย่างได้ จี้หรานก็ตกใจจนแทบช็อก
เชี่ยเอ๊ย!!!
นี่เขาโง่หรือไง แผ่นหลังกวนตีนแบบนี้ นอกจากไอ้เวรฉินหม่านแล้วจะมีใครอีก
จี้หรานรู้สึกถึงความปวดร้าวอย่างรุนแรงบริเวณช่วงล่าง ทั้งโมโหทั้งหงุดหงิด ความรู้สึกทั้งหมดประเดประดังเข้ามาในใจ แม้แต่แก้มเขายังกลายเป็นสีแดงจัดด้วยความโกรธ ไม่กล้ายอมรับความจริงด้วยซ้ำ รีบก้าวขาลงจากเตียงอย่างทำอะไรไม่ถูก
แต่ไม่คาดคิดว่าทันทีที่เขาขยับ ของเหลวบางอย่างในร่างกายจะขยับตามไปด้วย ยังไม่ทันได้รู้ตัว ของเหลวนั้นก็ไหลลงมาตามเรียวขาเสียแล้ว ความรู้สึกเหนียวเหนอะไม่สบายตัวถูกส่งตรงไปยังสมองทันที
เชี่ย!
F*ck!
จี้หรานมองที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งอยู่ใกล้ตัว ขณะที่ประเมินประสิทธิภาพในการใช้ฆ่าของมันก็ปลอบใจตัวเองไปด้วย
ใจเย็นๆ จี้หราน… นายต้องใจเย็นๆ กำลังจะฉลองตรุษจีนแล้ว นายจะเข้าไปฉลองในคุกไม่ได้!
จี้หรานอยากสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ แต่เห็นๆ กันอยู่ว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหยิบกางเกงในสีแดงบนพื้นขึ้นมาแล้วพยายามสวมมัน แต่ใครจะไปรู้ว่าเพราะร่างกายที่ร้าวระบมอย่างหนัก มือถึงได้สั่นไม่หยุด สวมยังไงก็สวมไม่ได้
“นายจะไปไหน”
เสียงทุ้มต่ำปนแหบพร่าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
จี้หรานตัวแข็งทื่อทันที
ไม่รู้ว่าคนบนเตียงตื่นขึ้นมาตอนไหน พอหันกลับไปก็เห็นว่ากำลังมองมาที่เขาอยู่แล้ว
ชายตรงหน้าดวงตาคมเฉียบ ใบหน้าคมคาย คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นเล็กน้อย แววตาฉายความสงสัย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูไม่ได้ใส่ใจจริงจังนัก
จี้หรานตัวแข็งทื่ออยู่แค่แป๊บเดียวเท่านั้น
ชีวิตนี้เขาไม่มีทางแสดงความอ่อนแอต่อหน้าฉินหม่านเด็ดขาด
เขาทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่อไปพลางกัดฟันตอบ “ไปซื้อโลงศพให้นายไง! นายชอบแบบไหนล่ะ แบบมีสีสันหน่อยหรือแบบเรียบๆ”
ฉินหม่านหัวเราะในลำคอ “ได้หมด… ฉันนึกว่านายกำลังจะหนีไปซะอีก”
จี้หรานถลึงตา “หนี? นายไม่หนี แล้วฉันจะหนีทำไม!”
“ใครจะไปรู้”
ฉินหม่านลุกขึ้นนั่งแล้วก้มลงไปหยิบซองบุหรี่และไฟแช็กจากกางเกงใครก็ไม่รู้ จากนั้นก็จุดบุหรี่ก่อนสูดควันเข้าลึกเต็มปอด “ว่าแต่นายจะเป็นคนจ่ายค่าโลงศพใช่ไหม ฉันไม่มีเงิน”
ในขณะที่เขาเจ็บจนต้องกัดฟัน หมอนี่กลับนั่งสูบบุหรี่ด้วยท่าทางสบายๆ เนี่ยนะ
“นายตายอย่างสบายใจได้เลย นายตายกี่รอบ ฉันก็จะซื้อโลงศพให้นายทุกรอบ” จี้หรานพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง ยังคงพยายามทำสิ่งที่ค้างอยู่ในมือต่อ
“รอเดี๋ยว” ฉินหม่านพ่นควันบุหรี่ “นายจ่ายเงินครั้งนี้มาก่อน ฉันกลัวนายจะหนี”
จี้หรานยังไม่เข้าใจในทันที “จ่ายเงิน? จ่ายค่าอะไร”
ฉินหม่าน “เมื่อคืนนายพูดว่าจะ ‘เปย์’ ฉันไม่ใช่หรือไง ทำไม พอนอนกับฉันแล้วก็คิดจะเบี้ยวงั้นเหรอ”
“…”
จี้หรานจำทุกอย่างได้แล้ว
เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขาเมามากแล้วพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ พอเห็นฉินหม่านกำลังยืนล้างมืออยู่ก็หยิบแบล็คการ์ดออกมาโยนไปให้ พร้อมทั้งโวยวายว่าต้องการเลี้ยงดูอีกฝ่าย
จี้หรานโกรธจนต้องหัวเราะออกมา “ฉันนอนกับนายหรือนายนอนกับฉันไม่ทราบ”
ฉินหม่านเคาะมวนบุหรี่พลางเงยหน้าขึ้นถาม “แล้วนายรู้สึกดีไหมล่ะ”
จี้หรานชะงัก เขาเคลื่อนสายตาตามคำพูดของฉินหม่านไปยังส่วนล่างของอีกฝ่ายที่อยู่ใต้ผ้าห่มโดยไม่รู้ตัว
“ฉันเนี่ยนะรู้สึกดี?” จี้หรานขำพรืด “นายฝันอยู่หรือไง ไม้จิ้มฟันอันนั้นของนายน่ะเหรอ ยัดร่องฟันยังไม่เต็มด้วยซ้ำ”
ฉินหม่านยิ้ม “งั้นนายก็มาลองอีกรอบสิ ขอดูหน่อยว่าร่องฟันนายจะใหญ่แค่ไหน”
จี้หรานไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งเขาจะได้คุยเรื่องลามกกับฉินหม่านตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้
“ไสหัวไปซะ ฉันไม่ได้รู้สึกดีโว้ย!” เขาตะคอก
ฉินหม่านได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ดับบุหรี่แล้วเปิดผ้าห่มออก “นายรอก่อน”
คู่แข่งของฉันถังแตก ตอนที่ 1.1
Posted by ? Views, Released on December 16, 2022
, คู่แข่งของฉันถังแตก
คู่แข่งของฉันถังแตก
Status: Ongoing
อ่านคู่แข่งของฉันถังแตก เรื่องย่อ เขาคนนี้ ‘จี้หราน’ เกิดมาในตระกูลสูงส่ง มั่งคั่งร่ำรวย มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมยังหน้าตาดี มีความสามารถ เรื่องชกต่อยยิ่งไม่เป็นรองใคร
ชีวิตดีๆ แบบนี้ของเขาควรจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเช้าวันหนึ่ง เขาดันตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับ ‘หลักฐาน’ ตรงหน้า...กางเกงในสีแดงกับบ๊อกเซอร์สีดำ
ส่วนคนที่อยู่บนเตียงกับเขานั้น เวรเอ๊ย ผู้ชายหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เป็นที่ชื่นชมใฝ่ฝันของใครๆ มากมาย แต่สำหรับเขาแล้ว หมอนี่คือศัตรูตัวฉกาจ ฟาดฟันกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในชีวิต
เอาเถอะ ตอนแรกเขาเห็นแก่ที่หมอนี่ตกอับ จากคุณชายสูงส่งกลายเป็นคนล้มละลายหนี้สินรุงรัง เลยจะรีบย่องหนีไปตั้งหลักเงียบๆ แต่อีกฝ่ายกลับกล้าเอ่ยปากทวงสัญญาที่เขาหลุดปากออกไปตอนเมาว่าจะ ‘เปย์’ และ ‘เลี้ยงดู’
“เมื่อคืนนายพูดว่าจะ ‘เปย์’ ฉันไม่ใช่หรือไง ทำไม พอนอนกับฉันแล้วก็คิดจะเบี้ยวงั้นเหรอ”
ประโยคนี้ทำเอาจี้หรานอยากลงมือฆ่าคนถ้าไม่กลัวผิดกฎหมาย แม่งเอ๊ย ได้เลย ฉินหม่าน! ได้! ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะ ‘เปย์’ และ ‘เลี้ยงดู’ หมอนี่อย่างที่พูดไว้ แต่จำไว้ว่าเงินทั้งหมดที่เสียไป เขาจะใช้เพื่อซื้อตัวฉินหม่าน เทพบุตรในฝันที่เลื่องลือคนนี้มาเหยียดหยาม เหยียบย่ำ ซ้ำเติม จะทำทุกอย่างเพื่อให้หมอนี่อยู่ในจุดที่ทุกข์ทรมานและน่าสมเพชที่สุด คอยดู!
..............................................................................................
จี้หรานโกรธจนต้องหัวเราะออกมา “ฉันนอนกับนายหรือนายนอนกับฉันไม่ทราบ”
ฉินหม่านเคาะมวนบุหรี่พลางเงยหน้าขึ้นถาม “แล้วนายรู้สึกดีไหมล่ะ”
จี้หรานชะงัก เขาเคลื่อนสายตาตามคำพูดของฉินหม่านไปยังส่วนล่างของอีกฝ่ายที่อยู่ใต้ผ้าห่มโดยไม่รู้ตัว
“ฉันเนี่ยนะรู้สึกดี?” จี้หรานขำพรืด “นายฝันอยู่หรือไง ไม้จิ้มฟันอันนั้นของนายน่ะเหรอ ยัดร่องฟันยังไม่เต็มด้วยซ้ำ”
ฉินหม่านยิ้ม “งั้นนายก็มาลองอีกรอบสิ ขอดูหน่อยว่าร่องฟันนายจะใหญ่แค่ไหน”
..............................................................................................
“ไสหัวไปซะ ฉันไม่ได้รู้สึกดีโว้ย!” เขาตะคอก
ฉินหม่านได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ดับบุหรี่แล้วเปิดผ้าห่มออก “นายรอก่อน”
เพราะฉินหม่านไม่ได้สวมเสื้อผ้า จี้หรานจึงหยิบบ๊อกเซอร์บนพื้นขึ้นมาแล้วโยนไปให้ “ให้รออะไร จะต่อยกันหรือไง ถ้าจะต่อยกันนายก็สวมเสื้อผ้าให้ดีๆ ไม่งั้นพอรถพยาบาลมาคงทุเรศสายตาน่าดูถ้าถูกหามออกไปในสภาพล่อนจ้อนแบบนั้น”
ฉินหม่านสวมเสื้อผ้าตามที่เขาขอ “ฉันไม่ต่อย ฉันเป็นมืออาชีพมากพอ ไม่ต่อยเสี่ยเลี้ยงหรอก ฉันก็แค่จะไปถามห้องข้างๆ หน่อย”
จี้หรานไม่เข้าใจ “ถามอะไร”
ฉินหม่านหัวเราะในลำคอ “ถามว่าเมื่อคืนพวกเขาได้ยินเสียงนายร้องหรือเปล่า”
“…”
..............................................................................................
แม่งเอ๊ย ทำไมวะ ทั้งที่เขาตั้งใจจะทำให้ฉินหม่านกลายเป็นคนที่น่าสมเพชจนทนดูไม่ได้ แต่ไปๆ มาๆ ทำไมหมอนี่ถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนจะกระอักเลือดได้ทุกครั้งที่คุยกัน ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า ‘น่าสมเพช’ คำนี้ช่างเหมาะกับเขาในตอนนี้มากกว่าใครๆ ล่ะนี่ โว้ยยยยย
Recommended Series
Comment
Facebook Comment