บทที่ 1 (2)
Lilac Novel
เพราะฉินหม่านไม่ได้สวมเสื้อผ้า จี้หรานจึงหยิบบ๊อกเซอร์บนพื้นขึ้นมาแล้วโยนไปให้ “ให้รออะไร จะต่อยกันหรือไง ถ้าจะต่อยกันนายก็สวมเสื้อผ้าให้ดีๆ ไม่งั้นพอรถพยาบาลมาคงทุเรศสายตาน่าดูถ้าถูกหามออกไปในสภาพล่อนจ้อนแบบนั้น”
ฉินหม่านสวมเสื้อผ้าตามที่เขาขอ “ฉันไม่ต่อย ฉันเป็นมืออาชีพมากพอ ไม่ต่อยเสี่ยเลี้ยงหรอก ฉันก็แค่จะไปถามห้องข้างๆ หน่อย”
จี้หรานไม่เข้าใจ “ถามอะไร”
ฉินหม่านหัวเราะในลำคอ “ถามว่าเมื่อคืนพวกเขาได้ยินเสียงนายร้องหรือเปล่า”
“…”
ฆ่าคนผิดกฎหมาย… ฆ่าคนผิดกฎหมาย… จี้หรานท่องในใจ
นะโม อามิตตาพุทธ
ฉินหม่าน “แล้วก็จะไปบอกเพื่อนนายด้วยว่านายคิดจะกินฟรี”
จี้หรานไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉินหม่านจะหน้าไม่อายขนาดนี้
ถึงแม้ปกติพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน แต่ที่ผ่านมาฉินหม่านเป็นพวกหน้าตายตลอดเวลา พูดจากวนประสาทแถมยังเย็นชายิ่งกว่าอะไร แค่คำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำก็ยั่วโมโหคนอื่นได้แล้ว
ต่างกับคนที่ในตอนนี้เอาแต่ขอให้เขาเปย์เป็นคนละคน
จี้หราน “ฉินหม่าน นายไม่มียางอายแล้วหรือไง”
ฉินหม่าน “ฉันล้มละลายแล้ว จะมียางอายไปทำไม”
โอเค
นายชนะแล้ว
จี้หรานสงบสติอารมณ์แล้วรูดซิปกางเกงให้เรียบร้อย “นายหยุดก่อน”
ฉินหม่านยิ้ม หยุดฝีเท้าตามคำขอแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างๆ
เพราะเมื่อกี้รีบร้อนเกินไปจี้หรานจึงไม่ได้สังเกตให้ละเอียด ตอนนี้เองเขาถึงพบว่าบนพื้นไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีถุงยางอนามัยใช้แล้วที่ถูกทิ้งเกลื่อนไปหมด แถมยังมีบางสิ่งที่ไม่น่ามองนักหลงเหลืออยู่ในนั้นด้วย
จี้หรานสูดหายใจเข้าลึกๆ อยากนั่งแต่ก็เป็นห่วงบั้นท้ายตัวเอง จึงทำได้แค่ยืนอยู่อย่างนั้น
“ใช่” เขาคลึงขมับตัวเอง “ฉันพูดว่าจะเลี้ยงดูนาย”
“เดี๋ยว” ฉินหม่านหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนเปิดการบันทึกเสียง “นายพูดอีกทีซิ ฉันจะอัดเสียงไว้”
จี้หรานโมโห “ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า!”
ฉินหม่านยักไหล่ “ใครจะไปรู้ เมื่อกี้นายก็ตั้งใจจะเบี้ยวอยู่ไม่ใช่หรือไง”
จี้หรานสูดหายใจลึกๆ อีกครั้งแล้วพูดซ้ำ “ฉันจะเลี้ยงดูนาย!” สูดหายใจลึกๆ อีกที…
“ฉันจะให้เงิน… แต่การเปย์มันก็ต้องมีกฎ เรื่องนี้นายก็รู้ใช่ไหม”
ฉินหม่าน “ไม่รู้”
จี้หราน “…สรุปสั้นๆ! ระหว่างการเปย์ ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับฉันคนเดียวเท่านั้น!!”
“ตราบใดที่ไม่คุกคามความปลอดภัยส่วนตัวของฉันก็โอเค” ฉินหม่านเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “แล้วนายต้องการอะไรบ้างล่ะ”
คำถามของอีกฝ่ายทำเอาจี้หรานชะงัก
เขาไม่เคยเลี้ยงใครมาก่อนสักหน่อย จะไปรู้ได้ไงว่าต้องเสนอความต้องการอะไร?!
“อย่างอื่นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้มีแค่ข้อเดียว!” จี้หรานกัดฟันกรอด “หลังจากนี้ถ้ามีใครถามนายเกี่ยวกับ… เรื่องอย่างว่า นายต้องตอบว่าฉันเป็นคนทำนาย!”
ฉินหม่านเลิกคิ้วและพยักหน้าพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นนิดๆ “อืม รู้แล้ว”
จี้หรานโกรธจนหน้าแดงก่ำอีกครั้ง “ยิ้มทำบ้าอะไร นายมีจรรยาบรรณในอาชีพบ้างไหมฮะ!”
“มีสิ” ฉินหม่านเอนหลัง “ถ้ามีคนถาม ฉันจะบอกว่า…”
เสียงอีกฝ่ายผ่อนคลายมาก “บอกว่านายเก่งมาก ทำจนฉันแทบขาดใจตาย แถมยังทำจนฉันร้องทั้งคืน…”
“ฉันไม่ได้ขอให้นายพูดละเอียดขนาดนั้น!” จี้หรานรู้สึกว่าตัวเองอายุสั้นลงยี่สิบปี
“โอเค” ฉินหม่านพยักหน้า
จี้หรานคิดว่าตัวเองคงคุยกับอีกฝ่ายต่อไม่ได้แล้ว เขากัดฟันกลั้นความเจ็บปวดแล้วสวมเสื้อผ้าแบบลวกๆ จนเสร็จ
ก่อนออกไปเขาหยิบแบล็คการ์ดออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนมันให้ฉินหม่านอีกครั้ง
“การ์ดใบนี้… นายเอาไปก่อน รหัส 199511”
ฉินหม่านรับมันได้อย่างแม่นยำ ปลายนิ้วที่หนีบการ์ดพลิกไปมา “ฉันรูดได้เท่าไหร่”
“นายอยากรูดเท่าไหร่ไม่ทราบ นายแม่งมีค่าแค่ร้อยหยวนเท่านั้นแหละ” จี้หรานกัดฟัน “รูด… ห้าแสนหยวนละกัน ถ้าเกิน ฉันฆ่านายตายแน่”
“โอเค” ฉินหม่านวางการ์ดไว้ข้างๆ
ขณะที่จี้หรานหมุนตัวเตรียมเดินออกไปก็ได้ยินเสียงคนด้านหลังเรียกไว้ก่อน “เดี๋ยว”
จี้หรานหันหน้ากลับมาอย่างหัวเสีย “อะไรอีก!”
“เราแลกข้อมูลติดต่อกันไว้ดีกว่า” ฉินหม่านเอ่ยต่อ “ฉันรับเงินมาแล้วก็ต้องทำงาน ถ้าเมื่อไหร่นายต้องการ… ก็เรียกฉัน”
ถ้าอยากฆ่าคน ฉันเรียกนายได้ไหม!
สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างยุ่งยาก จี้หรานจึงไม่อยากทะเลาะกับอีกฝ่าย เขาขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา “วีแชทนายไอดีอะไร”
หลังจากแลกข้อมูลติดต่อกันเสร็จ จี้หรานก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อสักวินาทีเดียว แต่เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู เสียงข้างหลังก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน ยังมีอีก” ฉินหม่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ “นายมีสวัสดิการอะไรให้บ้างล่ะ ครอบคลุมพอหรือเปล่า”
คำตอบที่ได้มีเพียงเสียงปิดประตูที่ดังสนั่นหวั่นไหวเท่านั้น