คู่แข่งของฉันถังแตก ตอนที่ 4.1

บทที่ 4 (1)
Lilac Novel
จี้หรานเป็นลูกค้าประจำของ POP แม้แต่รถหลายคันในโรงจอดรถของเขา เด็กจอดรถของที่นี่ก็รู้จักทั้งหมด ไม่ใช่เพราะคนอื่นความจำดี แต่เป็นเพราะรถทุกคันของจี้หรานโดดเด่นจนสะดุดตาเหลือเกินต่างหาก
เมื่อเห็นรถคันนี้ขับเข้ามาเด็กจอดรถก็รีบวิ่งไปรอข้างประตูทันที
“พี่หราน มาแล้วเหรอครับ” เด็กจอดรถยื่นมือทั้งสองข้างมารับกุญแจพร้อมก้มศีรษะให้ด้วยความเคารพ
“อืม” จี้หรานหยิบธนบัตรสีแดงหลายใบออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้อีกฝ่ายพร้อมกุญแจรถ “คืนนี้เรียกคนขับรถมาให้ด้วย ส่วนที่เหลือนายเก็บไว้เองเลย”
เด็กจอดรถเห็นจนเป็นเรื่องปกติแล้ว แม้แต่คำขอบคุณยังเอ่ยด้วยความสนิทสนม “ขอบคุณครับพี่หราน! พี่หรานเที่ยวให้สนุกเลยครับ สี่ทุ่มเดี๋ยวผมให้คนขับรถมารอพี่ที่นี่”
ฉินหม่านเหลือบมองไปที่ธนบัตรสีแดงในมือเด็กจอดรถที่มีไม่ต่ำกว่าสิบใบ
คุณชายจี้ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างที่ร่ำลือจริงๆ
นึกถึงแบล็คการ์ดในมือตัวเอง ฉินหม่านก็ยกยิ้มอย่างนึกสนุก
รอยยิ้มนั้นถูกจี้หรานที่หันกลับมาเห็นเข้าพอดี เขาขมวดคิ้ว “นายยิ้มอะไร”
ฉินหม่านเลิกคิ้ว “ไม่มีอะไร”
“…พอเข้าไปข้างในช่วยพูดจาให้ดีๆ ด้วยล่ะ” จี้หรานเอ่ยต่อ “จำเรื่องที่ฉันพูดกับนายก่อนหน้านี้ได้ใช่ไหม ถ้านายปากโป้งล่ะก็ ฉันจะทำให้ตระกูลฉินของนายล้มละลายอีกครั้ง”
เยว่เหวินเหวินจองโตะที่ดีที่สุดของ POP เอาไว้ จี้หรานเดินผ่านฝูงชน สิ่งแรกที่เห็นคือเยว่เหวินเหวินที่แต่งตัววาบหวิวกำลังโยกย้ายส่ายโพกอยู่บนโต๊ะ ปกติตอนไปบาร์เกย์อีกฝ่ายจะแต่งตัวเป็นผู้หญิง ดังนั้นวันนี้จึงถือว่าเบามากแล้ว… ก็แค่สวมเสื้อยืดสีดำที่สกรีนข้างหลังว่า ‘หาผู้ชาย’
เยว่เหวินเหวินหันไปก็เจอจี้หรานกับฉินหม่าน ไม่ใช่เพราะเขาตาดี แต่เป็นเพราะพอสองคนนี้เดินตามกันมาแล้วมันดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนแบบสุดๆ ต่างหาก
“จี้หราน!” อีกฝ่ายโบกมือไม่หยุดเพราะกลัวจี้หรานจะมองไม่เห็น
จี้หรานกลอกตา ทุกครั้งที่มาพวกเขาจะนั่งโต๊ะนี้ประจำ เขาคุ้นเคยกับที่นี่ยิ่งกว่าบริกรซะอีก
วันนี้โซฟาตัวใหญ่ถูกนั่งจนเต็ม บางคนที่นั่งไม่ได้ก็ยืนล้อมโต๊ะ พอเห็นท่าทางกระตือรืนร้นของเยว่เหวินเหวินก็รู้ได้ทันทีว่าใครกำลังเดินมา ทุกคนต่างหยุดสิ่งที่กำลังทำแล้วหันไปทิศทางเดียวกันอย่างพร้อมเพียง
ถึงแม้จะได้ยินเยว่เหวินเหวินเล่าให้ฟังแล้ว แต่พอเห็นฉินหม่านปรากฏตัวขึ้นจริงๆ หลายคนก็ถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
ฉินหม่านอายุใกล้เคียงกับพวกเขา แต่ในความคิดของทุกคนอีกฝ่ายกลับเหมือนรุ่นพ่อของพวกเขาแล้ว
ขณะที่พวกเขาสวมกางเกงยีนส์ขาดวิ่นตรงเข่ายืนซื้อชานมแถวๆ โรงเรียน ฉินหม่านก็ปรากฏตัวในชุดสูทเต็มยศเพื่อพูดคุยธุรกิจกับเหล่าประธานใหญ่ ฉินหม่านนำหน้าคนอื่นในทุกด้าน เป็นผู้ใหญ่ มั่นคง สงบ เยือกเย็น เป็นมาตรฐานที่ดีของคำว่า ‘ลูกบ้านอื่น’
หลายคนที่นี่ล้วนเป็นลูกหลานคนมีอันจะกินในหม่านเฉิง จึงได้ยินพ่อแม่ตัวเองพูดชื่อฉินหม่านกรอกหูมาแทบทั้งนั้น พอคนคนนี้ตกสวรรค์ จึงช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะมองด้วยความสนใจ
ถึงโซฟาจะถูกนั่งจนเต็มแล้ว ทุกคนก็ยังเว้นที่ว่างไว้ให้จี้หราน เมื่อเห็นเจ้าตัวมาถึงทุกคนก็รีบยกที่นั่งตรงกลางให้อย่างรู้งาน
จี้หรานไม่ได้สนใจคนข้างหลัง ก้าวอาดๆ ไปยังที่นั่งของตัวเองและเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสายตาของทุกคนที่จับจ้องมา “มองทำบ้าอะไร”
“มองเพราะนายหล่อไง” เพื่อนที่นั่งข้างๆ เอ่ยติดตลกแล้วส่งบุหรี่มาให้ “สูบหน่อยไหม”
พอจี้หรานคาบบุหรี่ก็มีคนจุดไฟแช็กให้ทันที
เขาเพิ่งดูดบุหรี่ได้ไม่ทันไรก็มีคนสะกิดที่ต้นขา
ฉินหม่านเดินตรงมาหาเขาด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ
แต่ถ้าจี้หรานไม่เอ่ยปากก็ไม่มีใครกล้าขยับให้อีกฝ่ายนั่ง
จี้หรานพ่นควันไปยังทิศทางที่ฉินหม่านยืนอยู่ “ไม่มีที่นั่งแล้ว นายออกไปยืนสิ”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่เป็นปกติของฉินหม่าน ทุกคนก็รู้ได้ทันที… จี้หรานไม่ได้ล้อพวกเขาเล่น อีกฝ่ายซื้อฉินหม่านแล้วจริงๆ
เห็นดังนั้นผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่มุมโซฟาก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน
“…จี้หรานทำแบบนี้กับฉินหม่านจะดีจริงๆ เหรอ”
“ตระกูลฉินล้มละลายไปแล้ว จะเป็นอะไรได้ล่ะ”
“แต่ฉันได้ยินมาว่าคนตระกูลฉินกว้างขวางมาก แถมยังมีความสามารถสุดๆ คงไม่ยากที่บริษัทตงชานจะลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง จี้หรานกดหัวเขาแบบนี้ ถ้าฉินหม่านกลับมาร่ำรวยอีกครั้ง… ได้เจอกับหายนะแน่”
“เฮ้ย” ชายคนนั้นตะคอกก่อนลดเสียงลง “ถ้าจะเจอกับหายนะก็เป็นจี้หรานที่หายนะ เกี่ยวอะไรกับพวกเรา พวกเราแค่ดูสนุกๆ อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนก็พอ”
จี้หรานเอ่ยอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นฉินหม่านไม่ยอมขยับ “นายได้ยินไหม ไปยืนที่อื่นซะ มันเกะกะ…”
“เร็วสิ” เยว่เหวินเหวินยืนขึ้นขัดจังหวะ พร้อมทั้งโบกมือให้คนที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของจี้หราน “นายน่ะ รีบขยับไปสิ ให้ฉินหม่านนั่ง! เร็วเข้า!”
จี้หรานรู้ว่าเยว่เหวินเหวินกำลังไกล่เกลี่ยก็ทำเพียงเคาะขี้บุหรี่ ไม่พูดอะไรสักคำ คนที่นั่งข้างๆ เห็นจี้หรานไม่มีท่าทีต่อต้านถึงยอมสละที่นั่งให้อย่างระมัดระวัง
“พระเจ้า” หลังจากฉินหม่านนั่งลงอีกด้าน เยว่เหวินเหวินก็อดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อจี้หรานแล้วกระซิบอย่างตื่นเต้น “ฉินหม่านจริงๆ ด้วย! เสี่ยวหรานหรานนายเริ่ดมาก! เจ๋งชะมัด! พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เราไปเปิ่นเซ่อกัน นายพาฉินหม่านไปด้วย เหล่าเพื่อนสาวที่นั่นจะได้เจริญหูเจริญตาบ้าง!”
เปิ่นเซ่อคือบาร์เกย์ที่เยว่เหวินเหวินมักจะไปเป็นประจำ
“นายไปคนเดียวเถอะ” จี้หรานไม่ชอบคลุกคลีกับเหล่าเพื่อนสาวของเยว่เหวินเหวิน เขามองไปรอบๆ “นี่นายเรียกพวกชั่วนี่มาทั้งหมดเลยเหรอ”
เพราะเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ พวกเขาจึงได้เจอกับเหล่าคนรวยที่ใช้เงินซื้อความสุขอยู่บ่อยๆ แต่ถึงจะสนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหน ก็ยังนับว่าต้องมีขอบเขตทุกครั้ง แต่พวกที่มาในวันนี้กลับเป็นพวกที่ขึ้นชื่อในเรื่องเลวๆ ทั้งนั้น ถ้าให้สาธยายเรื่องเลวๆ ของคนพวกนี้ล่ะก็ นอกจากฆ่าคนกับลอบวางเพลิงก็เคยทำมาแล้วเกือบทั้งหมด
สมัยเรียนคนพวกนี้คอยพันแข้งพันขาจี้หรานแทบทุกวัน เพราะเรื่องแข่งรถ จี้หรานถึงยอมเสวนาด้วย แต่หลังจากรู้จักกลุ่มแข่งรถมืออาชีพ เขาก็เลิกคบค้ากับคนพวกนี้ทันที
ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นเพราะไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก ถ้ามีเรื่องมีราวขึ้นมาเขาไม่อยากไปขอให้พ่อบังเกิดเกล้าที่งานรัดตัวทั้งวันคนนั้นมาประกันตัวให้
“ฉันไม่ได้เป็นคนเรียกมา” เยว่เหวินเหวินรู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร “ก่อนหน้านี้พวกนั้นนั่งโต๊ะข้างๆ แต่อยู่ๆ ก็จะมานั่งกับเราให้ได้ เพราะดันมีพวกปากมากไปบอกพวกนั้นเรื่องฉินหม่าน พอแห่มากันแล้ว ฉันไล่ยังไงก็ไม่ไป”
จี้หรานเหยียดริมฝีปาก “แส่ชะมัด”
ทันทีที่เอ่ยจบหนึ่งในพวกอันธพาลก็เอ่ยขึ้น
“จี้หราน วันนี้นายมาสายนะ” ชายคนนั้นวางมือข้างหนึ่งไว้บนร่างกายบางส่วนของสาวสวยข้างๆ อย่างล่อแหลม ส่วนมืออีกข้างถือแก้วเหล้า “แบบนี้ต้องดื่มสามแก้วใช่ไหม มา ฉันขอชนแก้วกับนายหน่อย!”
ผู้ชายคนนี้ชื่อกู้เจ๋อ เป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาลและยังเป็นคนที่รับมือได้ยากที่สุดในกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย แต่ละปีพ่อของหมอนี่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการประกันตัวลูกชาย
จี้หรานยกยิ้ม ดวงตาแฝงไปด้วยความรังเกียจ แต่แสงไฟในนี้สลัวเกินกว่าจะมีคนมองเห็น เขาไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงยกเหล้าแก้วใหม่ที่มีเหล้าอยู่เต็มขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย
กู้เจ๋อรีบยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับจี้หรานกลางอากาศ
ดื่มหมดกู้เจ๋อก็ส่งแก้วไปให้สาวสวยข้างๆ สาวสวยอกอวบอิ่มรีบรับแก้วเหล้าด้วยมือทั้งสองข้างแล้วรินหล้าให้อีกฝ่ายอย่างเชื่อฟัง
จี้หรานเลิกคิ้วและหันไปเรียกคนข้างๆ “เฮ้”
ฉินหม่านนั่งไขว้ห้างอย่างสง่างามราวกับไม่ได้นั่งอยู่ในไนต์คลับที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจ แต่กำลังนั่งเจรจาธุรกิจอยู่ในร้านอาหารสุดหรู
“ว่าไง”
“รินเหล้าให้ฉัน” จี้หรานเอ่ยพลางใช้ปลายนิ้วเคาะปากขวด
ทุกคนหันมามองอย่างสนใจ ฉินหม่านเพียงปรายตาไปยังแก้วเหล้าแล้วยกขาลงช้าๆ จากนั้นก็ยกขวดเหล้ามารินให้เขา
เทคนิคการรินเหล้าของอีกฝ่ายดีมาก ในแก้วไม่มีฟองแม้แต่นิดเดียว
จี้หรานมองไปยังของเหลวที่เกือบล้นแก้วแล้วยิ้มเยาะ “ทำไม เสียดายเหล้าหรือไง”
กู้เจ๋อดื่มหมดไปอีกแก้วแล้ว “จี้หราน ดื่มสิ”
จี้หรานตวัดสายตาไปที่กู้เจ๋อ พยายามซ่อนความหงุดหงิดแล้วดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
กู้เจ๋อชอบทำตัวเป็นลูกพี่ แต่ตอนนั้นคนกลุ่มที่พวกเขาคบหาอยู่ด้วยชอบที่จะตามจี้หรานมากกว่า กู้เก๋อจึงแอบตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับจี้หรานตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว

คู่แข่งของฉันถังแตก

คู่แข่งของฉันถังแตก

คู่แข่งของฉันถังแตก
Score 4.9
Status: Ongoing
อ่านคู่แข่งของฉันถังแตก เรื่องย่อ เขาคนนี้ ‘จี้หราน’ เกิดมาในตระกูลสูงส่ง มั่งคั่งร่ำรวย มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมยังหน้าตาดี มีความสามารถ เรื่องชกต่อยยิ่งไม่เป็นรองใคร ชีวิตดีๆ แบบนี้ของเขาควรจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเช้าวันหนึ่ง เขาดันตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับ ‘หลักฐาน’ ตรงหน้า...กางเกงในสีแดงกับบ๊อกเซอร์สีดำ ส่วนคนที่อยู่บนเตียงกับเขานั้น เวรเอ๊ย ผู้ชายหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เป็นที่ชื่นชมใฝ่ฝันของใครๆ มากมาย แต่สำหรับเขาแล้ว หมอนี่คือศัตรูตัวฉกาจ ฟาดฟันกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในชีวิต เอาเถอะ ตอนแรกเขาเห็นแก่ที่หมอนี่ตกอับ จากคุณชายสูงส่งกลายเป็นคนล้มละลายหนี้สินรุงรัง เลยจะรีบย่องหนีไปตั้งหลักเงียบๆ แต่อีกฝ่ายกลับกล้าเอ่ยปากทวงสัญญาที่เขาหลุดปากออกไปตอนเมาว่าจะ ‘เปย์’ และ ‘เลี้ยงดู’ “เมื่อคืนนายพูดว่าจะ ‘เปย์’ ฉันไม่ใช่หรือไง ทำไม พอนอนกับฉันแล้วก็คิดจะเบี้ยวงั้นเหรอ” ประโยคนี้ทำเอาจี้หรานอยากลงมือฆ่าคนถ้าไม่กลัวผิดกฎหมาย แม่งเอ๊ย ได้เลย ฉินหม่าน! ได้! ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะ ‘เปย์’ และ ‘เลี้ยงดู’ หมอนี่อย่างที่พูดไว้ แต่จำไว้ว่าเงินทั้งหมดที่เสียไป เขาจะใช้เพื่อซื้อตัวฉินหม่าน เทพบุตรในฝันที่เลื่องลือคนนี้มาเหยียดหยาม เหยียบย่ำ ซ้ำเติม จะทำทุกอย่างเพื่อให้หมอนี่อยู่ในจุดที่ทุกข์ทรมานและน่าสมเพชที่สุด คอยดู! .............................................................................................. จี้หรานโกรธจนต้องหัวเราะออกมา “ฉันนอนกับนายหรือนายนอนกับฉันไม่ทราบ” ฉินหม่านเคาะมวนบุหรี่พลางเงยหน้าขึ้นถาม “แล้วนายรู้สึกดีไหมล่ะ” จี้หรานชะงัก เขาเคลื่อนสายตาตามคำพูดของฉินหม่านไปยังส่วนล่างของอีกฝ่ายที่อยู่ใต้ผ้าห่มโดยไม่รู้ตัว “ฉันเนี่ยนะรู้สึกดี?” จี้หรานขำพรืด “นายฝันอยู่หรือไง ไม้จิ้มฟันอันนั้นของนายน่ะเหรอ ยัดร่องฟันยังไม่เต็มด้วยซ้ำ” ฉินหม่านยิ้ม “งั้นนายก็มาลองอีกรอบสิ ขอดูหน่อยว่าร่องฟันนายจะใหญ่แค่ไหน” .............................................................................................. “ไสหัวไปซะ ฉันไม่ได้รู้สึกดีโว้ย!” เขาตะคอก ฉินหม่านได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ดับบุหรี่แล้วเปิดผ้าห่มออก “นายรอก่อน” เพราะฉินหม่านไม่ได้สวมเสื้อผ้า จี้หรานจึงหยิบบ๊อกเซอร์บนพื้นขึ้นมาแล้วโยนไปให้ “ให้รออะไร จะต่อยกันหรือไง ถ้าจะต่อยกันนายก็สวมเสื้อผ้าให้ดีๆ ไม่งั้นพอรถพยาบาลมาคงทุเรศสายตาน่าดูถ้าถูกหามออกไปในสภาพล่อนจ้อนแบบนั้น” ฉินหม่านสวมเสื้อผ้าตามที่เขาขอ “ฉันไม่ต่อย ฉันเป็นมืออาชีพมากพอ ไม่ต่อยเสี่ยเลี้ยงหรอก ฉันก็แค่จะไปถามห้องข้างๆ หน่อย” จี้หรานไม่เข้าใจ “ถามอะไร” ฉินหม่านหัวเราะในลำคอ “ถามว่าเมื่อคืนพวกเขาได้ยินเสียงนายร้องหรือเปล่า” “…” .............................................................................................. แม่งเอ๊ย ทำไมวะ ทั้งที่เขาตั้งใจจะทำให้ฉินหม่านกลายเป็นคนที่น่าสมเพชจนทนดูไม่ได้ แต่ไปๆ มาๆ ทำไมหมอนี่ถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนจะกระอักเลือดได้ทุกครั้งที่คุยกัน ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า ‘น่าสมเพช’ คำนี้ช่างเหมาะกับเขาในตอนนี้มากกว่าใครๆ ล่ะนี่ โว้ยยยยย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset