บทที่ 5 (1)
“ใช่” เยว่เหวินเหวินที่นั่งดูสถานการณ์มานานใช้มือเท้าคางแล้วยิ้มเสริม “เป็นลูกผู้ชายแท้ๆ จะให้ผู้หญิงดื่มเหล้าแทนงั้นเหรอ น่าเกลียดมากเลยนะคุณชายกู้”
กู้เจ๋อตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแค่จี้หรานเขย่าลูกเต๋ามั่วๆ แบบนั้นแล้วจะได้แต้มเดียวกันหมดแบบนี้
“นายไปเรียนรู้เทคนิคพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่” กู้เจ๋อยิ้มแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตาม “เขย่าออกมาได้ขนาดนี้ ในถ้วยนั้นคงไม่มีอะไรซ่อนอยู่หรอกใช่ไหม”
“นายสำคัญตัวเองผิดเกินไปแล้ว เพื่อไม่ต้องดื่มเหล้าฉันต้องทำขนาดนั้นเลยหรือไง” จี้หรานยักไหล่ “เหล้าแค่สิบแก้วนายก็กลัว? หรืออยากให้ผู้หญิงของนายดื่มแทนจริงๆ”
คำพูดของเขาเหมือนเป็นคำถาม แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างปิดไม่มิด
“มีอะไรให้กลัว!” รอยยิ้มกู้เจ๋อหายไป ยื่นแขนไปหยิบแก้วเหล้าข้างหน้าอย่างฉุนเฉียวจนลิลลี่ถูกสะบัดทิ้งไปอย่างไร้ร่องรอย “ฉันไม่ได้จะให้เธอดื่มแทนอยู่แล้ว แค่อยากให้กติกามันดูน่าสนุกขึ้นเท่านั้น”
ความจริงแก้วเหล้าในไนต์คลับนับว่าไม่ได้ใหญ่ แต่ขนาดของแก้วก็แทบไม่ช่วยอะไรเลยกับเหล้าที่แรงมากๆ แบบนี้ เพื่อแผนที่วางไว้ กู้เจ๋อจงใจซื้อเหล้านอกดีกรีแรงที่พอผสมทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันแล้ว ดื่มสิบแก้วยังไงก็ต้องมึนแทบลงไปคลาน
“ดื่มให้หมด” จี้หรานเชิดคางขึ้นพลางชี้ไปยังแก้วเหล้าที่ยังมีของเหลวหลงเหลืออยู่ “เหลือเยอะขนาดนั้นจะเอาไว้เลี้ยงปลาหรือไง”
กู้เจ๋อระงับความโกรธแล้วยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง ถึงลิลลี่จะอยู่กับกู้เจ๋อได้ไม่นาน แต่เธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ร้ายแค่ไหน ถ้าปล่อยให้กู้เจ๋อหัวร้อนกลับไปแบบนี้ คนที่ต้องรองรับอารมณ์อีกฝ่ายก็คือเธอ คิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบยกขวดเหล้าขึ้นมารินให้กู้เจ๋อและยังใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อไม่ให้เหล้าเต็มแก้วเกินไป
แต่ทันใดนั้นกู้เจ๋อก็ใช้มือปิดปากขวดเอาไว้
ก่อนหน้านี้กู้เจ๋อดื่มเครื่องดื่มเบาๆ ไปแล้วหลายแก้ว พอบวกกับเหล้าดีกรีสูงที่ถูกผสมเหล่านี้จึงเริ่มเมานิดๆ ชายหนุ่มมองไปยังฉินหม่านอย่างท้าทาย
“บอสใหญ่ฉินนั่งเฉยๆ คงเบื่อแย่ ไหน มารินเหล้าให้ฉันหน่อยสิ”
สายตาทุกคู่มองตรงไปยังฉินหม่านทันที
ฉินหม่านแค่เงยหน้าขึ้นแล้วปรายตามองอีกฝ่ายนิ่งๆ โดยไม่ขยับสักนิด
จี้หรานได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วและหันไปมองฉินหม่านอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าของผู้ชายที่อยู่ข้างตัวเยือกเย็น ความถือตัวและเย็นชาแบบในอดีตปรากฏขึ้นอย่างเข้มข้นในแววตา ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบกลับ กู้เจ๋อจึงเร่ง “เร็วสิ อย่าทำให้เราเสียเวลาดื่ม”
ฉินหม่านกำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกจี้หรานแทรกขึ้นก่อน
“ทำไมเขาต้องรินเหล้าให้นายด้วย” เพราะจี้หรานยิ้ม คนฟังจึงไม่รู้ว่าเขากำลังด่าจริงๆ หรือแค่ล้อเล่น “นายพิการไม่มีมือเหรอ หรือว่าตาบอดมองไม่เห็นว่าไนต์คลับนี้มีบริกร”
เดิมทีจี้หรานอยากพูดว่า ‘คนอย่างนายไม่สมควรได้รับมัน’ แต่นึกขึ้นได้ว่าประโยคนี้เหมือนเป็นการยกฉินหม่านให้สูงขึ้น จึงรีบเปลี่ยนทันที
ฉินหม่านเป็นเสือหลุดจากป่าที่ถูกสุนัขรุมรังแก จี้หรานรู้ว่าตัวเองเป็นสุนัขชั่วร้ายที่คอยซ้ำเติมอีกฝ่าย แต่ฉินหม่านคือเหยื่อของเขา เขาจะฉีกทึ้งร่างของเสือตัวนี้ยังไงก็ได้ แต่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาลิ้มรสมันเด็ดขาด และยิ่งไม่ต้องพูดเลยถ้าคนคนนั้นคือกู้เจ๋อ
ต่อให้โง่แค่ไหนกู้เจ๋อก็รู้ว่าประโยคนี้ไม่ชอบมาพากล “จี้หราน นายหมายความว่ายังไง”
“นายไม่เข้าใจว่าฉันหมายความว่ายังไงงั้นเหรอ” จี้หรานเอ่ยปากไล่อย่างไม่อ้อมค้อม “กู้เจ๋อ เราสองคนไม่ได้สนิทจนถึงขั้นที่จะนั่งดื่มด้วยกันหรอกนะ”
กู้เจ๋อที่ดื่มไปหลายแก้วหน้าแดงจัดด้วยความโกรธเมื่อถูกจี้หรานพูดหักหน้า
“หมายความว่านายล้อฉันเล่นตั้งแต่แรก”
จี้หรานยักไหล่ “นายเห็นฉันว่างมากจนมีเวลาเล่นกับนายหรือไง”
กู้เจ๋อลุกพรวดทันที “แก!”
“บอสใหญ่ทั้งสองคน!” ผู้จัดการไนต์คลับที่ยืนดูอยู่นานรีบวิ่งเข้ามาเมื่อเห็นท่าไม่ดี “ทำไมคุณสองคนมานั่งด้วยกันล่ะครับ ตรงนี้แออัดจะตายไป คุณชายกู้ โต๊ะของคุณเรายังจองไว้ให้อยู่นะ คุณกลับไปโต๊ะนั้นดีไหมครับ”
กู้เจ๋อยังยืนทำหน้าแข็งกร้าวอยู่ที่เดิม จี้หรานหักหน้าเขาต่อหน้าทุกคนแบบนี้ ถ้าเขายอมง่ายๆ ต่อไปคงไม่มีหน้าไปเจอใครอีก
ผู้จัดการเริ่มหน้าซีด ยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก คุณชายทั้งสองอารมณ์ร้ายทั้งคู่ เขาคงโน้มน้าวอะไรไม่ได้แล้ว
เยว่เหวินเหวินพยายามส่งสายตาให้จี้หรานสุดชีวิตเพื่อให้จี้หรานยอมกู้เจ๋อไปซะ เพราะยังไงมังกรที่แข็งแกร่งก็เอาชนะพวกงูท้องถิ่นไม่ได้ พ่อของกู้เจ๋อเป็นพวกมีอิทธิพล ในสถานที่อโคจรแบบนี้ เขาประเมินแล้วว่าไม่น่าจะได้เปรียบกู้เจ๋อไปได้
แต่จี้หรานไม่สนใจสัญญาณที่เขาส่งให้สักนิด
ที่จี้หรานไม่อยากยั่วยุกู้เจ๋อก่อน ไม่ได้หมายความว่าเขากลัว ก่อนหน้านี้เขาคิดเอาไว้แล้วว่าคนที่กวนประสาทเขามาแต่ไหนแต่ไรอย่างกู้เจ๋อ ช้าหรือเร็วก็ต้องแตกหักกันอยู่ดี
งั้นก็แตกหักตอนนี้ไปเลยดีกว่า!
ให้เขายอมกู้เจ๋อ? หึ เขาไม่เตะไอ้เวรนี่สักทีก็ถือว่ามีเมตตากรุณาเหมือนพระโพธิสัตว์แค่ไหนแล้ว
“แออัดมากจริงๆ โต๊ะตัวเองก็มี ทำไมต้องคอยมาขอนั่งโต๊ะคนอื่น” จู่ๆ ฉินหม่านก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หรือไม่มีเงินจ่ายค่าเหล้า”
ไม่มีใครคิดว่าฉินหม่านจะเปิดปากพูดแบบนี้ กู้เจ๋อผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะเบิกตากว้าง “ฉันเนี่ยนะไม่มี…”
ยังพูดไม่ทันจบ ฉินหม่านก็ขยับไปหาจี้หรานพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ “ยังไงก็เป็นเพื่อนเก่า ทำไมนายไม่ช่วยจ่ายเงินให้เขาหน่อยล่ะ”
จี้หรานเอนหลังพิงโซฟาอย่างเกียจคร้านในท่าทางสบายๆ ได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโบกมือให้ผู้จัดการแล้วเอ่ยเหมือนกำลังให้ทาน “ลงบัญชีฉัน”
“เศษเงินแค่นี้น่ะเหรอฉันจะไม่มีปัญญาจ่าย แกสองคนจงใจใช่ไหม” กู้เจ๋อยิ้มเย็นและเลือกรังแกคนไร้ทางสู้ก่อน “ฉินหม่าน ใครใช้ให้นายเสนอหน้าพูด คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน หึ ยังคิดว่าตัวเองเป็นบอสใหญ่เหมือนเมื่อก่อนงั้นสิ เชื่อไหมว่าวันนี้ฉันจะทำให้นายเดินเข้ามาเหมือนคนแต่กลับออกไปเหมือนหมา”
จี้หรานไม่ชอบให้คนอื่นทำตัวกร่างต่อหน้า “นี่นายกำลังขู่ใครอยู่ฮะ…”
“นายเก่งเรื่องนี้จริงๆ นะ” ฉินหม่านเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แต่ทำไมครึ่งปีก่อนถึงโดนคนอื่นหักขาได้ล่ะ”
ทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ออกไปทุกคนก็ชะงัก แม้แต่กู้เจ๋อยังอ้าปากค้าง สีหน้าดูช็อกมากกว่าเมื่อกี้หลายเท่า
ก่อนหน้านี้เขาไปมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยที่ผับแห่งหนึ่ง และโดนอีกฝ่ายซ้อมจนขาหัก ต้องพักรักษาตัวอยู่บ้านหลายเดือน เพิ่งออกมาใช้ชีวิตข้างนอกได้เมื่อไม่นานนี้เอง
คนคนนั้นมีอำนาจมากเกินไป แม้แต่พ่อของเขายังไม่กล้ามีเรื่องด้วย นับประสาอะไรกับเขากัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมนั้นไป
แต่คืนนั้นเขาไปที่ไนต์คลับคนเดียวและเรื่องนั้นก็ไม่ได้ถูกป่าวประกาศออกไป… ฉินหม่านรู้ได้ยังไง!
เรื่องน่าอายแบบนี้ พอหลุดออกไปแล้ว ต่อไปเขาคงไม่มีหน้าไปเจอใครอีก
การจากไปของกู้เจ๋อเรียกได้ว่าหวั่นกลัวจนอยู่ในสภาพหางจุกตูดเลยก็ว่าได้
เยว่เหวินเหวินยืนดูด้วยขบขัน รอจนพวกอันธพาลแก๊งนั้นจากไปก็เดินเข้ามาถามผ่านไหล่จี้หราน “ฉินหม่าน เรื่องหักขานี่มันยังไงเหรอ นายรีบเล่ามาเลย!”
“ก็ไม่มีอะไร” ฉินหม่านยิ้ม “เขาไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งด้วยก็เลยถูกจับหักขา”
“จริงเหรอ เรื่องตลกขนาดนี้ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยิน!” เยว่เหวินเหวินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกลุ่มแชทในวีแชทด้วยความตกตะลึง “สมาชิกเก้าสิบเก้าคนในกลุ่มกอสซิปหม่านเฉิงของฉันตายไปหมดแล้วหรือไง!”
ฉินหม่าน “สงสัยสายข่าวในกลุ่มคงตามข่าวไม่ทัน”
“ก็จริง วันๆ พวกนั้นไม่ทำอะไรนอกจากดูผู้ชายหล่อ” เยว่เหวินเหวินถือโทรศัพท์พลางขยิบตาให้ฉินหม่าน “ฉินหม่านเกอเกอ นายผ่านการทดสอบของกลุ่มกอสซิปเราแล้ว ว่าไง สนใจจะเข้าร่วมหรือเปล่า”