Walk On Water เมื่อผมต้องใช้หนี้นอกระบบ ตอนที่ 5

บทที่ 1 (5)

“ทำไมเหม่อแบบนั้นล่ะ”
เดเร็คนวดขมับด้วยปลายนิ้ว ผมหันไปทางซ้ายมือมองเดเร็คที่อยู่ตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย
“ฉันถามว่าทำไมนายถึงเหม่อแบบนั้น”
เดเร็คถามซ้ำอีกครั้ง คิ้วขมวดมุ่น ผมหันหน้าหนี ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถ ผมไม่อยากจะอธิบายเหตุผลว่าทำไมตัวเองจึงเหม่อลอยแบบนี้ และต่อให้พูดไป เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“ไม่มีอะไรหรอก”
ในที่สุดเดเร็คก็ยอมแพ้เพราะน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดผมเลี่ยงสายตาที่เต็มไปด้วยความค้างคาใจด้วยการมองบรรดาอาคารสูงเสียดฟ้านอกหน้าต่างรถ ตอนที่ผมตื่นนอนช่วงเช้ามืด นอกหน้าต่างเป็นสีเทาทึม ๆ แต่ตอนนี้ท้องฟ้าก็ยังคงอึมครึมแม้จะเป็นช่วงบ่ายแล้วก็ตามท่ามกลางบรรยากาศร้อนอบอ้าว ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตกในอีกไม่ช้า
“วันนี้เป็นงานนอกสถานที่หรือเปล่า”
“นายฟังการประชุมเมื่อตอนบ่ายบ้างไหมเนี่ย วันนี้มีงานโปรโมตในอาคารบนถนนหมายเลข 55 ไง”
“งั้นหรือ”
ผมถอนหายใจเบา ๆ และเอนศีรษะพิงหน้าต่างรถ สายฝนพรำหยดลงบนกระจกเป็นเส้นบาง ๆ หากมีการจัดงานกลางแจ้งในวันแบบนี้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มีมากขึ้น การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยในการจัดงานนั้นพูดถึงสถานการณ์ที่ต่อเนื่องกันอย่างน้อยสองสถานการณ์ หรือแม้แต่อุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจทำให้แผ่ขยายเป็นวงกว้างจนกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ ความขัดข้องในงานจะทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมและสื่อมวลชนจนทิ้งตำหนิด่างพร้อยไว้ให้ผู้จัด
บริษัท MIP ที่ผมสังกัดอยู่เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย งานรักษาความปลอดภัยคือ ให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยในงาน ทั้งงานใหญ่และงานเล็ก ๆ แบ่งหน้าที่ออกเป็นสามส่วนคือ ดูแลแขกวีไอพีทั้งภายใน ภายนอก ดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในงาน ในกรณีของผมคือ รับผิดชอบเรื่องการดูแลความปลอดภัยในงานเป็นหลัก ผมไม่นึกว่าจะได้รับโอกาสอีกครั้งในชีวิตที่ละทิ้งศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดซึ่งเคยได้เล่าเรียนมา เพราะอยากเป็นนักแสดงภาพยนตร์แอคชั่นในสมัยที่ยังไม่รู้ประสีประสา
“ลงไปกันเถอะ”
มือหนาและสากของเดเร็คสะกิดเข้าที่แผ่นหลัง ดูเหมือนเราจะมาถึงในระหว่างที่ผมกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดครู่หนึ่ง ผมลุกและเดินตามเดเร็คไปด้วยแววตาว่างเปล่า
เราเข้ามาด้านในอาคารเมอร์เซเดสเบนซ์ สาขาสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ระหว่างถนนหมายเลข 55 กับถนนหมายเลข 57 มีรถยนต์เงาวับส่องประกายใต้แสงไฟเรียงรายเป็นแถว ผมสวมเอียร์ไมค์เข้ากับหูและเดินไปหาแอชซึ่งเป็นหัวหน้าทีม ผมและเดเร็คยืนอยู่ที่ประตูด้านข้างฝั่งตะวันออกตามคำสั่งของเขาที่มาตรวจสอบสถานที่จริงและเตรียมแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน
“น่าสงสารชะมัด”
เมื่อเปิดปากพูด น้ำเสียงของเดเร็คก็ฟังดูไม่พอใจนัก
“แอชถูกซาราห์จับได้แล้วละ”
“ถูกจับได้หรือ”
ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อเสมองไปด้านข้าง เดเร็คที่สวมแว่นกันแดดก็กำลังมองมาที่ผม
“นายลืมไปแล้วหรือไง ให้ตายสิ นักศึกษาหญิงจากมหาวิทยาลัยศิลปะที่ช่วงนี้แอชไปพัวพันด้วยไง ยายผมแดงนั่นน่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดประชดประชัน ผมก็พอจะเข้าใจได้ว่าเดเร็คกำลังพูดถึงอะไร ซาราห์ซึ่งเป็นภรรยาของแอช หัวหน้าทีม รู้แล้วสินะว่าถูกสามีนอกใจ
“เป็นเรื่องใหญ่แล้วสิ”
“มีเหตุผลที่เขาไม่ถอดแว่นกันแดดออกเลยตั้งแต่เช้าน่ะ ซาราห์เขวี้ยงแก้วใส่เขา แต่มันกระแทกเข้าเต็มตาเลย”
แอชซึ่งเป็นผู้นำทีมที่ 9 ของ MIP เป็นหัวหน้าของผมกับเดเร็คและเป็นลูกพี่ลูกน้องของเดเร็คด้วย ผมกับเดเร็คเป็นเพื่อนกันมานานพอที่จะบอกเล่าความลับส่วนตัวของลูกพี่ลูกน้องได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
เดเร็คเล่าว่า แอชที่แต่งงานมาห้าปีแล้ว หลังจากชีวิตแต่งงานจืดจางลงเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มสานสัมพันธ์กับนักศึกษาสาวผมหยักศกสีแดงทรงเสน่ห์และไม่อาจควบคุมความเจ้าชู้แบบหนุ่ม ๆ ได้
ผมเห็นทั้งสองคนรับประทานมื้อเย็นด้วยกันในร้านอาหาร จึงได้เห็นใบหน้าของนักศึกษาสาวผมหยักศกสีแดงที่แอชตกหลุมรัก สาวผิวขาวที่มีเสน่ห์ เจ้าของดวงตาสีฟ้าและผมสีแดง ผู้หญิงแบบที่ไม่เคยเยื้องย่างเข้ามาในโลกของผมเลยสักครั้ง เธอมีทั้งความสดใสร่าเริงและความงดงามเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา จะว่าไปผมก็รู้จักคนประเภทนั้นอยู่อีกหนึ่งคนอันที่จริงไม่น่าจะพูดได้ว่าผมรู้จักเขา และเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนกับนักศึกษาคนนั้น
ชื่อเทย์เลอร์หรือเปล่านะ ตากล้องที่มีดวงตาสีฟ้ากับผมหยักศกสีแดงผู้จับจ้องสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวในกล้องตลอดเวลาด้วยใบหน้าที่แสนจริงจัง เขาถ่ายภาพและมองดูผมผ่านกล้องเงียบ ๆ ราวกับเป็นนักถ้ำมองโดยไม่มีการแทรกแซงหรือบีบบังคับใด ๆ เมื่อนึกถึงเทย์เลอร์ผมหยักศกสีแดงคนนั้นขึ้นมา ผมก็นึกถึงผู้ชายตัวสูงที่ชื่อเกล็น แม็คควีน โดยอัตโนมัติราวกับพวกเขามีความเชื่อมโยงกัน
‘ผมอยากจะดูดมันขึ้นมาเลยละ’
ผมกำหมัดแน่นกับคำพูดที่ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำราวกับประโยคโฆษณาหลอนหู ไม่ว่าจะไปที่ไหน คำพูดของเขาที่บอกว่าอยากจะดูดหน้าอกของผมผุดขึ้นมาอย่างเลือนรางอยู่เรื่อย ๆ ผมนิ่วหน้ากับความทรงจำน่าขนลุกที่ทำให้รู้สึกอับอาย
เรื่องราวในวันนั้นไม่ได้จบลงในการถ่ายทำครั้งเดียว หลังจากถ่ายทำฉากมาสเตอร์เบชั่นแล้ว เกล็น แม็คควีน ก็ลากผมที่กึ่งนั่งกึ่งยืนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนออกไปนอกอาคาร เทย์เลอร์กับตากล้องอีกคน และเจนีนคีตัน ซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกองถ่ายหนังโป๊แห่งนี้ไม่ได้ตามพวกเราออกมา แต่มีชายหนุ่มแปลกหน้าที่ผมเพิ่งจะเคยเห็นตามมาแทน เขายกแผ่นรีเฟล็กสีเงินส่องมาที่ผม
“ทำตัวตามสบายนะครับ”
เกล็น แม็คควีน พูดพลางปรับรูรับแสงกล้อง เขาที่ก้มดูกล้องเงียบ ๆ พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองผมซึ่งกำลังเดินไปฝั่งตรงข้ามของสระว่ายน้ำ
“ถอดเสื้อออกด้วย”
ผมจับเสื้อและถอดออกทันที จากนั้นก็โยนเสื้อไปให้ชายหนุ่มที่ถือรีเฟล็กและโบกมืออยู่ตรงสระน้ำตื้น ๆ
หลังจากถ่ายภาพไปสองสามรูป ผมก็ลงไปในสระว่ายน้ำและถอดกางเกงออก จากนั้นก็ถ่ายภาพต่อทั้ง ๆ ที่ยังนอนอยู่บนพื้นกระเบื้องเปียก ๆ สีน้ำเงิน ในตอนท้ายผมลูบคลำกลางลำตัวด้วยใบหน้าแดงก่ำขณะที่พวกเขากำลังจับจ้องมาเพื่อให้ผมแข็งตัว หลังจากถ่ายภาพไปหลายสิบรูปในท่าทางที่แตกต่างกัน ดวงอาทิตย์ก็ค่อย ๆ คล้อยต่ำลง
“รับนี่ไปสิครับ”
ผมรับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่จากมือของเกล็น แม็คควีน เมื่อเช็ดแก้มที่เปียกด้วยหลังมือพลางเหลือบตามองเขา พวกเราก็สบตากัน สายตาของเขาค่อย ๆ ไล่มองใบหน้า ต้นแขน และผ้าเช็ดตัวที่ปกปิดแก่นกายชูชันของผม
“ดูไหมครับ”
เขาชี้หน้าจอแอลซีดีของกล้องพร้อมกับเอ่ยถาม ผมเกาแก้มอย่างเก้อเขินพลางขยับไปยืนข้างเขา บนจอภาพเป็นรูปตอนแรกที่ผมถอดเสื้อออกและยืนอยู่ตรงหน้าเขา
เขาหยุดและเลื่อนภาพไปเรื่อย ๆ ภาพโคลสอัพร่างกายท่อนบนของผมที่นอนอยู่บนพื้นกระเบื้องสีน้ำเงินเปียกน้ำและกำลังมองเลนส์กล้องประกายแสงในน้ำที่สะท้อนเข้ามาทำให้เผลอหยีตาลงเล็กน้อย ตอนที่ถ่ายภาพนั้น เกล็น แม็คควีน ยืนกางขาคร่อมร่างเปล่าเปลือยของผมเอาไว้และมองลงมาที่ผมพร้อมกับกดชัตเตอร์
“รูปนี้ดูดีมากเลย”
เกล็น แม็คควีน พูดพลางชี้รูปถ่าย ชายคนที่ยืนข้างเขามองหน้าจอกับผมสลับกันพร้อมกับพูดขึ้น
“สายตา…เซ็กซี่มาก”
ทีมงานยื่นหน้าเข้ามา ผู้ชายคนนั้นยิ้มด้วยแววตาแปลก ๆ
“ผมรู้สึกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วละ คุณไม่ค่อยอายกล้องเท่าไหร่ เคยเป็นนายแบบมาก่อนหรือเปล่าครับ”
“…ผมเคยทำงานที่คล้าย ๆ กันน่ะครับ”
ผมยักไหล่พลางมองแม็คควีน เขาเหลือบตาที่กำลังดูหน้าจอกล้องขึ้นมอง ดวงตาของชายหนุ่มที่กำลังมองมาเป็นสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบจะเป็นสีอำพัน มันเป็นดวงตาที่เร้าอารมณ์นัก
“หืม งานที่คล้าย ๆ กันแบบไหนล่ะ”
เขาเหยียดยิ้มพลางใช้มือลูบคาง ตอนที่เขามองผมด้วยแววตาคมกริบและเฉยชาราวกับผู้ล่าที่อยู่สูงสุดของพีระมิดห่วงโซ่อาหาร ผมก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล
“ก็แค่เคยมีงานเทสต์หน้ากล้องสองสามครั้งน่ะครับ”
ผมตอบส่ง ๆ เสียงห้วนและหลบตาเขา เกาหลังคอพลางหยิบเสื้อผ้าที่วางกองไว้บนเตียงอาบแดดโดยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาที่มองตามมาต่อให้เป็นผมที่ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรก็ไม่กล้าพอจะฟังคนพูดนั่นพูดนี่เกี่ยวกับรูปเปลือยของตัวเองหรอก
ผมปฏิเสธความใจดีของพวกเขาที่ชวนไปกินมื้อเย็นและลงมายังชั้นล่างของอาคาร ทางที่ผมเข้ามาตามคำแนะนำของเจนีนในตอนแรกเป็นประตูด้านหลังของอาคาร เมื่อลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างก็ได้เห็นภาพที่ไม่คาดคิด

Walk On Water เมื่อผมต้องใช้หนี้นอกระบบ

Walk On Water เมื่อผมต้องใช้หนี้นอกระบบ

워크 온 워터,Walk On Water,เมื่อผมต้องใช้หนี้นอกระบบ,Walk On Water เมื่อผมต้องใช้หนี้นอกระบบ
Score 8.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2014 Native Language: Korean
อ่านWalk On Water เมื่อผมต้องใช้หนี้นอกระบบ เรื่องย่อ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ เอ็ด ทัลบอต จึงตัดสินใจสมัครเป็นนักแสดงหนังสำหรับผู้ใหญ่ที่บริษัท แมคควีน เอนเตอร์เทนเมนต์ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ชักพาเขาเข้าสู่วงการแห่งตัณหาและราคะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset