ตอนที่ 1-3 หม่าม้า
มินจุนโดนพาเข้ามาในห้องหนังสือ จะพูดให้ถูกก็คือสถานที่ที่เขาโดนไหล่หยาบๆ แบกมาก็คือห้องบรรยากาศมืดครึม ผนังเต็มไปด้วยหนังสือจำนวนมากนับไม่ถ้วน และมีโต๊ะหนังสือสีโอ๊คตั้งอยู่ มองแล้วเดาว่าน่าจะเป็นห้องหนังสือของชายหนุ่ม มินจุนยืนจ้องตากับอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง อยากจะกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ๆ ลงคอ แต่กลัวว่าจะโดนตำหนิจึงทำได้เพียงกลืนลงไปทีละนิดๆ เท่านั้น
“ชื่อ”
“ครับ?”
“บอกว่าอย่าตอบด้วยคำถาม”
อะไรบางอย่างเฉียดผ่านเส้นผมแล้วปักเข้ากับผนัง เส้นผมของเขาร่วงพรูลงบนเสื้อ มินจุนตัวแข็งทื่อ โดยมีเพียงลูกตาดำเท่านั้นที่ขยับไปมาเพื่อยืนยันว่าเมื่อครู่ชีวิตเพิ่งจะตกอยู่ในอันตราย
มันคือลูกดอก และปักอยู่บนกำแพงห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่ถึงสิบเซนติเมตร เข็มของลูกดอกอันแหลมคมที่ฆ่าคนได้แม้ว่าจะสวมใส่เกราะเหล็กบินมาราวกับมิสไซล์ผ่านเส้นผมของมินจุน
“อายุยี่สิบสอง นามสกุลมิน ชื่อจุนครับ!”
เขาพูดเสียงดังฟังชัดด้วยน้ำเสียงเดียวกับตอนแนะนำตัวในห้องเรียนใหม่ ปีการศึกษาใหม่สมัยอยู่โรงเรียนมัธยม แน่นอนว่าแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ…
“ก่อนจะเข้าคำถาม ไทเซเป็นใคร”
เมื่อชายหนุ่มเปิดกล่องเหล็กเคลือบทองที่นำออกมาจากสูทแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบ ลูกน้องยากูซ่าหัวล้านก็ขยับตัวอย่างว่องไว ทว่าอีกฝ่ายกลับจุดไฟแช็กด้วยด้วยตัวเอง แล้วสูดเข้าไปเฮือกใหญ่ก่อนจะปล่อยควันออกมา ระหว่างเฝ้าดูท่าทางนั้น มินจุนก็รู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวอีกครั้งจึงแอบถอยหลังออกไปทีละน้อย
“ฉันน่ากลัว?”
เขาส่ายหัวกับคำถาม แต่ก็เปลี่ยนเป็นพยักหน้ารับ ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้พลางพ่นควันบุหรี่เป็นทางยาว มินจุนคิดว่าตัวเองปิดจมูกแน่นแล้วแท้ๆ แต่ควันบุหรี่เบาบางยิ่งกว่าอากาศก็ยังทะลุผ่านเข้ามาถึงปอดจนได้ กระทั่งเขาเริ่มไอออกมาอย่างควบคุมไม่ได้พร้อมกระตุกเล็กๆ หลังจากนั้นของเหลวที่ไม่ค่อยจะสะอาดนักก็ไหลออกมาจากช่องทางทั้งหลายบนใบหน้า เขาทรุดลงกับพื้น หัวใจเริ่มเต้นตึกตักๆ
“เฮ้ย เป็นอะไร”
คนที่ต่อให้คนข้างตัวโดนฟันอย่างรุนแรงคิ้วก็ไม่กระตุกสักเส้น ก้มศีรษะลงมาหามินจุนที่ตอนนี้ไอในระดับที่สามารถเรียกว่าชักได้แล้ว น้ำมูกน้ำตาพรั่งพรูออกมาจนทรมาน อยากจะขอทิชชู่สักแผ่น แต่ร่างบางกลับคว้าผ้าที่แกว่งไปมาตรงหน้าด้วยสัญชาติญาณมาเช็ดน้ำมูก แถมยังพับเศษผ้านั่นมาซับน้ำตาอีกหลายครั้ง…
จู่ๆ ก็มีเสียงข่มกลั้นอารมณ์ออกคำสั่งหนึ่งคำจากด้านบน
“กรรไกร”
มินจุนคิดว่าการที่ตันเห็นมืออวบดำถือมีดสั่นไปมาคงเป็นผลพวงจากอาการไออย่างรุนแรง ทว่าหลังเสียงฉับแสนป่าเถื่อนตัดลงบนผ้า เขาก็ได้สติคืนมาทันที และเพิ่งรู้ในตอนนั้นว่าผ้าที่เอามาสั่งน้ำมูกก็คือเน็กไทของบอสยากูซ่า
กรรไกรปักอยู่บนพื้นทำมุมเกาสิบองศาพอดี เศษผ้าส่วนที่ถูกตัดออกสะบัดอยู่ในมือหยาบ มินจุนเข้าใจได้ทันทีว่านั่นคือโทษตาย
“ขะ… ขอโทษครับ ผมแพ้ควันบุหรี่… มะ… ไม่รู้มันเป็นเน็กไทของคุณ…”
“พอ สรุปใคร”
คนตัวเล็กสะอื้นฮักพร้อมกับส่งสายตาออกไปทางผู้คนโดยรอบว่าใครนี่หมายถึงใคร ยากูซ่าหัวล้านกรอกตาอย่างน่ากลัว เขาจึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือว่า ‘ช่วยที’ อีกฝ่ายขยับปากเป็นคำว่า ‘ไทเซ’
“คนที่หลอกผม”
“แค่นั้น?”
“เอ่อ… ก็…”
“สั้นๆ ให้ได้ใจความภายในสิบวินาที ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว”
สายตาเหมือนบอกว่าถ้าเกินสิบวินาที ฉันไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น มินจุนแลบลิ้นเลียริมฝีปากจนชุ่ม กลัวจนไม่กล้าจ้องตา ก็เลยเบนสายตาไปมองทางหน้าต่างแล้วเริ่มอธิบาย
“ผมเป็นนักเรียนต่างชาติมาจากเกาหลีใต้ ไทเซคือรูมเมทที่เอาชื่อผมไปกู้เงินนอกระบบ เอาเงินค่าเรียนของผมตลอดหนึ่งปีไปทั้งหมด พาสปอร์ตก็เอาไปด้วย แล้วก็ขู่ว่าจะเอาผมไปขายคลับเกย์ทุกวัน เจ้าหนี้ก็มาตามทวงเงินทุกวัน…”
“สต็อป”
ไม่รู้ผ่านไปถึงสิบวินาทีหรือยัง พอคนตรงหน้ายกมือขึ้น มินจุนก็หยุดพูด
“นายเป็นนักเรียนจากเกาหลี ไอ้คนที่หลอกนายเป็นรูมเมท แล้วก็เป็นแฟน นายเป็นเกย์ถูกไหม”
“อ่า…”
ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้พูดคำว่าเกย์ออกมาสักคำ รู้สึกทึ่งกับความสามารถของอีกฝ่ายที่เข้าใจจุดสำคัญได้พอดิบพอดี ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย มินจุนประทับใจจริงๆ
“ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ถอดเสื้อผ้า”
“หา? ทำไมต้องถอดรับ จะทำผมเหรอ”
มินจุนกอดตัวเองด้วยมือทั้งสองข้างแล้วหันไปมองรอบตัวพลางยิ้มแหยหน้าเสีย คนหนึ่งเป็นชายหัวล้านที่มีแผลเป็นใต้ตาเป็นรอยบากจากมีดดูเหมือนจะเป็นมือขวาของชายหนุ่ม และอีกสองคนที่เขาไม่อยากจะพูดถึง มีลักษณะตามแบบยากูซ่าทั่วๆ ไป ภายในห้องนี้มีแค่ชายหนุ่มสุดเซ็กซี่ที่กำลังยืนพิงกำแพงคนเดียวเท่านั้นที่ห่างไกลจากคำว่ายากูซ่า แต่ตอนนี้มินจุนพูดได้เลยว่า อีกฝ่ายคือยากูซ่าที่น่ากลัวที่สุด
ยากูซ่าคนอื่นๆ ที่สบตากับเขาก็ถลึงตาใส่ราวกับจะบอกว่า ‘ฉันไม่ใช่เกย์เว้ย ไอ้เกย์’
“มีใครที่ทำกับผู้ชายได้บ้าง”
“ไม่ครับ”
“ไม่ได้เลยครับ”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ”
‘หูย อีกหน่อยคงได้คว้านท้องตัวเองแน่ ฉันก็ไม่เอาเหมือนกันแหละเว้ย’ เนื่องจากพวกยากูซ่ายืนยันว่าชอบผู้หญิงหนักแน่นและพยายามปัดเรื่องพวกนี้ออกจากตัว ทำเอามินจุนของขึ้นจนเบ้ปากแล้วพูดออกไปตรงๆ อย่างโมโห
“ผมก็ไม่เอาด้วยหรอกครับ”
“เหรอ งั้นก็ช่าง ถอดออก”
“เดี๋ยวสิ แล้วทำไมผมต้องถอดด้วย”
“ตรวจสอบ มันมีแค่รูเดียวไม่ใช่เหรอที่พอจะซ่อนอะไรเข้ามาได้ เช็กก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่ จะถอดเอง หรือให้ถอดให้”
น้ำเสียงทุ้มต่ำคือยาเสพติด ถ้าหากได้ยินเสียงนี้ใกล้ๆ เพียงลำพังแค่สักประมาณสิบนาที ก็คงทำให้เขาเสร็จโดยไม่ต้องกระตุ้นได้แล้ว มินจุนขยำเสื้อตัวเองแน่นพลางเหลือบตามองต่ำ
“มะ… ไม่เอาครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้นเอง จะไปซ่อนอะไรได้ครับ”
“ถุงยาง”
ได้ยินผิดหรือเปล่าเนี่ย มินจุนแคะหูแล้วเอียงศีรษะไปมา เหมือนจะสั่งให้เอาถุงยางมาจริงๆ นะนั่น… ร่างบางที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์มองทุกอย่างงงๆ คนตรงหน้ารับถุงยางจากชายหัวล้านมาแกะออก ก่อนจะทาโลชั่นลงบนนิ้วทั้งสองที่สวมถุงยางทั้งๆ ที่ใบหน้าไม่แปรเปลี่ยน จากนั้นก็ขยับคิ้วเป็นคำสั่งให้คนที่อยู่ด้านหลัง
…สั่งว่าอะไร…
จู่ๆ ตัวเองก็ถูกผู้ชายที่เดินเข้ามาหาปลดเปลื้องแม้กระทั่งชั้นใน โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที จากการขัดขืนของมินจุนทำให้ยากูซ่าหัวล้านไร้เส้นผมสักเส้นมีรอยแดงบนศีรษะห้ารอย และอีกสองคนมีบนใบหน้า นอกจากนี้ยังมียากูซ่าที่โดนกัดหูด้วย ถึงจะพยายามขัดขืนเท่าที่ทำได้แล้วแต่มินจุนก็ไม่สามารถเอาชนะได้อยู่ดี
มินจุนจ้องเขม็งไปทางร่างสูงของชายหนุ่ม หัวไหล่สั่นเทาอย่างรุนแรง ยกสองมือขึ้นปิดช่วงล่างและหน้าอกของตน ทว่าก่อนจะทันได้ทบทวนสถานการณ์ ตัวเขากลับถูกจับคว่ำอยู่บนเอวของอีกฝ่ายราวกับเด็กน้อยภายในชั่วพริบตา
ไม่ได้ ไม่ได้นะ…
สำหรับเขาแล้วนั่นมันเป็นจุดที่ทำให้เกิดความรู้สึกได้มากที่สุด ถึงจะเคยเข้าออกด้วยนิ้วตัวเองมาหลายครั้ง แต่กับนิ้วมือของคนอื่นมันเป็นสถานการณ์ที่ยากเกินจะจินตนาการ สุดท้ายมินจุนก็ต้องอ้อนวอน
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ… ขอร้องล่ะ ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะ ผมไม่ได้ซ่อนอะไรไว้จริงๆ…”
ชายหนุ่มคงไม่คิดจะฟังคำของคนตัวเล็กอีกแล้ว นิ้วเย็นเฉียบขยายร่องระหว่างบั้นท้ายอย่างไร้ความปราณี
“ฮึก!”
มินจุนส่งเสียงร้องออกมาโดยอัติโนมัติ ขณะเดียวกันด้านในก็ถูกกระตุ้นด้วยอากาศเย็นที่พัดผ่านเข้ามา แม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัว แต่ส่วนอ่อนไหวในมือตัวเองก็กระตุกบ่อยๆ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มผสมเสียงของลมเย็นทำให้รู้สึกเหมือนโดนกระตุ้นอย่างรุนแรง
“สีสวยดีนี่”
จากนั้นก็ส่งถุงยางที่ทาสารล่อลื่นอย่างโลชั่นเข้าไปภายใน
“อะ… อึก… ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ ได้โปรด เอาออกเถอะครับ…”
มินจุนหอบหายใจถี่ แยกไม่ออกว่ามันคือเสียงครางหรือเสียงต่อต้าน เขาจับข้อมือคนที่กำลังครูดไปตามผนังภายใน ทันทีที่รู้สึกถึงแรงจับ ท่อนแขนหนาเต็มไปด้วยเส้นเลือดก็ยิ่งไม่ปราณี จนความรู้สึกสุขสมวาบขึ้นมายังส่วนกลางลำตัว
“อ๊า ฮึก…”
แกนกายที่มินจุนใช้มือปิดไว้ค่อยๆ แข็งตัวขึ้น ขณะนั้นเสียงร้องไห้ที่เคยดังกระซิกๆ ก็กลับกลายเป็นเสียงครางประหลาด ชายหนุ่มจึงพูดออกมา
“ไม่มีใครอยู่แล้ว”
มินจุนร้องไห้จนไม่มีสติ เมื่อรู้ว่ายากูซ่าคนอื่นๆ ออกไปแล้วและตอนนี้พวกเขาอยู่กันเพียงสองคนในห้อง ก็ฝังหน้าลงกับต้นขาอีกฝ่ายแล้วร้องไห้ออกมา
“หยุดร้อง ก็แค่เช็กดู ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”
ที่บอกว่ามินจุนทำเป็นเรื่องใหญ่หมายถึงแกนกายตั้งชันที่เจ้าตัวพยายามซ่อนมันไว้ ร่างบางสะอื้นพลางบ่นพึมพำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย
“กะ… ก็บอกว่าไม่ได้ไงครับ ตรงนั้นไม่ได้… อึก… อยากตาย”
“อะไร ใส่แค่นี้ก็รู้สึกแล้วเหรอ”
“ก็เห็นแล้วนี่ครับ ฮือออ… ต่อจากนี้ผมจะอยู่ยังไง…”
“หนวกหู ก็ตั้งใจจะตายอยู่แล้วนี่”
พอได้ยินคำพูดนั้น มินจุนก็หันควับไปมองอีกฝ่ายทั้งน้ำตาก่อนจะตะโกนใส่ “ก็ใช่ แต่แบบนี้มันเกินไปแล้ว!” จากนั้นก็สะอึกสะอื้นซุกหน้าลงกับต้นขาแกร่ง บนกางเกงสแล็คราคาแพงเต็มไปด้วยน้ำมูกและน้ำตาของมินจุน