บทที่ 58 ความห่วงใยจากสหายเก่า[รีไรท์]
ที่นี่คือห้างสุดหรู เป็นเรื่องธรรมดาที่มือถือแต่ละเครื่องภายในห้างจะมีราคาค่อนข้างแพง ถึงแม้พวกเขาจะเข้าใจดีว่ามือถือรุ่นพวกนี้มีคุณภาพดีขนาดไหนก็ตาม แต่ราคาของมันก็ถือว่าแพงอยู่ดี เมื่อเห็นฉู่เหินจะซื้อมือถือที่นี่เสี่ยวชิงก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกเสื้อเขาเบาๆ
“พี่เหิน ช่างมันเถอะ พวกเราเลือกโทรศัพท์อะไรก็ได้สักเครื่องก็พอแล้ว ไม่ต้องซื้อแพงมากหรอก” ครอบครัวของเธอเป็นคนตระหนี่ จึงทำให้เธอติดนิสัยไปด้วย ถึงเธอจะรู้ว่าฉู่เหินพอมีเงินอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังติดนิสัยประหยัดเงินอยู่ดี
“ก็แค่มือถือไม่กี่เครื่อง เสียเงินไม่เท่าไหร่หรอกน่า” รอยยิ้มซื่อ ๆ ปรากฏบนใบหน้าของฉู่เหิน
บทสนทนาของทั้งคู่ลอยไปถึงหูพนักงานหลายคนในห้าง พนักงานสามคนที่ยืนต้อนรับลูกค้าอยู่ชำเลืองมองฉู่เหิน แต่ไม่ยอมเดินมาหา พวกเขามองว่าที่นี่ขายของราคาแพง คนจนพวกนี้ไม่มีปัญญาซื้อหรอก คนพวกนี้น่าจะเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง พนักงานเลยไม่อยากเสวนาด้วย
แต่กลับมีพนักงานคนหนึ่งที่ไม่เพียงจะหน้าตาดี แต่เธอยังไม่สนว่าฉู่เหินและคนอื่น ๆ จะมีเงินหรือไม่ หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามายืนข้าง ๆ ฉู่เหินและเริ่มแนะนำสินค้าไปเรื่อย ๆ ฉู่เหินรู้สึกประทับใจที่พนักงานคนนี้ที่ทำตัวไม่เหมือนคนอื่น
“คุณตั้งใจแนะนำสินค้าให้เรา ไม่กลัวเราจะไม่ซื้อเหรอครับ?” ฉู่เหินมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
“ดิฉันคิดว่าเราขายของก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือเป็นหน้าตาของร้าน ถ้าเราแนะนำสินค้าแต่เฉพาะคนที่จะซื้อแล้วไม่สนใจคนอื่น มันจะทำให้ภาพลักษณ์ของร้านติดลบนะคะ”
เมื่อได้ยินพนักงานสาวตอบ ฉู่เหินก็พยักหน้าเบา ๆ พนักงานคนนี้เก่งและมีแววก้าวหน้า แล้วเขาก็ได้ความคิดบางอย่าง เขาตั้งใจว่าจะเก็บสมบัติจากระบบเชื่อมโลกาต่อ ที่ผ่านมาเขาได้ของกระจุกกระจิกมามากมาย ล้วนเป็นสิ่งที่เขาเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เขาอาจจะขายมันได้
“คุณทำงานที่นี่มากกี่ปีแล้ว เคยคิดอยากจะเปลี่ยนงานไหม?” ฉู่เหินถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตอนนี้ยังค่ะ แต่อนาคตอาจจะเปลี่ยน” เธอยิ้มระหว่างตอบ
ฉู่เหินมองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจและพยายามจำผู้หญิงที่ตอบอย่างจริงใจคนนี้ไว้ ในอนาคตอาจมีโอกาสจ้างเธอไปทำงาน แต่ ณ ตอนนี้ เขาต้องพักความคิดนี้เอาไว้
“ผมจะซื้อมือถือ 4 เครื่อง คุณช่วยผมดูหน่อย ผมไม่สนว่าจะเป็นยี่ห้ออะไร ขอแค่ที่คุณภาพดีก็พอ” เมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็เริ่มแนะนำมือถือเครื่องแล้วเครื่องเล่า ท้ายที่สุด ฉู่เหินก็ได้เครื่องจีโอนี เอ็ม 2017 เขารู้สึกว่าเครื่องนี้ทั้งสวยและฟังก์ชันการทำงานครบครัน
“คุณผู้ชายคะ เครื่องนี้คือจีโอนีเอ็ม 2017 รุ่นล่าสุด มันไม่เพียงแต่ฟังก์ชันการทำงานครบครัน แต่ยังมีหน่วยความจำเยอะมากด้วย” พนักงานสาวแนะนำเครื่องจีโอนีเอ็ม 2017
“โทรศัพท์รุ่นนี้ไม่เลว งั้นผมซื้อรุ่นนี้แบบของผู้หญิง 3 เครื่อง แบบของผู้ชายเครื่อง 1 เครื่องนะครับ” หลังจากฉู่เหินพูดจบ พนักงานหญิงก็เงียบเพื่อประมวลผลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ทันที
ฉู่เหินคิดว่ามือถือนี้ดีมาก เขาจึงซื้อ 4 เครื่องทันที สำหรับผู้หญิง 3 เครื่อง สำหรับผู้ชาย 1 เครื่อง เสี่ยวชิงและหวงลี่ลี่ได้ไปคนละเครื่อง ส่วนอีกเครื่องฉู่เหินเตรียมไว้ให้พี่สะใภ้ เพราะมือถือที่พี่สะใภ้ใช้อยู่ตอนนี้เป็นรุ่นเก่าที่ไม่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้
มือถือรุ่นนี้ราคาไม่ถูกเลย มันราคาเครื่องละ 6,000 หยวน แต่สำหรับฉู่เหินแล้ว มันกลับเป็นเงินเล็กน้อยมาก เพราะเขาเพิ่งขายปลาเกล็ดขาวได้มาเยอะพอควร ทำให้ตอนนี้เขามีเงินมากมาย
พนักงานที่หัวเราะเยาะฉู่เหินในตอนแรกต่างทำท่าตกใจ แต่ฉู่เหินไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ก็นี่แหละนะ…ระหว่างที่คุณวิจารณ์คนอื่น คนอื่นเขาก็วิจารณ์คุณเหมือนกัน เรื่องนี้สอนให้ฉู่เหินเข้าใจความจริงที่ว่า อย่าดูถูกคนที่คุณไม่รู้จัก
ฉู่เหินไม่ได้ทำแค่มือถือหายไปในทะเล แต่ซิมการ์ดก็หายไปด้วย หลังจากซื้อมือถือ เขาก็รีบขอให้พนักงานกู้เบอร์เก่าให้ ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนเบอร์ใหม่ไปเลยจะเร็วกว่า แต่ว่านั่นก็อาจทำให้พวกเพื่อนเก่าที่รู้จักเบอร์เดิมของเขา อาจจะติดต่อเขาได้ลำบาก
เมื่อซื้อเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็พร้อมกลับ ทันทีที่ฉู่เหินเดินออกจากห้าง มือถือก็เขาก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมามองเบอร์เรียกเข้าฉู่เหินก็ยิ้มออกมา
เพื่อนสมัยมัธยมของเขาที่ชื่อซูเหลียงโทรมา เขาไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว ทั้งสองสนิทกันมากตอนเรียนมัธยม เมื่อซูเหลียงสอบติดมหาวิทยาลัยและกลับบ้านไปไร่ทำนาหลังเรียนจบ ทั้งคู่จึงขาดการติดต่อกัน ฉู่เหินไม่รู้ว่าเลยว่าทำไมเขาถึงโทรมา
“ฉู่เหิน เป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าครอบครัวกำลังมีปัญหา ทำไมไม่บอกกันบ้าง เพื่อนทั้งคนมีปัญหาฉันจะไม่ช่วยได้ไง ฉันพอมีเงินเหลือ ถ้าฉันช่วยได้เรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อย ฉันเพิ่งโอนเงินไปให้แสนหยวน ถ้าไม่พอ ก็บอกเลยนะ”
ฉู่เหินรู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ ถ้าเขาไม่มีระบบเชื่อมโลกาไว้ล่าสมบัติแล้วละก็ เขาก็คงต้องเที่ยวขอหยิบขอยืมจากเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันอย่างนี้ แต่พอฉู่เหินสามารถหาสมบัติจากระบบได้ นั่นก็ทำให้เขาไม่ขัดสนด้านการเงินอีก เขารู้ดีว่าในโลกนี้ มีไม่กี่คนหรอกที่จะยอมให้คนอื่นยืมเงินได้ง่าย ๆ ขนาดนี้
“เหลียงซี ฉันซาบซึ้งกับน้ำใจของนายมาก เรื่องนี้ฉันยังพอจัดการไหว ไม่ต้องลำบากถึงนายหรอก ถ้ามีอะไร ฉันต้องเอ่ยปากบอกนายอยู่แล้วเพื่อน” ฉู่เหินพูดด้วยความซาบซึ้งใจ
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว แล้วที่บ้านเป็นไงบ้าง” เมื่อเขาพูดจบ อีกฝ่ายก็เงียบไป
“มีอะไรเหรอเหลียงซี เป็นอะไรรึเปล่า” ฉู่เหินถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ฉู่เหิน ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาได้เถอะ อย่าแบกรับอะไรไว้คนเดียว” ฉู่เหินยิ่งงงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“เหลียงซี ฉันไม่เป็นอะไร ฉันจะร้องไห้ทำไมในเมื่อทุกอย่างปกติดี” ฉู่เหินรู้สึกสับสนไปหมด เขาไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้ไปรู้อะไรมา
“ฉันรู้เรื่องเจี่ยถงถงแล้ว ผู้หญิงคนนี้มันบ้ามากที่เลิกกับนายแล้วยังมีหน้ามาส่งการ์ดเชิญมาอีก อย่าให้ฉันเจอหน้านะฉันจะตบให้ดู”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉู่เหินก็เงียบไปสักพัก “เหลียงซี เรื่องมันจบไปแล้วน่า ตอนนี้ฉันโอเคดีแล้ว และฉันเจอคนที่รักฉันจริง ๆ แล้วด้วย” อีกฝ่ายรับรู้ได้ว่าฉู่เหินพูดความจริง
“นายสบายดีก็ดีแล้ว ไท่ซีกับเพื่อน ๆ ก็อยากโทรหานายนะ แต่ไม่รู้จะคุยอะไร ก็เลยเลิกเงียบ ๆ กันไป สุดท้ายเลยเหลือแค่ฉันที่โทรหานาย แต่นายจำไว้นะ ว่านายยังมีขาใหญ่อีกหลายคนคอยหนุนหลัง”
“อย่ามาโม้เลยน่า คำพูดดี ๆ พอออกจากปากนายแล้วรสชาติเปลี่ยนหมด รีบวางไปซะไป! คราวหลังมีเรื่องอะไรก็อย่าลืมโทรมานะ ฉันจะพาไปเลี้ยงข้าวมือใหญ่เลย” หลังจบการสนทนา ฉู่เหินก็รู้สึกซาบซึ้งใจ เพื่อนเก่ายังไม่ลืมเขา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเพื่อนที่ยื่นมือมาช่วยในยามที่เราตกยาก
ทุกคนขึ้นรถของคนขับหลิวและนั่งตรงไปโรงพยาบาล เมื่อพวกเขาลงจากรถที่ทางเข้าโรงพยาบาล ฉู่เหินก็ซื้อผลไม้มากมายและดอกไม้อีกสองตะกร้า เขาไม่ได้ซื้อเพื่ออวดรวยแต่เขาอยากให้พี่ชายมีความสุข อีกอย่างฉู่เหินก็รู้ดีว่าถ้าเขาไม่ซื้อไปให้ พี่ชายกับพี่สะใภ้ก็คงไม่กล้าซื้อกินเอง