บทที่ 62 แร่เทพสุดแห่งยุค สายฟ้าสนั่นเก้านภา
ฟู่!
เกิดพายุขึ้น!
เมฆไหลเชี่ยวเหนือสวนหมื่นวิญญาณ
เวลานี้โพล้เพล้ ท้องฟ้าอ่อนแสงลง
หลังเมฆดำหมุนม้วนเข้ามาก็กลายเป็นสีดำมืดในพริบตา ฟ้าดินเหมือนตกอยู่ในเงามืดอย่างยิ่ง ไม่มีแสงสว่างใดๆ เลย
บรรยากาศกดดันอย่างหาที่สุดมิได้ปกคลุมรอบสวนหมื่นวิญญาณในระยะหลายร้อยลี้
สัตว์อสูรทั้งหมดตัวสั่น พวกมันขดตัวงอสั่นงันงก เหมือนรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามพรั่นพรึงสูงสุด
เทือกเขาส่งเสียงครืนๆ ต้นไม้ใหญ่สูงเทียมฟ้าโอนเอน พืชหญ้าเป็นปึกแผ่นร่ายรำราวกับฟองคลื่น
พายุคลั่งส่งเสียงหวีดหวิวนั้นม้วนชั้นเมฆไหลเชี่ยวกราก ประหนึ่งมังกรร้องพยัคฆ์คำรามสั่นสะเทือนทั่วจักรวาล
ฟู่!
ฟ้าเปลี่ยนไปแล้ว!
ปรากฏสายฟ้าสายหนึ่งขึ้น!
สะท้อนแสงสว่างจ้าไกลหมื่นจั้งกลางฟ้าดิน!
สายฟ้าสีเงินสายนั้นราวกับมังกรเทพกำลังจะเบิกฟ้า มันฉีกเงามืดกลางฟ้าดิน ฉีกเมฆดำหนา
ตอนนี้มันคือแสงสว่างฉูดฉาดที่สุดในฟ้าดิน
หลังตื่นจากจำศีล เสียงฟ้าร้องก็ดังตามมาติดๆ
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่ากระเทือนฟ้าดิน เหมือนดังอยู่ข้างหู
จากนั้นประกายสายฟ้าตรงขอบฟ้าเริ่มรวมตัวกัน เมฆดำลอยเข้ามา ความเร็วสูงขึ้น
ประกายสายฟ้าสีเงินนับพันนับหมื่นสายถักทอเข้าด้วยกัน กลายเป็นตาข่ายสายฟ้าสีเงินมหึมายิ่ง
สายฟ้าหลอมรวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนออกมาเป็นพยัคฆ์ขาวสายฟ้าตัวหนึ่ง ทางด้านกลางเมฆดำหนาข้างๆ มีสายฟ้าสีม่วงอมฟ้าโผล่มากลางเมฆรางๆ
สายฟ้าสีม่วงอมฟ้านั้นบิดรูปวกวนไปมา แข็งแกร่งทรงพลัง เหมือนกับมังกรฟ้าอย่างยิ่ง!
พยัคฆ์จากวายุมังกรจากเมฆาดังคำกล่าวปรากฏขึ้นเหนือสวนหมื่นวิญญาณในยามนี้
พายุและเมฆต่างบีบร่างมังกรและพยัคฆ์ออกมา ราวกับจะปะทะกันแล้ว
ปรากฏการณ์เช่นนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
เถ้าแก่ซ่งเองยังอดหยุดงานในมือไม่ได้
จางอวิ๋นซีมองเสิ่นเทียนยืนตรงหน้าต่างเงียบๆ ตอนนี้ชุดคลุมขาวของเขาส่งเสียงดังพึ่บพั่บท่ามกลางพายุรุนแรง
เขายืนรับพายุคลั่ง เส้นผมปลิวไสวตามอำเภอใจราวกับหญ้าแข็งแรงกลางสายลมแรง บางครั้งสายฟ้าจะผ่ากลางฟ้า แสงสว่างสะท้อนใบหน้าเรียบนิ่งของเสิ่นเทียน
มองใบหน้าสะโอดสะองที่มีสีหน้าใคร่ครวญนั้นแล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางอวิ๋นซียังหลงใหลอย่างอดมิได้ นางคิดว่าตนอาจจะเข้าใจเสิ่นเทียนผิดไปจริงๆ
คนที่มีความเด็ดเดี่ยวและทรหดเช่นนี้ จะเป็นหน้าม้าของร้านแร่ได้อย่างไร
มิหนำซ้ำ จางอวิ๋นซีมองสายฟ้าจักรวาลที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงไม่หยุดนั้น ก่อนจะมองแร่ลายแมงมุมที่เหลือขนาดเพียงแตงกวาแล้ว
นางรู้สึกว่าระหว่างสองสิ่งนี้เหมือนจะเกี่ยวข้องกัน แม้แต่นางเองยังรู้สึกว่าฟังดูน่าหัวร่อยิ่งนัก กับอีแค่หินแร่วิญญาณเล็กๆ จะก่อให้ฟ้าดินกลายเป็นมังกรพยัคฆ์สายฟ้าทั้งหมดได้อย่างไร
ทว่าตอนนี้ในใจนางเกิดความคิดนี้ขึ้นอย่างไร้การควบคุม ยากจะเลิกคิดได้
……
จางอวิ๋นซีสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเดินช้าๆ มาตรงหน้าเสิ่นเทียน แล้วถามว่า
“สหายเสิ่น แร่ลายแมงมุมนี่จะผ่ามาแล้ว เจ้าไม่ดูต่อรึ”
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย มองเถ้าแก่ซ่งกับแร่ลายแมงมุมที่อยู่ห่างเขาไปสิบเมตร
เขาเอ่ยนิ่งๆ ว่า “ตอนที่ข้าเลือกแร่วิญญาณนี้ได้ประจักษ์ผลในใจแล้ว”
เสิ่นเทียนชี้ไปที่สายฟ้าร่างมังกรสีม่วงอมฟ้ากับสายฟ้าร่างพยัคฆ์สีขาวเงินบนฟ้า
เขาเผยอมุมปากเล็กน้อย “ท่านเซียนดูเอาเถอะ สายฟ้าสองสายนี้เริ่มพัดมารวมกันแล้ว”
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ สายฟ้าสีม่วงอมฟ้ากับสายฟ้าสีขาวเงินกลางฟ้าเริ่มปะทะกันแล้ว เมื่อสายฟ้าพวกนี้ปะทะและตัดสลับกันอย่างต่อเนื่อง ก็เกิดเป็นประจุไฟฟ้าสีทองออกมา
ประจุไฟฟ้าสีทองกลางชั้นเมฆพวกนี้แผ่ขยายไปโดยรอบ แผ่กระจายความน่าเกรงขามของผู้สูงศักดิ์
ท้องฟ้าที่ประหนึ่งย้อมด้วยน้ำหมึกถูกฉีกออก ก่อนจะปรากฏแสงสีทองขึ้นทีละสาย
สายฟ้าสีม่วงอมฟ้ากับสายฟ้าสีขาวเงินที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหลอมรวมกัน ปรากฏประจุไฟฟ้าสีทองมากขึ้น แก่นรากค่อยๆ หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง
สุดท้ายปรากฏผังจักรวาลสีทองผืนหนึ่งกลางจักรวาลไร้ที่สิ้นสุดนั้น
ประจุไฟฟ้าสีทองไม่มีสิ้นสุดขยับประกายวูบวาบรอบๆ ผังจักรวาลนั้นไม่หยุด
แสงนั้นเหมือนปรากฏดวงตะวันสีทองดวงหนึ่งขึ้นกลางเงามืดกว้างไกล
มันขับไล่เงามืด ใช้สายฟ้าสีทองชะล้างสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดออกไป
ตอนนี้ ทุกคนแหงนหน้ามองจักรวาลนี้
ทุกคนจับจ้องผังจักรวาลผืนนั้น
พวกเขารู้ว่ามีโชควาสนาสะเทือนฟ้ากำลังจะกำเนิดขึ้น!
……
ทันใดนั้น!
ผังจักรวาลนั้นสะท้อนประกายสายฟ้าสีทองออกมาสายหนึ่ง
ประกายสายฟ้ารวดเร็วยิ่ง ตัดผ่าผืนฟ้าแห่งนี้ราวกับสายฟ้าแลบ
มันมาพร้อมกับแสงคมกริบน่าสะพรึงแห่งการทำลายล้างลงมาสู่พื้นดินในฉับพลัน
เปรี้ยง!
หลังคาร้านวิญญาณสวรรค์ถูกทำลายเป็นโพรงสามตารางเมตร
ใช่ สายฟ้าแลบสีทองสายนั้นผ่าลงกลางร้านวิญญาณสวรรค์พอดิบพอดี
มันระเบิดหลังคาร้านวิญญาณสวรรค์ แล้วยังสะท้อนตรงไปยังแร่ลายแมงมุมนั้น
เมื่อสายฟ้าสีทองปะทะกับแร่ลายแมงมุมนั้นแล้ว ทั้งร้านวิญญาณสวรรค์สว่างจ้าไปด้วยแสงสว่างพร่างพราว แสบตาอย่างยิ่ง
ยามนี้ทุกคนต้องหลับตาลง
เสิ่นเทียนรู้สึกรางๆ ถึงพลังงานบางอย่างเข้ามาในกายเขา ทั้งยังแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัว สุขสบายอย่างยิ่ง จนหลายวินาทีต่อมา แสงสีทองนั้นถึงค่อยๆ หายไป
ในที่สุด ทุกคนก็ลืมตาขึ้นมองไปทางแร่ลายแมงมุมนั้น พบว่าตอนนี้แร่ลายแมงมุมหายไปหมดแล้ว แต่แทนที่ด้วยแสงสีทองสว่างพร่างพราว
แสงสีทองกลุ่มนี้ลอยอยู่กลางอากาศ ห่อหุ้มจี้หยกสองชิ้นเอาไว้
จี้หยกหนึ่งในนั้นออกเป็นสีเขียวอมฟ้าลักษณะเหมือนกับปลาหยินหยาง แกะสลักมังกรฟ้าตัวหนึ่ง
จี้หยกอีกชิ้นออกเป็นสีขาวทุกส่วน แกะสลักพยัคฆ์ขาวองอาจน่าเกรงขาม
จี้หยกสองชิ้นนี้ตรงปลายหางเชื่อมกันเหมือนปลาหยินหยาง กำลังหมุนวนไม่หยุด
จี้หยกมังกรฟ้าแผ่สายฟ้าสีครามอมม่วงออกมา จี้หยกพยัคฆ์ขาวปล่อยสายฟ้าสีขาวเงิน
เมื่อหยินหยางหมุนโคจร อัสนีเทพผสานสีทองสว่างพร่างพราวก็มารวมที่ตัวจี้หยก
ทำให้คนเกิดความยำเกรงอย่างรุนแรง เหมือนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติกฎแห่งสวรรค์
………
เถ้าแก่ซ่งถือมีดผ่าหินพลางนอนแผ่อยู่ข้างจี้หยกคู่นั้น
ใบหน้าเขาดำสนิท เส้นผมชี้ขึ้นทั้งหมด ทั้งยังมีควันลอยโชย
ใช่ ตอนที่สายฟ้าสีทองนั้นผ่าลงมาเมื่อครู่ เถ้าแก่ซ่งกำลังถือมีดปอกหินแร่อยู่!
ปรากฏว่าถูกสายฟ้าสีทองนั้นผ่าลงมาตรงๆ
รสชาติสายฟ้านั้น อย่าเอ่ยเลยว่าเจ็บแสบเพียงใด
ฉินเกากับกุ้ยกงกงที่ดูอยู่ข้างๆ ยังหวาดผวาในใจ
ทางด้านจางอวิ๋นซีไม่ได้มีท่าทีเย็นชาเหมือนแต่ก่อนตั้งนานแล้ว นางเหม่อมองจี้หยกคู่นี้ แม้แต่ร่างยังสั่นเบาๆ
ริมฝีปากบนล่างของนางแห้งตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
สีหน้ามีแต่ความเหลือเชื่อ
“หรือว่านี่จะเป็นจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ในตำนาน?”
จางอวิ๋นซีเกิดการคาดเดานี้ขึ้นมาในใจ นางรู้สึกว่าแทบจะหมดสติไปแล้ว
ตกใจระคนดีใจ!
ใช่ ทั้งตกใจและดีใจ!
ไม่มีใครรู้ว่าจี้หยกนี้มีความหมายกับจางอวิ๋นซีอย่างไร บางทีอาจจะมีความหมายกับทุกคนทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
นี่ คือสมบัติสูงสุดอย่างแท้จริง!
……………………..……..