บทที่ 72 เหตุใดของข้าถึงเล็กเช่นนี้
กลับเห็นปรากฏการณ์เต่าดำสีดำขนาดเท่าฝ่ามือลอยอยู่เหนือศีรษะเสิ่นเทียน
มันลอยอยู่อย่างนั้น สายฟ้าสีดำพันทั่วกาย แผ่พลังอำนาจองอาจเกรียงไกร
ถ้ามองจากรูปลักษณ์อย่างเดียว เต่าดำนี่เท่และทรงอำนาจมาก ปัญหาคือขนาดเต่าดำนี่เล็กเกินไปกระมัง!
หัวยังไม่หนาเท่านิ้วโป้ง ขนาดพกพามาก
เหตุใดพยัคฆ์ขาวของนางถึงตัวใหญ่ขนาดนั้น
แต่ของข้ากลับเล็กเช่นนี้!
นี่ไม่ยุติธรรมเลย!
……
อีกทั้งในสายตาเสิ่นเทียน เต่าดำนี่เหยียบอยู่บนวงรัศมีดวงชะตาของเขาพอดี แสงสีเขียวอ่อนๆ สะท้อนบนตัวเต่าดำ อย่าให้เอ่ยเลยว่าเข้ากันไม่ได้ขนาดไหน
นี่คือเต่าดำถล่มแคว้น? นี่มันตะพาบน้ำขนสีเขียวชัดๆ!
แสงสะท้อนกระดองเต่านี่เขียวมันขลับแล้วมาคลุมหัวข้าหรือ
เสิ่นเทียนอดหนาวสั่นมิได้ จึงรีบคลายปรากฏการณ์
ไม่ได้การแล้ว จากนี้ออกไปจะสำแดงปรากฏการณ์เต่าดำกวนประสาทนี่ไม่ได้เด็ดขาด
แม้สำแดงแล้วจะกดพลังวิญญาณศัตรูให้พลังลดน้อยลงก็ตาม แต่เสิ่นเทียนก็คิดว่าจะให้ศัตรูเห็นแล้วหัวเราะไม่ได้ ถึงอย่างไรหนังหน้าก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง!
…..
“ลองอัสนีเทพธาตุอื่นๆ ดูอีกดีกว่า”
เสิ่นเทียนขยับความคิดในใจเล็กน้อย เริ่มลองฝึกวิชาอัสนีอื่นๆ
วิชาปัญจธาตุมีทั้งเข้ากันและต้านกัน เสิ่นเทียนฝึกอัสนีเทพเต่าดำธาตุน้ำลำดับเก้าสำเร็จแล้ว ตามวิชาเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม ลำดับต่อไปที่เหมาะจะฝึกฝนที่สุดคืออัสนีเทพธาตุไม้
อัสนีเทพธาตุไม้แบ่งเป็นอัสนีเทพมังกรฟ้าธาตุไม้ลำดับหนึ่งกับอัสนีเทพหกประสานธาตุไม้ลำดับสอง แบ่งเป็นหยินกับหยาง
เสิ่นเทียนเลือกธาตุน้ำลำดับเก้าแล้ว เช่นนั้นการฝึกธาตุไม้ลำดับหนึ่งจึงเหมาะสมที่สุด
เขาหยิบศิลาวิญญาณอีกหมื่นก้อนจากแหวนเวหาและสูบกินต่อ!
เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิลงเริ่มฝึกบำเพ็ญรอบใหม่อย่างหนัก แต่การฝึกฝนครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่นเหมือนอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้า ต่อให้มีแก่นรากมหาอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยางปัญจธาตุช่วยก็ยังก้าวหน้าช้าอยู่ดี
บางทีอาจเป็นเพราะไม่มีวัตถุวิญญาณธาตุไม้ช่วย เสิ่นเทียนจึงรวมอัสนีเทพธาตุไม้ออกมาได้ช้ามาก
จากที่เสิ่นเทียนคาดการณ์ ตนต้องฝึกฝนอย่างหนักไม่หลับไม่นอนอย่างน้อยสามวันสามคืนถึงอาจจะฝึกฝนอัสนีเทพธาตุไม้ได้ถึงขั้นสูง รวมเป็นปรากฏการณ์มังกรฟ้าได้
สมกับเป็นวิชาระดับสุดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มันช่างลึกล้ำจริงๆ!
……..
อีกทั้งเสิ่นเทียนยังมีความรู้สึกบางอย่างในใจ เกรงว่าพลานุภาพอัสนีเทพธาตุไม้ลำดับหนึ่งคงเทียบกับอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าไม่ได้
เพราะช่วงที่เสิ่นเทียนสำแดงอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้านั้น อัสนีเทพกับน้ำมวลหนักปฐมกาลในกายได้ประสานรวมกัน พลานุภาพที่รวมกันเช่นนี้ต้องไม่มีทางที่อัสนีเทพมังกรฟ้าธาตุไม้ลำดับหนึ่งจะเทียบได้แน่นอน
มิหนำซ้ำปรากฏการณ์เต่าดำถล่มแคว้นเมื่อครู่ยังสร้างความตกใจให้กับเสิ่นเทียน เขากังวลว่าตนรวมเป็นปรากฏการณ์มังกรฟ้าสะเทือนนภาออกมาแล้วจะเป็นแบบพกพาอีก
ออกมาเป็นงูฟ้ายังพอว่า แต่ถ้าออกมาเป็นหนอนฟ้า…
จากนั้นขยับยึกยือไปมาบนหัวเขา ซี้ด แค่คิดก็น่ารำคาญแล้ว!
“ช่างเถอะ เหนื่อยใจจริง ใช้เป็นทุ่นระเบิดน้ำไปก่อนแล้วกัน! ค่อยๆ ฝึกอย่างอื่นไปก่อน”
…….
เสิ่นเทียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องละโมบมาก
คลำหาวิธีการใช้อัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าให้ชัดเจนก่อน บางทีอาจจะมีประโยชน์กว่ามีอัสนีเทพมังกรฟ้าธาตุไม้ลำดับหนึ่งเพิ่มมา
เขาเริ่มขับเคลื่อนอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าในกาย ค่อยๆ รวมมันออกมา ทันทีที่เสิ่นเทียนเริ่มสำแดงวิชาก็รวมเป็นสายฟ้าสีดำขึ้นมาทันที
พวกมันวนเวียนตรงปลายนิ้วเสิ่นเทียน ดูเชื่อฟังเป็นพิเศษ
อีกทั้งเสิ่นเทียนยังสัมผัสได้อย่างเฉียบคมว่าในอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าแฝงไว้ด้วยน้ำมวลหนักปฐมกาลหนึ่งส่วน นี่ทำให้อัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าของเขาหนักมากกว่าอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าธรรมดามาก
ไม่รู้ว่าเมื่อสำแดงอัสนีเทพนี้ออกไป พลานุภาพจะแกร่งกว่าหรือไม่!
ความคิดนี้ขยับวูบผ่านในใจเสิ่นเทียน ดังนั้นถึงได้รวมเนิบๆ ออกมาเป็นลูกกลมสายฟ้าสีดำลูกหนึ่ง
นี่คือวิชาย่อยในชุดเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม มีชื่อเรียกว่ากุมอัสนี
ตรงใจกลางมันรวมเป็นลูกกลมสายฟ้า ปาออกไปโจมตี
ปกติศิษย์ทางการของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะรู้วิชานี้ เป็นวิชาอัสนีพื้นฐานที่สุด
แน่นอนด้วยความที่ธาตุลูกกลมอัสนีต่างกัน วิชาพื้นฐานนี้จึงพัฒนาได้ อย่างเช่นกุมอัสนีธาตุไฟ กุมอัสนีธาตุทองลำดับเจ็ด กุมอัสนีธาตุไม้ลำดับหนึ่งเป็นต้น
และที่เสิ่นเทียนใช้อยู่ตอนนี้คือกุมอัสนีธาตุน้ำลำดับเก้า
……
ปกติ ธาตุทองลำดับเจ็ดในกุมอัสนีปัญจธาตุจะทลายเกราะทรงพลังที่สุด ธาตุไฟระเบิดทรงพลังที่สุด ส่วนกุมอัสนีธาตุน้ำลำดับเก้าเชี่ยวชาญการทำให้เป็นอัมพาตที่สุด พลานุภาพสังหารไม่ได้โดดเด่น
สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนไม่ได้คาดหวังกับพลานุภาพของวิชานี้มากนักเลย ทว่าเมื่อเขาปาลูกกลมอัสนีนี้ออกไปช้าๆ แล้ว วินาทีต่อมาถึงกับตะลึงงัน
เขาขว้างลูกกลมกุมอัสนีขนาดเท่าไข่ไก่ออกไปโดนหินยักษ์ก้อนหนึ่ง นั่นคือหินยักษ์สูงจั้งกว่า ทุกส่วนมันเงาและแข็งอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อปะทะกับกุมอัสนีธาตุน้ำลำดับเก้าแล้วก็ทะลุเข้าไปทันที
จากนั้นสายฟ้าสีดำระเบิดแตกกลางหินยักษ์
หินแข็งนั่นระเบิดออกราวกับเต้าหู้ใหญ่
ทันใดนั้นเอง กุ้ยกงกงกับฉินเกาด้านข้างถึงกับสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่ง นิ่งอึ้งไปเลย
ฉินเกากลืนน้ำลายลงคอ “พะ…พลังน่ากลัวมาก แตกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตาเลย!”
กุ้ยกงกงมีสีหน้าตกใจมากเช่นกัน “พลังทำลายล้างเช่นนี้เทียบได้กับหลอมปราณขั้นเก้าแล้ว!”
และที่สำคัญกว่านั้นคือเสิ่นเทียนแค่ลองใช้กุมอัสนีเล่นๆ เท่านั้น
หากเสิ่นเทียนสำรองพลังวิญญาณ ก็จะจู่โจมเช่นนี้ได้อย่างน้อยห้าครั้ง และถ้ารวมกับการสูบมานาพลังวิญญาณด้วย สิบครั้งก็ไม่ยาก
และถ้ากดปุ่มโจมตีด้วยพลังบำเพ็ญหลอมปราณขั้นห้า ก็จะต้านการโจมตีสุดกำลังของผู้แข็งแกร่งขั้นเก้าได้
เคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมสมกับเป็นวิชาเซียนสายฟ้าเลิศล้ำในคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์จริงๆ!
……
เสิ่นเทียนพอใจกับพลังโจมตีมาก ต่อไปเป็นพลังป้องกันแล้ว
ความจริง เดิมทีอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าคืออัสนีเทพที่มีคุณสมบัติทนทานและป้องกันอยู่แล้ว
ในเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมก็มีบันทึกวิชาเลิศล้ำของชุดอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าเอาไว้หนึ่งวิชา วิชานี้มีชื่อว่าเกราะเต่าดำ สามารถรวมเป็นโล่สายฟ้าทั่วร่างได้
สำหรับคนที่สุขุมและมั่นคงอย่างเสิ่นเทียนแล้ว วิชานี้น่าสนใจมาก
เขาเดินมาข้างหินแตกช้าๆ ดูดน้ำมวลหนักปฐมกาลที่หลอมรวมในกุมอัสนีกลับเข้าร่าง จากนั้นมองกุ้ยกงกง “ลุงกุ้ย ท่านลองโจมตีข้าหน่อย”
พูดจบเสิ่นเทียนก็โคจรอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้า รวมไว้ที่แขนขวา
เกราะเต่าดำเป็นวิชาเลิศล้ำ ระดับความยากและอานุภาพต้องเหนือกว่ากุมอัสนีธรรมดาไปไกลโขแน่
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้ากับน้ำมวลหนักปฐมกาลถึงเชื่อฟังในร่างกายเสิ่นเทียนมาก
เสิ่นเทียนแค่ลองดูเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่ครั้งก็รวมเป็นเกราะเต่าดำสำเร็จ
แน่นอนว่าด้วยความที่ยังไม่ชำนาญมากพอ เลยต้องพยายามรวมเป็นรูปร่างออกมา อย่างมากสุดก็ถือว่าอยู่ในระดับพื้นฐาน
…….
โล่นี้ออกเป็นสีดำทุกส่วน กระจายลวดลายมรรคาพิศวง มองไปดูแข็งแกร่งมาก
มีสิ่งเดียวที่ทำให้เสิ่นเทียนเสียดายคือรูปทรงเกราะเต่าดำนี่เหมือนกระดองเต่ามาก
เฮ้อ ช่างเถอะ
ถึงอย่างไรในช่วงเวลาสำคัญ เจ้านี่ก็ช่วยชีวิตได้
รูปทรงระดับล่างก็ให้มันล่างไปเถอะ!
เสิ่นเทียนชูเกราะเต่าดำขึ้นมาก่อนตั้งรับกุ้ยกงกง “ลุงกุ้ย ท่านโจมตีข้าสุดกำลังเลย”
กุ้ยกงกงพยักหน้าแล้วรวมพลังวิญญาณสีแดงเข้มที่กำปั้น
“ฝ่าบาท ท่านต้องระวังหน่อยนะ อย่าให้ทำร้ายตัวเองนะพ่ะย่ะค่ะ”
เอ่ยจบกุ้ยกงกงก็ขยับกายวูบไหว จู่โจมโล่เต่าดำของเสิ่นเทียนอย่างฉับพลัน
ได้ยินเพียงเสียงดังสนั่น โล่เต่าดำไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่มีรอยแตกร้าวใดๆ เลย ในทางตรงข้ามกลับมีสายฟ้าสีดำไหลผ่านเกราะเต่าดำลุกลามไปบนตัวกุ้ยกงกง กำลังแว้งกัดเขา
…….
เปรี้ยง!
สายฟ้าระเบิดกระจาย
กุ้ยกงกงถอยไปต่อเนื่องห้าก้าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
พลังป้องกันของเกราะเต่าดำนี่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!
………………….……….