คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 268 เทพอิ๋ง : โทษนะ เล่นใหญ่ไปหน่อย

เธอแค่มาสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนก็ยังจะเจออีกเหรอ

เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างๆ เห็นเธอหยุดเดินก็สงสัย “เป็นอะไรไปครับคุณซิว”

ซิวเหยียนขมวดคิ้ว เชิดหน้าขึ้น สีหน้าเรียบเฉย “คุณรู้จักคนแก่คนนั้นไหมคะ เขาเป็นใคร”

เจ้าหน้าที่มองตามสายตาของเธอ ลังเลเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า “ขอโทษครับคุณซิว ผมไม่รู้จัก”

เขาไม่รู้จักเซิ่งชิงถังจริงๆ

เซิ่งชิงถังไม่ได้ทำงานที่สมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนมาสี่ปีแล้ว คนในสมาคมก็เข้าๆ ออกๆ ไปหลายกลุ่ม

อย่าว่าแต่พวกเจ้าหน้าที่เลย แม้แต่คนที่เข้ามาใหม่ในสมาคมก็ใช่ว่าจะรู้จักเซิ่งชิงถัง

กอปรกับเมื่อก่อนเซิ่งชิงถังก็ทำตัวเรียบง่าย ไม่ชอบปรากฏตัวต่อหน้าคนมากมายเท่าไร

หลังจากที่ชายสูงวัยหัวรั้นคนนี้เกษียณตัวเองก็ไปซื้อบ้านที่มีพื้นที่ทำสวนแล้วปลูกผักปลูกผลไม้อยู่ที่ฮู่เฉิง ที่มาตี้ตูก็เพื่อเยี่ยมมู่เหวยเฟิง

นักเขียนอักษรพู่กันที่รุ่นราวคราวเดียวกับเขาก็เกษียณไปกันหมดแล้ว

ในสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนมีแค่ประธานสมาคมเท่านั้นที่รู้จักเซิ่งชิงถัง

ประธานสมาคมคนปัจจุบันเป็นลูกศิษย์แต่ในนามของเซิ่งชิงถัง ไม่ใช่ลูกศิษย์ที่เป็นทางการ

ส่วนรองประธานอีกสองคนเป็นคนใหม่ที่ประธานคนปัจจุบันผลักดันขึ้นมาหลังจากที่เซิ่งชิงถังไปจากสมาคม

พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงอันโด่งดังของเซิ่งชิงถัง แต่กลับไม่เคยเจอตัวจริง

เจ้าหน้าที่ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ผมเห็นพวกเขาไปที่ห้องนิทรรศการ น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาชมนิทรรศการภาพเขียนอักษรพู่กันนะครับ”

ซิวเหยียนคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้า เธอละสายตา “ฉันไปก่อนนะคะ”

เธอรู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนฮู่เฉิง อาทิตย์ก่อนเถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์ยังเคยพาอิ๋งจื่อจินไปชมพระราชวังต้องห้าม

นิทรรศการภาพเขียนอักษรพู่กันของสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนก็เป็นจุดท่องเที่ยวใหญ่ของเมืองตี้ตูเช่นกัน อิ๋งจื่อจินจะมาที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ

เดิมทีซิวเหยียนคิดว่าตระกูลเฝิงจะจัดการเก็บอิ๋งจื่อจินได้

แต่น่าเสียดายที่ตระกูลเฝิงไม่ได้เรื่อง ตกเป็นเป้าหมายของหน่วยอีจื้อไปเสียได้

หลังจากขึ้นไปนั่งบนรถส่วนตัวซิวเหยียนก็ครุ่นคิด สุดท้าย “อาจารย์คะ หนูขอรบกวนถามอะไรตอนนี้หน่อยค่ะ สมาคมของเราเพิ่งมีคนเข้ามาใหม่ไหมคะ”

รองประธานสมาคมได้ยินแบบนี้ก็ตอบ “มีสิ ปีนี้รับเข้ามาสามคน เป็นคนที่เคยได้รับรางวัลในนิทรรศการภาพเขียนอักษรพู่กันทั้งในและต่างประเทศ มีอะไรเหรอ”

“หนูเจอเด็กสาววัยรุ่นที่อายุเท่ากันกับหนู เธอเขียนอักษรพู่กันเก่ง” ซิวเหยียนยิ้ม “หนูเลยเดาว่าเธออาจเป็นลูกศิษย์ของนักเขียนอักษรพู่กันคนไหนในสมาคมหรือเปล่า ก็เลยถามอาจารย์ดู มีคนที่ชื่ออิ๋งจื่อจินไหมคะ”

“อิ๋งจื่อจินเหรอ” รองประธานสมาคมลองค้นหาข้อมูลสมาชิก “ไม่มีสมาชิกชื่อนี้นะ”

ซิวเหยียนโล่งอก “อย่างนั้นเหรอคะ ขอบคุณค่ะอาจารย์”

สมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนต่างหากที่เป็นตัวแทนของความสำเร็จในวงการศิลปะอักษรพู่กันของประเทศจีน ถ้าไม่ใช่แม้แต่สมาชิก ต่อให้เขียนเก่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

ซิวเหยียนวางสาย กลับบ้านตระกูลซิว

ทางด้านนี้

เซิ่งชิงถังเลี้ยงข้าวอิ๋งจื่อจินหนึ่งมื้อ

ตอนบ่ายจั่วหลีโทรหาเธอบอกให้กลับมาที่ค่ายติวหน่อย

ภายในห้องทำงานศาสตราจารย์

จั่วหลีนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ บนหน้าจอเป็นไฟล์พีดีเอฟ

มีรูปภาพและข้อความ

พอเห็นเธอมาแล้วจั่วหลีก็กวักมือเรียก “นักเรียนอิ๋ง อาจารย์อยากให้เธอดูข้อมูลของผู้สมัครคนนึง”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า

“เดิมทีอาจารย์คิดว่าเธอน่าจะคว้าที่หนึ่งรอบตัดสินได้ไม่มีปัญหา แต่วันนี้พวกเราได้ใบรายชื่อตัวแทนที่โรงเรียนเอลานส่งไปให้ทางคณะกรรมการ” จั่วหลีพูด “แต่ตอนนี้เธอต้องระวังอยู่คนนึง”

“ชื่อไอริน่า” เขาชี้ข้อมูลบนหน้าจอ “ เด็กคนนี้เป็นเด็กอัจฉริยะ แต่เมื่อตอนอายุสิบสามมีไข้ขึ้นสูง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่งผลต่อระบบประสาทของเธอ ทำให้เธอกลายเป็นเด็กเอ๋อ”

“แต่ว่าคุณแม่ของเธอก็ไม่ได้ทอดทิ้งเธอ หาหนทางรักษาเธอมาตลอด ต่อมาพวกเขาก็ได้เจอกับนักสะกดจิตที่มีชื่อเสียงของเมืองนอก ทำการสะกดจิตไอริน่า”

“เกิดปาฏิหาริย์คือ ไอริน่ากลับมาเป็นปกติ อีกทั้งยังทำได้หลายสิ่งหลายอย่างทั้งที่เมื่อก่อนทำไม่ได้ ถึงขั้นที่ว่าบางครั้งอยู่ๆ ก็พูดภาษาอังกฤษโบราณยาวหลายประโยค”

“เธอบอกว่าเธอระลึกชาติที่แล้วได้ เมื่อชาติก่อนเธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่เรื่องนี้นักเรียนอิ๋งก็ฟังเอาขำๆ นะ ประเด็นสำคัญคือไอริน่าเก่งมากจริงๆ”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้”

ศาสตร์การสะกดจิตถูกนิยายหลายเรื่องรวมถึงผลงานละครภาพยนตร์ต่างๆ เอาไปทำเสียจนกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์

แท้จริงแล้วการสะกดจิตคือการกระตุ้นจิตใจ

การสะกดจิตระดับล่างสุดพบเจอได้ทั่วไปรอบตัวเรา

ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาทีวี นี่ก็คือการกระตุ้นจิตใจอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ถูกจัดเข้าเป็นรูปแบบหนึ่งของการสะกดจิตเช่นกัน

แต่ก็มีหลายเคสที่บันทึกไว้ว่า มีหลายคนสามารถระลึกชาติได้ระหว่างถูกสะกดจิต ระลึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชาติก่อนหรือหลายๆ ชาติก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้

แต่เรื่องราวที่ระลึกได้นั้นจะใช่เรื่องราวของเมื่อชาติก่อนจริงหรือไม่ ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน

นักวิทยาศาสตร์คิดว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จิตใต้สำนึกของมนุษย์ถูกปลุกขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงขณะที่ถูกสะกดจิต เลยพลอยทำให้สมองได้รับการพัฒนาขึ้นตามไปด้วย

เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า แม้แต่พวกอัจฉริยะที่หาคนเทียบได้ยากในประวัติศาสตร์ คนฉลาดอย่างไซมอน แบรนด์ สมองก็ยังพัฒนาเต็มที่อยู่แค่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์

ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ก็ยังเก่งได้ขนาดนี้แล้ว

ไม่มีใครจินตนาการได้ว่า หากสมองของมนุษย์คนหนึ่งพัฒนาครบร้อยเปอร์เซ็นต์จะน่ากลัวขนาดไหน

“ไอริน่าจะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากของเธอในรอบนานาชาติ” จั่วหลีตบบ่าอิ๋งจื่อจิน พูดแฝงความนัย “นักเรียนอิ๋ง เธอต้องสร้างเกียรติให้ประเทศเรานะ!”

หยุดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถามต่อ “จริงสิ เดี๋ยวเธอทำอะไรต่อไหม ไม่งั้นไปห้องทดลองฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูกับอาจารย์หน่อยสิ”

“ไม่เอาค่ะ” อิ๋งจื่อจินเหลือบมองผมบนหัวจั่วหลี “จะไปเที่ยว”

“…”

หลังจากมาอยู่ตี้ตู เวลานอกเหนือจากที่อยู่ในค่ายติว อิ๋งจื่อจินก็จะออกไปเดินเที่ยวจริงๆ

ฟู่อวิ๋นเซินมารับเธอที่ค่ายติว

เที่ยวเสร็จก็เย็นแล้ว อิ๋งจื่อจินอาศัยแสงจากเสาไฟข้างทางมองไปบนฟ้า รู้สึกเหมือนตัวเองลืมอะไรไป

ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “เดินไม่ไหวแล้วเหรอ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้า “ฉันกำลังคิดว่าฉันลืมเรื่องอะไรไปหรือเปล่า”

“อะไรเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “สอนเด็กบื้อหรือว่าทำโจทย์ล่ะ”

ฟู่อวิ๋นเซินแค่พูดลอยๆ แต่กลับช่วยเตือนความจำอิ๋งจื่อจินได้พอดี

“ทำโจทย์” เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเปิด มืออีกข้างก็เคาะหัว “ช่วงนี้ยุ่งจนลืม”

เธอลืมไปว่ารอบคัดเลือกมีเงินรางวัลให้ ชิงมาได้เท่าไหนก็เท่านั้น

พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ “เด็กน้อย นี่มันสี่ทุ่มครึ่งแล้ว เธอควรเข้านอนก่อนห้าทุ่ม”

อิ๋งจื่อจินหาวออกมา “ไม่เป็นไร นานๆ นอนดึกที อีกอย่างผมฉันก็ไม่ร่วง”

ขณะพูดเธอก็เริ่มทำโจทย์

ในเวลาเดียวกัน อีกฟากของมหาสมุทร

ทวีปยุโรป

โรงเรียนเอลาน

มีอาจารย์สองคนที่เป็นเหมือนจั่วหลี คอยติดตามชาร์ตคะแนนรวมของไอเอสซี

นี่ไม่ใช่แค่งานแข่งขันวิชาการเท่านั้น ยังเกี่ยวพันถึงศักดิ์ศรีของประเทศด้วย

ระบบจะประมวลผลอันดับทุกสิบนาที

ทุกครั้งที่ประมวลใหม่ อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมจะไม่เปลี่ยนแปลง

ผลคะแนนในตอนนี้คือ

อันดับ 1 : อแมนด้า สหรัฐอเมริกา 346 คะแนน

อันดับ 2 : แรนซ์ ฝรั่งเศส 298 คะแนน

อันดับ 9 : คาร์ล อังกฤษ 268 คะแนน

อันดับ 10 : เซี่ยงซุ่น จีน 248 คะแนน

อันดับ 11 : เด็กซ์เตอร์ เยอรมัน 244 คะแนน

อันดับสิบเอ็ดกับอันดับสิบสูสีกันมาก ห่างกันแค่คะแนนของโจทย์เสริมสองข้อ

ถ้าประเทศจีนรักษาไว้ไม่ได้แม้แต่อันดับสิบ แบบนั้นจะยิ่งเป็นที่หัวเราะเยาะเข้าไปใหญ่

“คุณภาพของนักเรียนจีนรุ่นนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ” อาจารย์คนหนึ่งส่ายหน้า “นี่ตั้งสองวันแล้ว อันดับหนึ่งของประเทศจีนยังอยู่แค่อันดับสิบ ดูท่าพวกเขาจะขาดคนเก่งจริงๆ นะ”

“ถึงจะอยู่อันดับสิบแต่คุณดูสิว่าห่างจากอันดับเก้าตั้งเท่าไร” อาจารย์อีกคนพูด “ยี่สิบคะแนน โจทย์เสริมสิบข้อ อย่าว่าแต่แค่สองวันเลย วันต่อๆ ไปจะยิ่งทิ้งห่างกันมากขึ้น”

“ดูท่าประเทศจีนก็งั้นๆ แหละ”

การทำโจทย์ในเน็ตแบบนี้ ช่วงแรกบรรดาผู้สมัครก็จะกระตือรือร้นการแข่งขันสูง

แต่พอถึงช่วงหลังๆ ก็จะแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น

ดังนั้นเวลาแค่สองวันก็เพียงพอให้ประเมินผลรอบคัดเลือกทั้งหมดได้แล้ว

เวลาห้าทุ่มห้าสิบ อาจารย์ทั้งสองคนดูชาร์ตอันดับเป็นครั้งสุดท้าย

อันดับหนึ่งยังคงเป็นอแมนด้า คะแนนของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหกคะแนนเป็นสามร้อยห้าสิบสองคะแนนแล้ว

เป็นตัวเลขที่น่ากลัวจริงๆ

“อเมริกาก็น่ากลัว” อาจารย์คนก่อนหน้านี้ถอนหายใจ “อแมนด้าเด็กคนนี้เก่งขนาดนี้แต่กลับไม่ได้โควตารอบนานาชาติ”

“ไม่ว่าเธอจะได้โควตาหรือเปล่า แต่อันดับหนึ่งรอบนานาชาติก็ไม่มีทางเป็นเธอ” อาจารย์อีกคนพูดอย่างใจเย็น “ไอริน่าเก่งกว่าเธอเยอะ”

ไม่ว่าจะระลึกชาติได้หรือไม่ หรือสมองของเธอจะพัฒนาไปมากขนาดไหน ระดับความรู้ของไอริน่าก็เทียบชั้นได้กับพวกนักวิทยาศาสตร์

ไปแข่งรอบนานาชาติไม่เหมือนยักษ์เจอกับเด็กน้อยเลยเหรอ

หลังจากที่อาจารย์ทั้งสองคนเช็กอันดับแน่นอนแล้วก็ไปค้นดูข้อมูลเกี่ยวกับไอริน่า

เวลานี้นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน ต้อนรับวันที่ 17 กันยายน

ในขณะเดียวกันชาร์ตอันดับทั่วทั้งโลกก็ประมวลผลใหม่อีกครั้ง

อาจารย์ทั้งสองคนมองไปที่ชาร์ตอันดับโดยอัตโนมัติ

อันดับ 1 : ชื่อผู้ใช้งานถูกซ่อน จีน 456 คะแนน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset