ตอนนี้ช่างกวนเซียงปีนออกมาจากซากปรักหักพังอย่างยากลำบาก เสื้อผ้าของนางขาดวิ่น ที่มุมปากนั้นมีเลือดไหลออกมา
“ข้า….ข้าช่างกวนเซียง ยังไม่แพ้!”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตามปกติแล้วหากโดนกระบวนท่าเมื่อครู่นี้เข้าไปนางควรที่จะต้องลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่านางจะยังมีแรงมาต่อสู้อีก!
“เป็นเจ้าที่บังคับข้า เจ้าบังคับข้าเอง!”
ระหว่างที่ช่างกวนเซียงกล่าวอยู่ เส้นเอ็นสีเขียวบนร่างของนางก็ได้ปูดพองขึ้นมาอย่างฉับพลัน ระยะเวลาเพียงไม่นานร่างกายของนางก็ยืดสูงขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า
ทั้งแขนและขาของนางพองโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับลูกหนังที่ถูกอัดลมเข้าไป และทั้งตัวของนางเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
เสื้อผ้าของนางฉีกออกเผยให้เห็นชุดเกราะสีทองชุดหนึ่ง
ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววของความกระจ่างออกมา มิน่าล่ะถึงไม่บาดเจ็บ ที่แท้ก็เป็นเพราะมีเกราะป้องกันนี่เอง
ในตอนนี้ซือคงชัวได้ร้องตะโกนขึ้น “ศิษย์น้องรีบยอมแพ้และลงมากจากเวทีประลองเร็วเข้า ทันทีที่เซียงเอ๋อร์ใช้เคล็ดวิชาลับนี้นางจะไม่สามารถจดจำใครได้ทั้งนั้นแม้แต่ญาติของนางเอง มันจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนางได้ฆ่าคู่ต่อสู้ไปแล้ว”
สาวงามผู้หนึ่งเปลี่ยนเป็นผู้ที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งดั่งคิงคองยักษ์ ทุกคนรอบบริเวณนั้นก็ล้วนแต่ตกตะลึง
“ได้ยินมาโดยตลอดว่าศิษย์พี่ช่างกวนเซียงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นึกไม่ถึงเลยว่าจะแข็งแกร่งเสียจนถึงขนาดร่ำเรียนเคล็ดวิชาลับนี้ได้”
“หญิงสาวผู้หนึ่งฝึกเคล็ดวิชาลับเช่นนี้ เมื่อนึกถึงภาพในฉากนี้ขึ้นมาเกรงว่าคงจะไม่มีผู้ใดรับได้”
“มิน่าล่ะนายน้อยถึงได้เลือกเฟิงเยี่ยซีที่มีรูปลักษณ์ธรรมดา และไม่ยอมเลือกช่างกวนเซียง”
เคล็ดวิชาลับนี้มิเพียงแต่ทำให้ขนาดร่างกายของช่างกวนเซียงใหญ่ขึ้นเท่านั้น แม้แต่พลังวิญญาณของนางก็ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“ซี้ด! ในตอนนี้พลังความสามารถของช่างกวนเซียงไปถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งแล้ว”
“มหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรศิษย์น้องเฟิงก็มิใช่คู่ต่อสู้ของนาง!”
“…….”
พวกเขาล้วนแต่ร้อนรนใจเพราะมู่เฉียนซี โดยเฉพาะซือคงชัว
ถ้าหากว่าสาวน้อยผู้นี้ถูกช่างกวนเซียงฆ่าตาย เช่นนั้นการที่เขาทุ่มเทฝึกบำเพ็ญนั้นก็จะเป็นการสูญเปล่าไปเสีย
แต่ผู้เดียวที่ยังคงสงบนิ่งอยู่นั้นก็คือจวินโม่ซี หญิงสาวผู้ที่ใช้เคล็ดวิชาลับอันวิปริตบีบบังคับเพิ่มพลังความสามารถของตนเองขึ้นนั้น สาวน้อยจะต้องสามารถจัดการได้อย่างแน่นอน
ถึงต่อให้จัดการไม่ได้ก็ยังมีเขาผู้นั้นอีกมิใช่หรือ?
ช่างกวนเซียงหยิบหอกยาวของนางขึ้นมา ตอนนี้หอกยาวที่อยู่ในมือของนางนั้นเหมือนกับของเด็กเล่นชิ้นหนึ่ง นางมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสายตาอันเลวร้าย
“ด้วยเพราะเจ้า จึงทำให้ทุกคนได้เห็นข้าในลักณะเช่นนี้ แต่ว่าไม่เป็นไร! ขอแค่เพียงฆ่าเจ้า พวกเขาก็จะไม่กล้าจดจำฉากในวันนี้อีกต่อไป”
ร่างอันใหญ่โตนั้นพุ่งไปทางมู่เฉียนซีราวกับภูตผี
แม้ว่าร่างกายของนางจะกลายเป็นร่างยักษ์ขึ้นมา แต่ทว่าความรวดเร็วของช่างกวนเซียงนั้นกลับเร็วขึ้นไปกว่าเดิม
มู่เฉียนซีรีบโคจรพลังเคล็ดการเคลื่อนที่ขึ้นมา แล้วหลบการโจมตีของนาง
ในช่วงเวลาสำคัญที่อันตรายเช่นนี้ มู่เฉียนซีเกือบพลาดท่าเสียทีให้แก่การโจมตีของช่างกวนเซียง!
แควก! แขนของนางได้ถูกคลื่นลมจากกระบวนท่าของช่างกวนเซียงกรีดเป็นแผลเข้า
บึ้ม! ที่ตรงที่มู่เฉียนซียืนอยู่เมื่อครู่นั้นได้ถูกช่างกวนเซียงโจมตีแหลกเป็นผุยผงไปในคราวเดียว
ดวงตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง เวทีประลองนี่ไม่ได้ทำจากเต้าหู้เสียหน่อย! แต่มันกลับแหลกสลายกลายเป็นเช่นนี้
“เจ้าหลบไม่พ้นหรอก!” ช่างกวนเซียงยิ้มอยากโหดร้ายและไล่ตามราวีมู่เฉียนซีอย่างไม่ลดละ!
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังจากหอกยาวที่ระเบิดเข้ามาของช่างกวนเซียง มู่เฉียนซีก็ได้เอาพลังวิญญาณของตนอัดเข้าไปในกระบี่มังกรเพลิง
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดอัดเข้าไป แต่สำหรับการรับมือกับอันธพาลมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งนั้นมันก็เพียงพอแล้ว!
“บัวแดงพิฆาต!”
ดอกบัวแดงอันงดงามนั้นได้ถูกปลดปล่อยออกมา มันได้ป้องกันการโจมตีที่อันตรายของหอกยาวด้ามนั้นทั่วทั้งสี่ทิศ
ปัง!
พลังทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ จึงทำให้พวกนางทั้งสองกระเด็นไปอยู่ที่ขอบเวที
มุมปากของมู่เฉียนซีมีเลือดไหลออกมาเป็นสาย ส่วนช่างกวนเซียงนั้น…..
“พรวด!” นางได้กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
แกรก! แกรก!
ชุดเกราะที่อยู่บนตัวของนางได้แตกออกเสียแล้ว
ทุกคนเองก็ประหลาดใจ “การเผชิญหน้ากันในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าศิษย์น้องเฟิงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกแล้ว!”
“กระบวนท่ากระบี่เมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นท่าเดียวกับก่อนหน้า แต่เมื่อถึงตอนที่มันปะทะกันในตอนท้ายกลับส่งพลังที่มิได้ด้อยไปกว่าหอกยาวของช่างกวนเซียงออกมา”
“นั่นหมายความว่า ท่ากระบี่ก่อนหน้านี้ศิษย์น้องเฟิงยังมิได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี นี่มันน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว!”
ในตอนนี้ซือคงชัวมองไปที่มู่เฉียนซี สายตาของเขานั้นเจิดจ้าขึ้นไปเรื่อย ๆ ราวกับเป็นไข่มุกที่ส่องแสงสาดสว่างก็มิปาน
เขาจะต้องทำให้นางมีใจเอนเอียงมาทางเขาให้ได้ และเชื่อฟังเขาแต่โดยดี
จวินโม่ซีสังเกตเห็นสายตานั้นของซือคงชัว ดวงตาของเขาในตอนนี้แข็งค้างราวกับน้ำแข็งจับก็มิปาน
หากมิใช่เพราะอยู่ในหุบเขาหมอเทวดาละก็ เขาอยากที่จะเอาพิษทำให้ตาเจ้าหมอนี่บอดไปจริง ๆ
ไหนเลยสาวน้อยจะเป็นผู้ที่เจ้าหมอนี่จะสามารถคาดหวังได้
“เจ้า…เจ้าใช้กลอุบาย….”ช่างกวนเซียงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
เมื่อครู่นี้นางประมาทไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อถึงช่วงสำคัญในตอนสุดท้าย พลังของกระบี่เล่มนั้นจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
เป็นครั้งแรกที่ได้พบกระบวนท่ากระบี่ที่อันตรายเช่นนี้ ถึงได้พ่ายแพ้เสียจนมีสภาพเช่นนี้!
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ายังใช้เคล็ดวิชาลับเพิ่มขีดพลังความสามารถเลย ข้าใช้วิธีการอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มิได้เป็นการทำเกินไป!”
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่เล่มที่สนิมเขรอะชี้ไปทางช่างกวนเซียงแล้วกล่าว “เจ้าได้รับบาดเจ็บไม่เบา จะยอมแพ้หรือจะสู้ต่อ!”
“ข้า….ข้า….”
นางค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “ข้ายอม…..”
ยังไม่ทันที่คำว่าแพ้จะถูกกล่าวออกมา นางก็ได้พ่นเข็มพิษที่มีสีดำสนิทเข็มหนึ่งออกมา!
“ศิษย์น้องเฟิง ระวัง! อาวุธลับ!”
“ศิษย์น้อง…”
เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่ผันเปลี่ยนเช่นนี้ คนอื่น ๆ และซือคงชัวต่างรีบร้องตะโกนขึ้น
แต่ทว่าจวินโม่ซีก็ยังคงทำตัวนิ่งไม่ไหวติงเหมือนดั่งขุนเขาอยู่เช่นเดิม มาเล่นอาวุธลับต่อหน้าสาวน้อยนั่น มิใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ?
เมื่อปลายนิ้วของมู่เฉียนซีขยับ เข็มสีเงินเข็มหนึ่งก็ได้พุ่งออกไป!
ปัก!
เข็มสีเงินนั้นที่มู่เฉียนซีดีดออกไปกลับโดนเข้าที่เข็มพิษนั้นอย่างแม่นยำ จากนั้นเข็มพิษนั้นก็ได้หมุนกลับไปถึงตรงหน้าของช่างกวนเซียง!
“อ๊าก!” เข็มยาทั้งสองได้ทิ่มเข้าไปที่ด้านข้างมุมปากของช่างกวนเซียง นางร้องด้วยความเจ็บปวดจนใบหน้าทั้งใบบูดเบี้ยว
“เจ้า…เจ้า…” ช่างกวนเซียงเบิกตากว้างโพลงมองมู่เฉียนซี
การต่อสู้ซึ่ง ๆ หน้าถึงแม้ว่าจะได้ใช้เคล็ดวิชาลับก็มิอาจที่จะสู้กับนางได้ ถึงแม้ว่าจะใช้อาวุธลับก็แล้ว ก็ยังถูกนางโจมตีสวนกลับอย่างขั้นที่ถึงแก่ชีวิตได้อย่างสบาย ๆ
คนเช่นนี้ราวกับว่าไม่มีจุดอ่อนเลยแม้แต่น้อย ช่างน่ากลัวเสียจริง
ปัง! ช่างกวนเซียงล้มลงบนพื้น
ผู้อาวุโสผู้ที่มีหน้าที่รักษาพยาบาลได้มาถึงอย่างทันเวลาพอดี จึงได้นำตัวช่างกวนเซียงไปรักษา
มู่เฉียนซีเดินลงมาจากเวทีประลองอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างมองดูศิษย์น้องที่มีความแข็งแกร่งอย่างที่สุดด้วยความตะลึงถึงขีดสุด
ซือคงชัวเดินเข้าไปกล่าวด้วยความห่วงใย “ศิษย์น้อง แขนของเจ้าได้รับบาดเจ็บ รีบกลับไปที่จวนกับข้าเร็ว ที่จวนข้ามียารักษาอาการบาดเจ็บที่ดีที่สุด ข้า…”
เมื่อมองไปตรงผิวขาวราวกับหิมะที่ถูกเผยออกมา จึงทำให้เลือดสีแดงนั้นเด่นชัดขึ้นเสียจนน่ากลัวยิ่งนัก
แต่แววตาของซือคงชัวกลับหม่นหมองลง นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้ที่มีหน้าตาธรรมดา ๆ จะมีผิวพรรณที่ดีเช่นนี้ ทั่วทั้งหุบเขาหมอเทวดาคงไม่มีใครที่จะสามารถเทียบได้
“เรื่องนั้นนายน้อยมิต้องลำบากใจ ตัวข้าเองมียาอยู่ เดี๋ยวข้าจะกลับไปกับศิษย์น้องเอง ข้าจะใส่ยาให้นางด้วยตัวของข้าเอง”
เมื่อกล่าวจบ จวินโม่ซีก็ได้ดึงตัวมู่เฉียนซีจากไปอย่างรวดเร็ว และไม่เห็นแก่หน้าซือคงชัวเลยแม้แต่น้อย
ความอดทนของเขากำลังจะถึงขีดจำกัดแล้ว
ซือคงชัวมองตามเงาหลังทั้งสองไป เขาแทบที่จะกัดฟันของตนเองจนแตกละเอียด!
“ใส่ยาให้นางด้วยตัวเอง!”