บทที่ 299 เตรียมการตอบโต้
บทที่ 299 เตรียมการตอบโต้
หลังจากได้รับการช่วยเหลือ แทนที่ผู้บริหารทุกคนจะลาหยุดเพื่อปรับสภาพจิตใจ พวกเขาทั้งหลายกลับแสดงความทุ่มเทให้กับบริษัทโดยการกลับมาทำงานกันทุกคนทันที และเรื่องแรก ๆ ที่พวกเขาทำคือพยายามหาว่าใครกำลังเล่นงานเครือฮ่าวหรานอยู่
ในห้องประชุม
“หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดผ่านทุกช่องทาง ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าใครกำลังฉวยโอกาสกว้านซื้อหุ้นบริษัทของเราตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา”
ผู้จัดการหวังเอ่ยขึ้นกลางห้องประชุม
“ตลอดทั้งช่วงเช้า คนที่ฉวยโอกาสเล่นงานบริษัทของเราคือบริษัทอิงเหมา ซึ่งประธานบริษัทก็คือหลี่อิงไห่ คน ๆ นี้ผมคิดว่าประธานอวี้น่าจะรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว”
ขณะนี้ ผู้จัดการหวังปรับสภาพจิตใจได้มากแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเคย เขาเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่อวี้ฮ่าวหราน
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อถูกมองและส่งสัญญาณให้พูดต่อ
อันที่จริง เขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของหลี่อิงไห่ ชายหนุ่มคิดไม่ถึงเช่นกันว่าชายแก่คนนั้นจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย
บริษัทของหลี่อิงไห่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทเล็ก แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร มันใหญ่ไม่เท่ากับบริษัทชงซานก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยหากเอามาเทียบกับเครือฮ่าวหราน
ตาแก่นั่นไม่มีทางทำเรื่องนี้คนเดียวแน่นอน อวี้ฮ่าวหรานค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้…
การที่บริษัทอิงเหมาต้องการจะฮุบเครือฮ่าวหรานที่ใหญ่กว่าหลายเท่านั้นมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน หากไม่มีความช่วยเหลือจากคนอื่นเข้าเสริม
จากนั้นคำพูดถัดมาของผู้จัดการหวังก็ยืนยันความคิดของอวี้ฮ่าวหราน
“หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดอีกหลายรอบ ท้ายที่สุดเราได้พบว่ามีบริษัทเล็ก ๆ อีกหลายบริษัทที่เข้าร่วมแผนการโจมตีบริษัทของเราด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านั้นถึงแม้จะเล็ก แต่กลับมีเงินทุนที่หนามาก จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ผมพบว่าบริษัทเล็ก ๆ เหล่านั้นทั้งหมดเชื่อมโยงกับแก๊งใต้ดินแก๊งหนึ่งที่ชื่อว่า…แก๊งฉลามคลั่ง”
หลังจากพูดจบ ผู้จัดการหวังส่งต่อเอกสารข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการสืบสวนให้กับผู้บริหารทุกคนในห้องประชุมรวมไปถึงอวี้ฮ่าวหราน
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกพึงพอใจในตัวลูกน้องของตัวเองคนนี้มาก
แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ลูกน้องของเขาคนนี้ก็สามารถสืบเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันเลยก็ว่าได้
ถัดมา…
เมื่อทุกคนรู้แล้วว่าศัตรูเป็นใคร บรรดาพวกผู้บริหารจึงเริ่มถกกันว่าจะตอบโต้อีกฝ่ายอย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม ด้วยความซับซ้อนของปัญหา กว่าที่ทุกคนจะร่างแผนการตอบโต้ได้เวลาก็ล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น…
เมื่อถึงเวลาสี่โมงเย็น อวี้ฮ่าวหรานออกจากบริษัททันที
ไม่ว่าปัญหาของบริษัทมันจะรุมเร้าแค่ไหน แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่เคยมองว่ามันสำคัญมากกว่าลูกสาวของเขาเอง
เกือบสี่โมงครึ่ง อวี้ฮ่าวหรานไปถึงโรงเรียนสอนเปียโน แต่ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจะพาลูกสาวกลับบ้าน เขาก็ได้พบว่าชายวัยกลางคนที่เคยมีปัญหากับเขาก่อนหน้านี้กำลังรอเขาอยู่ที่ทางออก
ชายวัยกลางคนคราวนี้มาพร้อมกับกล่องของเล่นชิ้นใหญ่ เขาถือมันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และพยายามยื่นมันให้ถวนถวนเพื่อเอาใจ
แต่ในทางกลับกัน ถวนถวนเพียงเหลือบมองชายวัยกลางคนแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น จากนั้นเด็กน้อยก็เบือนหน้าหนีไปซุกอกอวี้ฮ่าวหรานแทน
การกระทำเช่นนี้ของถวนถวน ทำให้ชายวัยกลางคนถึงกับสลด
เมื่อเห็นว่าเอาใจเด็กน้อยไม่สำเร็จ เขาจึงเบนสายตาไปหาอวี้ฮ่าวหราน และพูดขึ้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ค…คุณอวี้ ผ…ผมกำลังรอคุณอยู่เลย…”
ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนไม่หลงเหลือท่าทีที่หยิ่งผยองอีกต่อไป เขาพยายามแสดงสีหน้านอบน้อมอย่างเห็นได้ชัด
“ผ…ผมขอโทษคุณจริง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด! ตอนนั้นผมมันตาบอด ผมมันเป็นตัวเดรัจฉาน ผมล่วงเกินคนที่ผมไม่อาจล่วงเกินได้ ผมสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดคุณอวี้อภัยให้ผมได้ไหม ละเว้นบริษัทของผมเถอะ ผมขอร้อง!”
“ผมสาบาน หากคุณอวี้ให้อภัยผม ไม่ว่าคุณอวี้จะต้องการให้ผมทำอะไรผมยอมหมดเลย!”
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนสั่นเครือ ราวกับว่าเขาสามารถร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย อันที่จริงเขาไม่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาเดินผ่านไปราวกับอีกฝ่ายเป็นแค่ธาตุอากาศ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเปิดประตูออกไป อวี้ฮ่าวหรานก็หยุดฝีเท้าลงและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อย่าให้ฉันเห็นแกที่นี่อีกต่อไป ไม่งั้นฉันจะทำให้แกตกต่ำมากกว่านี้!”
ในขณะที่ขู่ อวี้ฮ่าวหรานไม่หันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแม้แต่น้อย
“ผม….”
ชายวัยกลางคนรู้สึกหวาดกลัวกับคำขู่ของอวี้ฮ่าวหรานมากจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
เขาคือคนที่อยู่ในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองฮ่วยอันเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าคนที่รวยมาก ๆ กว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง
“ถ้าแกยังโผล่หน้ามาให้ลูกของฉันเห็นอีก ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าความกลัวมันเป็นยังไง!”
อวี้ฮ่าวหรานขู่ขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมาด้วย ซึ่งมันส่งผลให้ชายวัยกลางคนกลัวจนเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปที่พื้นทันที!
ชายวัยกลางคนหน้าซีด หน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ และดวงตาแสดงออกว่ากลัวอย่างรุนแรง
หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายกลัวจนจำฝังใจแล้วแน่นอน อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนเดินจากไป
“พ่อจ๋า ลุงคนนั้นน่ารำคาญมากเลย! ก่อนพ่อจะมา เขาพยายามเข้ามาคุยกับหนูด้วยแหละ!”
ในรถ ถวนถวนบ่นขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ต้องกังวล หลังจากนี้เขาจะไม่มาอีกแล้วแน่นอน”
อวี้ฮ่าวหรานรีบเอ่ยขึ้นให้ความมั่นใจลูกสาวของเขาทันที พร้อมกับตัดสินใจว่า ถ้าหากอีกฝ่ายยังคงดื้อรั้นไม่เชื่อคำขู่ของเขา เขาจะจัดการอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาด!
เมื่อกลับไปถึงห้อง อวี้ฮ่าวหรานก็พบว่าหลี่หรงกลับมาจากที่ทำงานแล้วเช่นกัน
“วันนี้ที่บริษัทเธอเรียบร้อยดีไหม?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยทักทายหลี่หรงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แน่นอนว่าต้องเรียบร้อยอยู่แล้ว! ด้วยความช่วยเหลือของพี่ พวกพนักงานในบริษัทของฉันตอนนี้ทำงานดีมากกว่าเดิมอีก จนฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย!”
หญิงสาวตอบกลับพลางเอนตัวราบไปกับโซฟาอย่างเกียจคร้าน
“ว่าแต่พี่เขย เมื่อเช้าฉันเห็นข่าวเกี่ยวกับบริษัทของพี่ในทีวีด้วย พวกผู้บริหารของพี่พากันลาออกพร้อมกันหมดเลยงั้นเหรอ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“อย่าไปเชื่อข่าวพวกนั้น มันเป็นแค่ข่าวลวง”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับอย่างสบาย ๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่
ในขณะเดียวกันนี้ ถวนถวนวิ่งไปหาหลี่หรงและพูดขึ้นแทรก
“แม่หรง! วันนี้ที่โรงเรียนพ่อจ๋าไล่คนเลวไปด้วยแหละ!”
“จริงเหรอ? ไหนเล่าให้แม่หรงฟังสิว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
หลี่หรงยิ้มที่มุมปากพร้อมกับดึงตัวเด็กน้อยมานั่งตักด้วยความเอ็นดู
“ได้หนูจะเล่าให้ฟัง! วันนี้มีลุงน่ารำคาญคนหนึ่งมาหาหนูตอนเลิกเรียนและพ่อจ๋า…”
เด็กน้อยเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยสีหน้าเบิกบานซึ่งถัดมาไม่นานนักท้องฟ้าก็มืดลง
แตกต่างจากความสุขสงบในคอนโดของอวี้ฮ่าวหราน
เครือฮ่าวหรานขณะนี้กำลังเริ่มการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่