ตอนที่ 149 เกิดเหตุสุวิสัยที่สนามม้า-อวิ๋นเหยาใช้ความรุนแรง 5
“ขอรับ” เหล่าทหารผู้คุ้มกันไม่กล้าเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว หลังจากที่ค้อมตัวน้อมรับคำสั่ง แล้วก็ติดตามอวิ๋นเหยาจากไป
อวิ๋นคุนว่ากล่าวตำหนิอวิ๋นเหยาและทหารผู้คุ้มกันของนางเสร็จ ก็หันหลังพลางนั่งยองๆ จากนั้นก็พูดกับสตรีวัยกลางคนด้วยเสียงต่ำ “ส่งเด็กไปรักษาอาการถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องอื่นตอนรักษาเด็กเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
สตรีวัยกลางคนยังนึกว่าบุตรชายของตนเสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่ได้สนใจคำพูดของอวิ๋นคุน แค่กอดบุตรชายที่สลบไปพลางร้องห่มร้องไห้ขึ้น
อวิ๋นคุนขมวดคิ้ว แล้วกำลังจะสั่งให้ผู้ติดตามของตนมานำคนไป ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น “ให้ข้าดูอาการหน่อยดีหรือไม่”
“คุณหนูเหยา?” อวิ๋นคุนเห็นเหยาเยี่ยนอวี่อยู่ในชุดขี่ม้า จึงตะลึงงันทันที จากนั้นก็รีบลุกขึ้น แล้วพูดขึ้น “คุณหนูเหยาเชิญ”
เหยาเยี่ยนอวี่นั่งยองๆ ลง เข่าข้างหนึ่งคุกอยู่บนพื้น จากนั้นก็ยื่นมือไปอุ้มเด็กคนนั้น
สตรีวัยกลางคนตกใจจนหลบไปข้างหลัง แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้น “ได้โปรด พวกท่าน ปล่อยบุตรชายที่น่าสงสารของข้าไปเถอะ…เขา…เขาสิ้นลมหายใจไปแล้ว! หรือว่าพวกท่านยังจะเฆี่ยนตีศพต่อ…ได้โปรด…”
เหยาเยี่ยนอวี่ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่สาวท่านนี้ บุตรชายของเจ้ายังไม่สิ้นลมหายใจ ข้าจะรักษาเขาเอง”
“อ๋า? บุตรชายของข้ายังไม่สิ้นใจอย่างนั้นหรือ!” สตรีวัยกลางคนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเงยหน้าแล้วมองนัยน์ตาที่อ่อนโยนของเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วรีบส่งเด็กไปให้ในอ้อมกอดของเหยาเยี่ยนอวี่และร้องไห้ไปด้วย “แม่นาง! ท่านสามารถช่วยบุตรชายของข้า? หากท่านสามารถช่วย! ท่านก็รีบช่วยเขาหน่อยเถอะ! บุตรชายผู้น่าสงสารของข้า…ฮือๆ…ข้าขอบคุณท่านจริงๆ ! ข้าขอบคุณท่าน…โฮ…”
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่สนใจว่าเรือนร่างของเด็กคนนั้นจะแปดเปื้อนไปด้วยโคลนและคราบเลือด จากนั้นก็อุ้มเขาไว้แล้วพิงอยู่ตรงหน้าตักของตนเอง และพลิกข้อมือไปรับเข็มเงินที่ชุ่ยเวยส่งมา แล้วทิ่มเข้าไปตรงจุดเหรินจง[1] ผ่านไปสักพัก เด็กน้อยก็พึมพำ ร้องไห้ แล้วก็ลืมตา เหยาเยี่ยนอวี่จึงรีบดึงเข็มออก จากนั้นก็สั่งการชุ่ยเวย “เอาผงยามา!”
ชุ่ยเวยพลันเอาขวดเล็กๆ ออกจากหอบผ้าที่พกพามาตลอด แล้วรีบยื่นไป เหยาเยี่ยนอวี่ถอดเสื้อผ้าที่ฉีกขาดของเด็กออก ทำให้เห็นถึงรอยเฆี่ยนตีเป็นเส้นๆ ตามเรือนร่างอันผอมเล็กของเขา จากนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม…แผลมากเกินไป! ผงยาน้อยเกินไป!
เด็กน้อยเพิ่งฟื้นขึ้นมาก็ร้องเจ็บขึ้นไม่หยุด ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ชุ่ยเวยเห็นจึงขมวดคิ้วตาม เหยาเยี่ยนอวี่เงยหน้าเอ่ยถามอวิ๋นคุน “แถวนี้มีร้านยาหรือไม่!”
อวิ๋นคุนถูกทำให้ตกใจเพราะแผลตามเรือนร่างของเด็กน้อย
ถึงแม้เขาจะเคยสู้รบกลางสนามรบ และสังหารคนจนชินชา ทว่าคนเหล่านั้นที่ถูกเขาสังหารคือศัตรู และนักรบข้างกายที่เสียชีวิตไปก็ได้เสียสละเพื่อปกป้องชาติ วันนี้ พวกเขาเห็นประชากรแห่งราชวงศ์ต้าอวิ๋นที่พวกเขายอมสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องเอาไว้ ถูกเฆี่ยนตีจนมีรอยแผลตามเนื้อตามตัว เพราะความซุกซนและเกเรที่เป็นเพียงความผิดพลาดเล็กๆ เท่านั้น นี่ก็ทำให้เขาที่เป็นแม่ทัพผู้หนึ่งถึงกับทนมองไม่ได้จริงๆ
“แถวนี้มีร้านยาหรือไม่!” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยเสียงที่ขุ่นเคืองใจ
ความเห็นอกเห็นใจในนัยน์ตาของอวิ๋นคุนทำให้เหยาเยี่ยนอวี่ถึงกับโมโห น้องสาวของเขาเฆี่ยนตีคนอื่นจนกลายเป็นสภาพเยี่ยงนี้ เขามีสิทธิ์อะไรมาแสร้งทำเป็นเมตตากรุณาผู้อื่น เขาทำสีหน้าเช่นนี้ ก็แค่ต้องการกู้ชื่อเสียงของจวนเฉิงอ๋องคืนใช่หรือไม่
“ไม่…ไม่มี” อวิ๋นคุนเงยหน้าขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวา ถนนเส้นนี้ถึงจะเป็นตลาดที่ครึกครื้น ทว่าสิ่งที่ขายก็มีเพียงของกินและของเล่นเท่านั้น ร้านยาที่ใกล้ที่สุดยังห่างจากที่นี่ไปอีกสองซอย
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วเป็นปมกว่าเดิม แล้วมองขวดยาเล็กๆ ในมือ จากนั้นก็สั่งการชุ่ยเวย “ตักน้ำมาหนึ่งขัน!”
“หือ?” ชุ่ยเวยกวาดสายตามองไปรอบทิศที่มีชาวบ้านอยู่ จะให้นางไปตักน้ำหนึ่งถ้วยมาจากไหนกันเล่า
“ในนี้” เว่ยจางยื่นถุงหนังใส่น้ำที่ทหารใช้
เหยาเยี่ยนอวี่มองเขา แล้วยื่นมือไปแล้วเปิดตาของเด็กน้อยที่เจ็บจนสลบไปอีกครั้ง จากนั้นก็วางเขาไว้ในอ้อมกอดของมารดาเขา แล้วสั่งการขึ้น “อุ้มเด็กไว้ดีๆ!” จากนั้นนางก็รับถุงหนังใส่น้ำไว้ แล้วเปิดฝาออก จากนั้นก็เทยาในขวดลงไป
ชุ่ยเวยเห็นจึงเข้าใจทันที เลยยื่นมือไปถอดเสื้อผ้าของเด็กน้อยออก จากนั้นก็ถามทุกคน “ใครมีเสื้อทำจากผ้าฝ้ายให้ยืมหนึ่งตัวบ้าง!”
ข้างๆ มีผู้ที่มีจิตใจงดงามจึงโยนเสื้อคลุมผ้าฝ้ายออกมาหนึ่งตัว ชุ่ยเวยรับไว้ แล้วคลุมบนเรือนร่างของเด็กน้อย ผ่านไปสักพัก เหยาเยี่ยนอวี่ก็ทายาให้เด็กน้อยคนนี้ เสื้อผ้าที่กระจุยกระจายเพราะถูกแส้ม้าของอวิ๋นเหยาจวิ้นจู่เฆี่ยน ไม่มีทางรวบรวมเศษผ้าให้อยู่ที่เดียวกันได้หรอก อีกทั้งอากาศที่เหน็บหนาวเช่นนี้ อาจจะทำให้เด็กน้อยสะท้านหนาวจนตัวแข็งก็ได้
เหยาเยี่ยนอวี่ดึงผ้าเช็ดหน้าของตนเอง แล้วเทน้ำที่ผสมผงยาไว้บนผ้าเช็ดหน้า จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดบาดแผลของเด็กน้อย
ผงยาขวดนี้ ทีแรกนางพกไว้ให้ตนเองใช้ แน่นอนว่าได้ผสมยาสมุนไพรชั้นดีที่ใช้รักษาแผลภายนอกไว้แล้ว ข้างในไม่เพียงแต่มีผงซานชี แล้วยังมีเมล็ดดอกไม้ที่ใช้ในการห้ามเลือด พอเอาไปผสมกับน้ำ สรรพคุณที่สามารถห้ามเลือดและบรรเทาความเจ็บปวดก็ไม่ใช่เล็กน้อยเลย
เมื่อเลือดสดหลั่งออกจากบาดแผลแล้วถูกเหยาเยี่ยนอวี่เช็ดไปสองรอบก็ห้ามเลือดได้แล้ว
แค่ว่า เด็กคนนี้ที่มีอายุไม่ถึงสิบขวบถูกเฆี่ยนตีจนมีบาดแผลตามเนื้อตามตัว แผลทั้งเรือนร่างนี้ แทบจะไม่มีส่วนผิวหนังดีๆ ที่ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือแม้แต่จุดเดียว เหยาเยี่ยนอวี่ทายาให้เด็กไป ขณะเดียวกันก็ก่นด่าอวิ๋นเหยาภายในใจไปด้วย
บาดแผลถูกยาทาเสร็จก็จะไม่ค่อยเจ็บ เด็กถึงค่อยๆ หยุดร้องไห้ แล้วนอนหลับอยู่กลางอ้อมกอดของมารดาของเขา
เหยาเยี่ยนอวี่ทาเสร็จก็ยื่นถุงหนังให้กับสตรีผู้นั้น “เจ้าเอานี่กลับไป ยาที่อยู่ข้างในยังพอให้เด็กทาอีกหนึ่งรอบ หากเขาไข้ขึ้นตอนกลางคืน เจ้าก็ทายาให้เขาอีกหนึ่งรอบ”
สตรีผู้นั้นจึงเอาผ้าคลุมฝ้ายที่ได้จากคนใจบุญมาห่อหุ้มร่างกายของบุตรชาย จากนั้นก็คุกเข่าน้อมก้มกราบเหยาเยี่ยนอวี่ “ขอบคุณแม่นางอย่างมาก! ท่านเปรียบเหมือนเจ้าแม่กวนอิมกลับชาติมาเกิดจริงๆ! ได้โปรดให้ข้าทราบนามของแม่นางหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะกลับไปตั้งป้ายชื่อของท่านไว้กราบไหว้!”
เหยาเยี่ยนอวี่คุกเข่าลงบนพื้นไปสักพัก ก็รู้สึกขาชา นางจึงพยุงมือของชุ่ยเวยแล้วลุกขึ้นอย่างกินแรง จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่จำเป็น เจ้ารีบพาเด็กกลับไปเถอะ ถ้าตอนกลางคืนเขาเป็นไข้ เจ้าก็จำไว้ว่าให้ต้มขิง รากผักกาดขาว และรากหัวหอมรวมกันแล้วให้เขาดื่ม” นางไม่ได้บอกสูตรยาอะไรกับสตรีผู้นี้ เพราะว่าดูจากสภาพนี้แล้ว สตรีผู้นี้ก็อาจจะไม่มีเงินซื้อยา
อวิ๋นคุนก็นึกอะไรได้ทันที จากนั้นก็ลูบจับลำตัวไปทั่ว แล้วก็เอาตั๋วเงินสองสามใบยื่นไปให้
สตรีผู้นั้นมองเพียงพริบตา แล้วส่ายหน้า ไม่กล้ารับไว้
อวิ๋นคุนขมวดคิ้ว แล้วมองไม่กี่คนที่อยู่ข้างๆ เว่ยจางก็ได้เอาเศษเงินตำลึงออกจากถุงบุหงาไม่กี่ตำลึง แล้ววางไว้ในเสื้อคลุมผ้าฝ้ายที่กำลังห่อหุ้มเด็กคนนั้น จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมา
วันนี้เหยาเยี่ยนอวี่ออกจากจวนก็นึกไม่ถึงว่าจะต้องพกเงินตำลึงอะไรมา อีกอย่างนางรู้สึกมั่นใจในยาของตนเอง กลับไปแล้วทาอีกครั้ง แผลก็คงจะไม่อักเสบ ถ้าหากเป็นไข้ ก็คงเป็นเพราะสะท้านหนาว ดื่มน้ำขิงก็คงจะหายดีแล้ว ให้เด็กกินยาน้อยๆ ถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ชาวบ้านโดยรอบค่อยๆ แยกย้ายกันไป แล้วก็เดินไปด้วยพลางเอ่ยชมแม่นางที่มีจิตใจงดงามดั่งโพธิสัตว์ท่านนี้ไปด้วย คนดีย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดี เหยาเยี่ยนอวี่ฟังทุกคนที่ต่างก็พูดถึงนางอย่างไม่พูดไม่จา จากนั้นก็กลับไปตรงหน้ารถม้า แล้วขึ้นรถม้าไป และค่อยสั่งให้ชุ่ยเวยปล่อยม่านลงแล้วขับเคลื่อนรถม้า
สุดท้ายอวิ๋นคุนก็สั่งให้ผู้ติดตามของเขาสองคนไปส่งสตรีและบุตรชายของนางกลับบ้าน
หันหมิงชั่นเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ทำสีหน้าที่ดูแย่ จึงยื่นมือไปจับมือนางไว้ และไม่พูดไม่จาใดๆ เหยาเยี่ยนอวี่จึงยิ้มอย่างจนใจ เพื่อแสดงว่าตนไม่เป็นไร
เหล่าชาวบ้านค่อยๆ แยกย้ายกันไป คนขับรถม้าจึงเร่งม้ามุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลเหยาโดยเร็ว เหยาเหยียนอี้ได้ยินว่าคุณหนูหันกลับมาพร้อมกับน้องสาวอีกครั้ง จึงรีบสั่งให้โรงครัวไปเตรียมอาหารชั้นดีทันที
[1] จุดเหรินจง เป็นจุดฝังเข็มที่อยู่ตรงกลางระหว่างจมูกและปาก