บทที่ 295 : มูเอนเข้าใจกระจ่างแล้ว
มูเอนยื่นมือออกไปรับละอองแสงที่เคยเป็นคลีฟแลนด์ที่กำลังร่วงลงมา
ในฝ่ามือของเธอมีละอองแสงที่เรืองรองเป็นรูปดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวอย่างคลุมเครือปรากฏขึ้น มันดูดซับละอองแสงทั้งหมดไปทำให้โครงร่างที่เลือนรางนั้นดูเข้มขึ้นเล็กน้อย และด้านสว่างก็เพิ่มพื้นที่ขึ้น
ภายในพริบตา ตัวตนของคลีฟแลนด์ก็หายไปอย่างหมดจดนับตั้งแต่ระดับรากเหง้า
แต่เดิมแล้ว ต้นกำเนิดมรณะนี้ก็คือหนึ่งในเจ็ดพลังของดวงจันทร์ที่ได้รับคืนมา และเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
อัครสาวกบัคของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดใช้พลังนี้ได้น้อยกว่าหนึ่งในสิบส่วน แถมยังถูกเขาบังคับเปลี่ยนชื่อเป็น ‘บทพิพากษาผู้นอกรีต’ อีก และมันก็ใช้ได้แค่กับผู้ที่ไม่ได้นับถือโบสถ์แห่งจุดสูงสุดเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นมันยังทำได้เพียงลบชีวิตของคน ๆ เดียว และจำกัดวงการใช้งานลงจากรัศมีใหญ่โตให้เหลือแค่จุดเล็ก ๆ
สมญา ‘อาณาจักรคนตาย’ ที่ว่าของบัค สำหรับมูเอนแล้วมันเป็นการหยามหมิ่นพลังนี้อย่างมาก
แต่หลังจากมูเอนรับมันกลับมาใช้อีกครั้ง พลังก็ได้กลับสู่แหล่งกำเนิด ในระดับที่มันควรจะเป็น
ในยามที่แสงจันทร์ส่องลงมาบรรจบกัน ความผันผวนที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านจากดวงจันทร์ในมือของมูเอนเป็นศูนย์กลาง แล้วลบล้างทุกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ชื่อ ‘คลีฟแลนด์’ ที่ยืนอยู่ที่นี่จนกลายเป็นความว่างเปล่า
อย่างแรกคือชีวิตของเขา จากนั้นก็เป็นสิ่งของและร่องรอยทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเขา เช่น ตาข่ายยันต์ที่เขาจัดเตรียมไว้ก็สลายตามเขาไปในเวลาไม่นาน และสุดท้าย…คือบิดเบือนกฏแห่งกรรมของทุกสิ่งที่เคยเห็นเขามาก่อน
ทว่าความแข็งแกร่งในตอนนี้ของมูเอนก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่ระดับสอง…
ตาข่ายยันต์ที่รายล้อมอยู่ต่างเปลี่ยนเป็นแสงจันทร์ที่มองไม่เห็นไปพร้อมกันทันที
หากสักวันหนึ่งเธอสามารถเข้าถึงระดับที่สามได้ ในตอนนั้นเธอก็จะเป็นเทพเจ้าได้อย่างแท้จริง
“แง้ว?”
สัตว์ประหลาดเลือดเนื้อขนาดยักษ์ที่แผ่ร่างปกคลุมพื้นที่พร้อมด้วยเส้นหนวดที่ดิ้นไปมาส่งเสียงร้องเหมือนแมวออกมา มันกำลังกลืนขาข้างสุดท้ายลงไปแล้วงอกดวงตาดวงยักษ์กลับมา แล้วมันก็เงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง ก่อนจะเห็นบุคคลที่คุ้นตา
เพราะเป็นทายาทของพระเจ้าจอมปลอมที่ครั้งหนึ่งเคยขโมยพลังของดวงจันทร์ไปใช้ มูเอนซึ่งเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์ที่แท้จริงนั้นจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่คุ้นเคย
เธอช่างสง่างามและอ่อนโยนเหมือน ‘แม่’
แม้ว่าผู้ชายที่มันไม่กล้าหยั่งเชิงอำนาจจะน่ากลัวกว่าเธอ แต่ผู้ที่เหนือกว่าอย่างแม่ก็ควรต้องให้ความเคารพและประจบอ้อนเช่นกัน
“แง้ว…!”
ดังนั้น แม้ว่าเจ้าขาวจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ทำตัวเป็นเจ้าเด็กขี้ประจบแล้วร้องออกมาทันที จากนั้นก็เดินดุ๊กดิ๊กไปหามูเอนด้วยการตอบสนองแบบมีเงื่อนไข
แม้ว่าเจ้าแมวขาวจะอ้วนสุด ๆ แม้กระทั่งจะยืนหรือกลิ้งก็ยังทำไม่ได้ก็ตาม แต่เมื่อคืนร่างจริงที่เต็มไปด้วยเส้นหนวด มันก็ยังสามารถพยุงตัวเองได้!
โครม!
สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนลูกชิ้นขนาดยักษ์กลิ้งมาอยู่ตรงหน้ามูเอนแล้วขยี้สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายจนแบนไปกับพื้นด้วยประการฉะนี้
แล้วสุดท้ายมันก็แผ่ ‘พุง’ ด้วยแววตาที่อ้อนขอให้สัมผัส
จากการรับรู้ตนเองของเจ้าขาวแล้ว มันคิดว่าตอนนี้มันน่ารักไร้เทียมทานที่สุดในจักรวาล แต่ในสายตาของคนธรรมดา ภาพนี้เต็มไปด้วยความดุร้ายและพลังทำลายล้าง ดวงตายักษ์นั้นเผยให้เห็นแววตาที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยม เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดตนนี้ต้องกำลังเลือกเหยื่อคนต่อไปมากินอยู่แน่ ๆ
มูเอนร่อนลงมามองเจ้าขาวที่ทำตัวผ่อนคลายสบายใจแล้วถอนหายใจ เธอยื่นมือออกไปสัมผัสหนวดสีขาวที่เจ้าขาวยืดออกมาแล้วพูดในใจ
เจ้าของร้านพูดถูก วิถีของโลกนี้ต่อสัตว์เลี้ยงอยู่ไม่สุขอย่างเจ้าขาวนี่อันตรายมากจริง ๆ
มีพวกโลภมากที่อยากลักพาตัวมันไปทำสิ่งที่โหดร้ายอยู่ เพราะอย่างนั้น เจ้าของร้านเลยให้เรามาที่นี่…
มูเอนเข้าใจกระจ่างแล้วถึงเจตนาดีของเจ้าของร้านหลิน
เจ้าขาวจอมตะกละและซุ่มซ่าม ศัตรูจึงแอบวางกับดักจับเต่าด้วยไหไว้แล้วด้วย หากมูเอนไม่ได้เร่งมาที่นี่ทันที บางทีเจ้าขาวก็อาจถูกลักพาตัวไปแล้วก็ได้
เจ้าของร้านดีต่อสัตว์เลี้ยงของเขาจริง ๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาต้านทานการโจมตีด้วยความน่ารักไม่ได้ เขาเลยต้องปล่อยให้มันไปหาอาหารกินเองเพิ่ม
และอีกส่วน เขาก็จัดการพวกคนที่กล้ามาทำไม่ดีต่อร้านหนังสือของเขา และยังเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าขาวด้วย ดังนั้นชายหนุ่มจึงให้มูเอนตามมันไปเพราะเกรงว่ามันจะโดนใครจับไปจริง ๆ
แต่ศัตรูในครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย
สายตาของมูเอนทอดมองไปไกล…
ถึงเราจะยังเข้าใจแดนนิมิตของวัลเพอร์กิสยังไม่ถ่องแท้และยังไม่ได้รับความแข็งแกร่งทั้งหมดของเธอมา แต่หลังจากริบสิทธิ์กลับมา ร่างกายของเราก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นระดับกึ่งเหนือนภาแล้ว
เพราะเราเป็นมนุษย์ประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับจุดที่ผิดพลาดเสมอ ดังนั้นถ้าอยากจะขึ้นให้ถึงระดับเหนือนภา เราก็ต้องหาทางจัดการกับจุดที่ผิดพลาดพวกนั้น…
แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังเป็นแค่ระดับกึ่งเหนือนภา ถ้าเจ้าของร้านไม่พูดขึ้นมา เราก็คงยังไม่รู้ว่ามีศัตรูซุ่มโจมตีอยู่
ดังนั้นศัตรูต้องเป็นระดับเหนือนภาที่แท้จริง ต่างจากการถูกคนอื่นบ่มเพาะอย่างร็อดนีย์หรือเทพจอมปลอมที่ไปขโมยพลังของคนอื่นมา…
การมองเห็นของมูเอนค่อย ๆ กระจ่างขึ้น แสงจันทร์ในมือของเธอส่องสว่างนำทางแล้วเปลี่ยนไปเป็นหอกยาวเล่มหนึ่ง จากนั้นมันก็พุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็วราวอุกกาบาตไปหาผู้บงการเบื้องหลัง
เธอเข้าใจความหมายของเจ้าของร้านแล้ว หากความแข็งแกร่งของเธอจะเพิ่มขึ้นได้ เธอต้องการการต่อสู้ที่แท้จริง
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่กล้าโจมตีสัตว์เลี้ยงของร้านหนังสือจะต้องถูกถอนรากถอนโคน!
—
สำหรับสมาชิกทุกคนของวิถีแห่งดาบอัคคี วันนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นวันที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
มันเป็นช่วงเวลาแห่งความหวาดกลัวที่พวกเขาจะจดจำไปตลอดชีวิต
เพื่อนร่วมงานของคลีฟแลนด์เป็นคนแรกที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทั้งนักวิชาการที่ทำงานร่วมกับเขาในการดัดแปลงมนุษย์ การวิจัยยา และนักเวทมนตร์ขาวที่ทำงานร่วมกับเขาเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา
ทุกร่องรอยที่เกี่ยวกับคลีฟแลนด์ต่างถูกลบให้หายเกลี้ยง
ผลการทดลองทั้งหมดที่คลีฟแลนด์มีส่วนร่วมต่างสลายไปทั้งหมด…
มือสังหารเงาที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ถูกแดนแห่งเงาขับไล่ออกมาโดยทันที จากนั้นภูตเงาในร่างกายของพวกเขาก็ถูกแยกออกจากร่างกายของตนเองโดยสมบูรณ์
พลังอย่างมหาศาลที่มองไม่เห็นแยกองค์ประกอบทั้งสองที่ผสานเข้าด้วยกันออกอย่างลวก ๆ ทำให้เซลล์ร่างกายของเขาถูกฉีกกระชากออกทันที แล้วร่างทั้งร่างก็ระเบิดจากภายในสู่ภายนอกกลายเป็นสระน้ำพลาสม่า
ทว่าภาพนี้ก็ปรากฏกับมือสังหารเงาราว ๆ อีกสองในสามส่วนจากทั้งหมดด้วย
ต่อจากนั้นก็เป็นเหล่าผู้ใช้พิษ นักสะกดรอยที่ยิ้มเหยียดรอพิษแสดงผลต่างไม่อาจได้อยู่รอให้พิษทำงานอีกครั้ง และนักเวทมนตร์ขาวที่กำลังสร้างยันต์ก็หลงลืมอย่างกะทันหันว่าต้องใช้สัญลักษณ์อะไรบ้าง พวกเขาคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
หลังจากนั้นการตายอย่างกะทันหันของบุคลากรจำนานมากของวิถีแห่งดาบอัคคีก็ถูกเปิดโปง แผนการที่ยังไม่ได้ลงมือก็หยุดลงกะทันหัน และเข้าสู่สภาวะตื่นตระหนกอย่างแท้จริง
—
ซานดัลฟอนกำลังเขียนจดหมาย
เธอต้องแจ้งข่าวให้มิคาเอลและเทวดาตนอื่น ๆ ได้รับรู้แล้วรวมตัวกันเพื่อหารือว่าจะรับมือเจ้าของร้านหนังสือที่โผล่มากะทันหันนี้อย่างไรดี
มือของซานดัลฟอนจับปากกาครูดไปบนกระดาษเบา ๆ ที่จริงแล้วเธอไม่ได้คิดเลยว่านี่จะเป็นความคิดที่ดี
เพราะเมื่อพวกเธอทั้งสิบ…แต่ตอนนี้คงเหลือแค่เก้าแล้ว มาร่วมมือกัน ใครเล่าจะต้านทานพวกเธอได้?!
นี่จะเป็นผลการปฏิบัติการที่น่าเบื่อและแน่ชัดแล้วอย่างแน่นอน