เสี่ยวอวี้กำลังวุ่นอยู่กับการล้างผักเตรียมผักอยู่หลังร้าน เธอไม่ได้อยู่ใกล้ตงฟู่หนานตั้งแต่เมื่อคืนเพราะเริ่นเสี่ยวซู่บอกไว้ก่อนแล้วว่าตงฟู่หนานมีอะไรไม่ชอบมาพากล
จริงๆ แล้วเริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกว่าตงฟู่หนานไม่ปกติตั้งแต่ก่อนที่หยางเสียวจิ่นจะเตือนแล้ว ถึงเขาจะได้รับเหรียญคำขอบคุณจากเธอมาก็จริง แต่ที่เธอยืนกรานปฏิเสธหลัวหลานนั้นดูไม่ปกติเลย
แถมตอนถามว่ามีเธอมีพลังพิเศษอะไร เธอตอบแค่ว่าตัวเองมีพละกำลังเยอะกว่าคนทั่วไปเฉยๆ อีก
นี่ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกตระหงิดใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเธอมีพละกำลังมากกว่าคนทั่วไปจริงๆ หรือตั้งใจปิดบังพลังตัวเองกันแน่ เพราะข้อสงสัยพวกนี้ เริ่นเสี่ยวซู่เลยให้เสี่ยวอวี้อยู่ห่างจากตงฟู่หนาน เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
คิดแล้วตงฟู่หนานน่าจะมีพลังพิเศษไว้แยกแยะว่าใครเป็นผู้มีพลังพิเศษ เพราะหลังจากมาถึงร้านแล้วพบว่ามีพลังผู้มีพลังพิเศษสองคนให้ดูดเลือด เธอก็รีบปัดหลัวหลานออกไปทันที
แต่ว่าตงฟู่หนานระมัดระวังมาก คงกำลังรอให้ตัวเองหายจากอาการบาดเจ็บอย่างสิ้นเชิง บวกกับรอโอกาสที่เฉินอู๋ตี๋อยู่คนเดียวถึงค่อยลงมือ
ตอนนี้เฉินอู๋ตี๋กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งเล็กๆ ข้างตงฟู่หนาน จิตใจกำลังจ่อจออยู่กับการดูมดเดินแถวบนพื้น
เขาไม่รู้เลยว่าตงฟู่หนานที่อยู่ด้านหลังนั้นค่อยๆ ปลดเชือกที่มันตัวเธอไว้แล้ว
รูปร่างผอมบางและความตัวอ่อนอย่างถึงที่สุดของเธอนั่นไม่ต่างไปจากอสรพิษตัวหนึ่ง เธอสามารถปรับหมุนข้อต่อได้ดั่งใจ จนเชือกที่มัดเธอไว้ไม่ต่างไปจากของประดับ
เสี่ยวอวี้ตะโกนมาจากข้างนอก “อู๋ตี๋ ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว”
“ได้ขอรับพี่เสี่ยวอวี้” เฉินอู๋ตี๋รับคำอย่างเชื่อฟัง แต่ทันใดนั้นเอง มือของตงฟู่หนานก็ขยับไปยังลำคอของเฉินอู๋ตี๋ เหมือนเธอกำลังเอนร่างเข้าหาเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ตงฟู่หนานกระซิบ “หนุ่มน้อย กำลังมองอะไรอยู่น่ะ”
“สีกา โปรดสำรวมด้วย” เฉินอู๋ตี๋พูดเสียงสั่น
ทว่าพอเขาพูดจบ ตงฟู่หนานก็เปิดปากสีแดงชาดของตัวเองออก ฟันแหลมคมคู่หนึ่งงอกออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะกัดลงไปที่คอของเฉินอู๋ตี๋! เกิดเสียงดังแกรก ฟันเธอหัก!
ตอนที่ตงฟู่หนานกัดลงไปนั้น เงาเกราะทองเลือนรางพลันปรากฏอยู่ใต้ผิวหนังตรงไหล่ของเฉินอู๋ตี๋ จากนั้นเกราะก็ก่อร่างขึ้นคลุมตั้งแต่หัวไหล่จนถึงลำคอของเขา
ตงฟู่หนานไม่คิดเลยว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้ เธอไม่รู้หรอกว่าเฉินอู๋ตี๋มีพลังอะไร แต่เกราะนี่มันแข็งเกินไปแล้ว!
แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันตั้งตัว ลมห่าใหญ่ก็พัดโหมในห้อง เฉินอู๋ตี๋คุกเข่าลงและหันมาต่อยใส่ท้องตงฟู่หนานอย่างดุดัน!
ในห้องมืดสลัว ตงฟู่หนานเห็นเส้นเลือดของเฉินอู๋ตี๋กำลังสั่นพ้องหลังเกราะเลือนลาง หมัดนี้ทำเธอกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่จนแทบสิ้นชีวิตทันที!
และเฉินอู๋ตี๋ก็ไม่คิดจะยั้งมือเพราะเธอเป็นผู้หญิง เขาส่งอีกหมัดต่อยไปที่ใบหน้าฝั่งซ้ายของตงฟู่หนาน
ตอนนี้ตงฟู่หนานสูญสิ้นกำลังจะต่อสู้แล้ว แม้กระทั่งความสามารถในการคิดก็ไม่มีเพราะสมองมึนงงไปหมด
“เดี๋ยวก่…” ตงฟู่หนานคิดจะขอความเมตตา ก่อนจะเห็นหมัดเหล็กโผล่มาอีกคราที่ใบหน้าซีกขวา!
ตอนที่ถูกต่อยหมัดแรก เธอก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางสู้กลับไปได้ เธอไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเฉินอู๋ตี๋ จึงคิดจะนอนนิ่งเฉยๆ บนพื้นเป็นการยอมแพ้ แต่โดนเฉินอู๋ตี๋กระหน่ำหมัดใส่แบบนี้ กระทั่งเวลานอนหมอบกับพื้นยังไม่มีเลย
เฉินอู๋ตี๋ยืดตัวขึ้นแล้วร้องเฮอะ “ข้านึกว่าเจ้าคือม้ามังกรขาว ไม่คิดเลยที่แท้ก็คือปีศาจกระดูกขาว แต่เจ้านี่อ่อนแอจริงๆ หมัดเดียวจากผู้ยิ่งใหญ่เช่นข้ายังรับไม่ได้”
ตงฟู่หนานที่นอนอยู่บนพื้นแทบบ่อน้ำตาแตก “แค่ต่อยทีเดียวก็พอแล้วไหม ทำไมก็ต้องปล่อยมาอีกสองหมัดด้วย”
เฉินอู๋ตี๋แค่นเสี่ยง “เพราะข้าต้องตีกับปีศาจกระดูกขาวสามครั้งน่ะสิ”
ตงฟู่หนาน “???”
เฉินอู๋ตี๋จำได้ว่าไซอิ๋วตอนสามสังหารปีศาจกระดูกขาว [1] มีเรื่องพลิกเยอะมาก สองครั้งแรกที่สู้กัน อาจารย์เข้าใจเขาผิด จนครั้งที่สามหลังเขาปราบเจ้าปีศาจลงได้ท่านอาจารย์จึงเชื่อ ดังนั้นเฉินอู๋ตี๋ที่กลัวว่าอาจารย์จะเข้าใจเขาผิด จึงจัดการ ‘ตี’ สามครั้งรวดเดียวให้จบๆ แบบนี้พวกเขาสองคนจะได้ไม่มีเรื่องผิดใจกัน!
ฮี่ฮี่ เขาล่ะชื่นใจนักที่ตัวเองฉลาดจริงๆ
“คิดว่าฉันไม่เคยอ่านไซอิ๋วเหรอ นายคิดจะให้ ‘สามสังหารปีศาจกระดูกขาว’ จบภายในรวดเดียวงั้นสิ” ตงฟู่หนานร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
ตอนนั้นเองเสี่ยวอวี้ก็เดินเข้ามา ก่อนจะเห็นว่าเฉินอู๋ตี๋ฟาดตงฟู่หนานจนร้องไห้แล้ว
ตงฟู่หนานเห็นเสี่ยวอวี้ก็พูดทันที “พี่เสี่ยวอวี้ พี่เป็นคนใจดีที่สุดของที่นี่แล้ว บอกให้พวกเขาปล่อยฉันไปได้ไหม”
จากนั้นตงฟู่หนานก็เห็นเสี่ยวอวี้ส่งเชือกอีกเส้นให้เฉินอู๋ตี๋ “รอบนี้มัดเธอให้ดีๆ แล้วออกมากินข้าวเที่ยง”
ตงฟู่หนานล่ะสงสัยนักว่าคนบ้านนี้เป็นอะไรกันหมด ทำไมถึงไม่เห็นค่าชีวิตคนอื่นเลย!
เธอไม่รู้เสียแล้วว่าตัวเองตกมาอยู่ในเงื้อมมือของครอบครัวที่ชั่วร้ายที่สุดในป้อมปราการ 109…
ถึงตงฟู่หนานจะเคยฆ่าคนมาก่อน แต่เธอก็เติบโตมาในสภาพแวดล้อมอันสงบสุขในป้อมปราการ ว่าตามตรง เหยียนลิ่วหยวนยังฆ่าคนมามากกว่าเธออีก
ก่อนหน้านี้เธอคิดจะไปรออยู่หน้าบริษัทหัวจ่งเผื่อมีคนมาขายเลือด พอผู้ขายออกมาแล้ว เธอก็จะตามไปดูดเลือดพวกเขาต่อ
ทุกครั้งที่เธอได้ดื่มเลือด เธอจะมีพลังมากขึ้น ดังนั้นเธอจึงสงสัยว่าถ้าได้ดูดเลือดของผู้มีพลังพิเศษจะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นได้ขนาดไหน แต่ไม่รู้เลยว่าตัวเองตกมาอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้ได้อย่างไร
จริงๆ แล้วเริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าปฏิบัติการของหญิงสาวผู้นี้นั้นไม่ต่างไปจากการละเล่นของเด็ก แผนการอะไรก็ไม่วาง ก็เหมือนอย่างที่หยางเสียวจิ่นพูด เธอเป็นแค่มือใหม่เท่านั้น ไม่เหมือนกับเริ่นเสี่ยวซู่และคนอื่นๆ ที่เห็นคนตายอยู่ตลอดเวลาทั้งยังมีประสบการณ์ต่อสู้ไม่ธรรมดา
อีกทั้งเธอไม่ได้ผ่านการฝึกฝนจากองค์กรมาเหมือนหยางเสียวจิ่น เธอนอกจากจะมีทักษะเยอะแยะมั่วซั่วแล้ว ยังมีองค์กรคอยสนับสนุนป้อนข้อมูลให้อย่างเต็มที่อีก
ว่าแล้วตงฟู่หนานก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ได้พลังมาและถูกพลังที่ทั้งประหลาดทั้งทรงพลังนี้มัวเมาจิตใจ
พอเริ่นเสี่ยวซู่กลับบ้านมาพร้อมเหยียนลิ่วหยวนและหวังต้าหลงในตอนเย็น เขาก็เห็นตงฟู่หนานถูกมัดอยู่ในห้องพร้อมใบหน้าบวมช้ำไปหมด ขณะมองผ่านตาบวมฉึ่งนั้น ก็เห็นความสิ้นหวังอยู่ภายใน
ให้พูดตรงๆ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่อยากปฏิบัติกับผู้หญิงแบบนี้หรอก แต่ยุคสมัยเช่นนี้ ความเสี่ยงว่าจะปลอดภัยไม่ปลอดภัย ไม่แบ่งยากชายหญิงไม่ใช่หรือ
คนชั่วใช่ว่าจะเป็นผู้ชายตลอด อาจจะเป็นผู้หญิง คนแก่ หรือแม้แต่เด็กก็ได้หมด แดนรกร้างก็เป็นเช่นนี้
เมตตาธรรมหายาก หากเมตตาและไร้อาวุธ ก็เป็นได้แค่ผู้อ่อนแอ
จากนั้นตงฟู่หนานก็ได้ยินเสี่ยวอวี้คุยกัยเริ่นเสี่ยวซู่ว่า “พวกเราจะเอายังไงต่อ ฆ่าเธอเลยดีไหม”
“ยังก่อน” เริ่นเสี่ยวซู่พูด “แต่ลงกลอนประตูให้ดี อย่าให้หลัวหลานเห็นสภาพเธอเป็นแบบนี้ อู๋ตี๋ คราวนี้นายทำดีมาก ทำดีแล้วล่ะ”
ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยาก ‘เก็บ’ เธอไว้อีกสักหกวัน ภารกิจจะได้สำเร็จ เริ่นเสี่ยวซู่อยากรู้จริงๆ นักว่าของใหม่ที่จะปลดล็อกในตู้หยอดเหรียญคืออะไร
เฉินอู๋ตี๋ที่อยู่ด้านข้างก็กระหยิ่มยิ้มย่อง เขาเลี่ยงให้ไม่เกิดการเข้าใจผิดด้วยการ ‘ตี’ สามครั้งรวดเดียวเลย
[1] สามสังหารปีศาจกระดูกขาว (三打白骨精)ตอนหนึ่งของไซอิ๋วว่าด้วยปีศาจกระดูกขาวแปลงกลายสามครั้ง พยายามจับพระถังซัมจั๋ง แต่ถูกซุนหงอคงจัดการได้ทั้งสามครั้ง