วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0008
บทที่ 3 แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่ผู้คนยังเหมือนเดิม (3)
* * *
คังซอนฮูปรี่เข้าหายูทูเบอร์ฮงอึนซูที่เอาแต่ยืนนิ่ง
ทันทีที่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย ฮงอึนซูหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนจะเดินทางมายังต่างโลก
‘…ไอ้หน้าใหม่นั่น?’
ชายผมบ๊อบในตอนนั้น ชายผู้ยืนต่อแถวด้วยท่าทีประหม่าอย่างชัดเจน พิจารณาจากเป้สะพายหลังและเครื่องแต่งกาย จุดประสงค์ในการเดินทางข้ามโลกคือการสำรวจไม่ผิดแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กใหม่ที่พกอุปกรณ์มาไม่พอ
ยังไม่ทันที่ฮงอึนซูจะได้ตอบสนอง
วืด!
‘…?’
ท่ามกลางความมึนงง ดวงตาฮงอึนซูพลันพร่ามัวเพราะฝุ่นทราย
เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง มันกำลังนอนคว่ำหน้าในสภาพแก้มแนบดิน
“…อ…อะไร! ทำแบบนี้ทำไม! ช่วยด้วย! ไอ้หมอนี่ทำร้ายคน!”
ฮงอึนซูพยายามดิ้นรน แต่ก็ขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
‘เรี่ยวแรงอะไรกัน…’
มันรู้สึกราวกับถูกภูเขากดทับ
‘เราทำอะไรผิด? เราไม่รู้จักกับหมอนี่มาก่อนด้วยซ้ำ!’
มันเชื่อว่าคังซอนฮูไม่มีทางรู้เรื่องราวทั้งหมด จึงแสร้งทำเป็นหัวเสียเพราะไม่ได้รับความยุติธรรม
ฮงอึนซูจ้องหน้าคังซอนฮูพลางถลึงตา
“ทั้งที่รู้ว่าฉันเป็นใคร แต่ก็ยังกล้าทำเรื่องแบบนี้…”
ในวินาทีที่สายตาประสานกัน
“เฮือก…!”
มันพูดอะไรไม่ออก
เพียงพริบตาเดียว ความโกรธมลายสิ้น
ความกลัวแทรกเข้ามาแทนที่ เหตุเพราะดวงตาของอีกฝ่าย ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่ดวงตามนุษย์
แต่ฮงอึนซูยังคงแสร้งเรียกร้องความยุติธรรมตามสันดาน
“ทำแบบนี้ทำไม? ฉันทำอะไรผิด! ฉันก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน! ว๊ากกก!”
ครึก-
มันสัมผัสถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสจากหัวไหล่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต พอรู้ตัวอีกที ข้อต่อก็เคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมเรียบร้อย
ขณะจ้องคังซอนฮูด้วยใบหน้าเลอะดินผสมน้ำตา
ฮงอึนซูได้พบกับสีหน้าที่มันไม่ทราบความหมาย ราวกับอีกฝ่ายไม่ได้ฟังคำพูดของตนแม้แต่น้อย ประหนึ่งตนเป็นเพียงสิ่งของ วัว หรือหมู
มันปิดปากสนิททันที ไม่กล้าส่งเสียงใดอีก
การแหกปากกรีดร้องเป็นพฤติกรรมสำหรับขอความช่วยเหลือ แต่นั่นไม่มีประโยชน์หากอีกฝ่ายไม่แยแส
ทันใดนั้นเอง มือของคังซอนฮูสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของฮงอึนซู
จากนั้นก็หยิบบางสิ่งออกมา และโยนทิ้งโดยไม่เหลียวมอง
กึก
ผลไม้ที่ถูกบี้ กลิ้งไปบนพื้นและหยุดลงตรงปากจ่าฝูงสคาเวน
ทันใดนั้น
“…แค่ก! แค่ก! กรร… แค่ก!”
“อุหวา~!”
จ่าฝูงหมาป่าที่ทุกคนคิดว่าตายไปแล้ว ลุกพรวดขึ้นมาวิ่งอย่างบ้าคลั่งด้วยร่างกายที่สั่นเทา คล้ายกับอาการศพกระตุกในระดับที่สุดโต่งยิ่งกว่า
หัวหน้าหน่วยที่มีข้อมูลในมือ ทราบถึงตัวตนของผลไม้ทันที
“นี่มัน… ผลไม้หัวใจป่า”
ผลไม้ที่จะผลิตฮอร์โมนซึ่งสามารถกระตุ้นและดึงดูดสัตว์
ไม่มีทางที่จะเด็ดได้จากละแวกใกล้เคียง นอกจากนั้นยังมีร่องรอยการจงใจบีบ
ในเมื่อผลไม้ดังกล่าวถูกนำออกมาจากตัวยูทูเบอร์
ยังต้องสงสัยอะไรอีก?
สายตาของหน่วยรักษาความปลอดภัยจ้องไปทางฮงอึนซูโดยพร้อมเพรียง แขนขาฮงอึนซูสั่นระริกอย่างมิอาจควบคุม
* * *
“ขอโทษครับ…”
ฮงอึนซูมิได้ต่อต้าน เพียงยืนนิ่งในท่าก้มศีรษะต่ำ
ผลไม้ที่ไหม้เกรียมหลังจากถูกเผาเพื่อขจัดอิทธิพล
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยยื่นมันมาทางใบหน้าฮงอึนซู ตามด้วยสอบปากคำ
“ทำแบบนี้ทำไม”
“ร…เรื่องนั้น…”
ฮงอึนซูอ้ำอึ้ง คังซอนฮูที่ยืนมองจากด้านหลังเปิดปากพูด
“เพื่อถ่ายวิดีโอลงยูทูป”
“หือ?”
หัวหน้าหน่วยหันไปมองชายหนุ่ม และพบว่าสายตาของสัตว์ร้ายที่คังซอนฮูเคยแสดงให้เห็น ปัจจุบันไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว คล้ายก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องโกหก หลงเหลือเพียงความรำคาญใจเล็กๆ
“สิ่งที่ยูทูเบอร์ต้องการ จะเป็นอะไรไปได้นอกจากเงินทอง? เขาเริ่มถ่ายวิดีโอทันทีที่เดินทางมาถึงต่างโลก”
หลังจากทราบสถานการณ์อย่างคร่าว ใบหน้าของหัวหน้าหน่วยเริ่มมีน้ำโห
“ลงทุนทำเรื่องแบบนี้เพียงเพื่อถ่ายวิดีโอ…”
“พ…พูดอะไร! กล่าวหา! มีหลักฐานรึไง!”
ฮงอึนซูไม่นิ่งเฉย หากข้อเท็จจริงถูกเปิดเผย สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายจนมิอาจควบคุม มันไม่มีทางเลือกนอกจากป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น
“…?”
สิ่งที่อยู่ในมือคังซอนฮู คือกล้องถ่ายวิดีโอของฮงอึนซู
กล้องที่ถ่ายทุกสิ่งเอาไว้
“นี่ไงหลักฐาน”
“ตั้งแต่เมื่อไร…”
ริมฝีปากฮงอึนซูพลันสั่นระริก
* * *
ทันทีที่ฉันมาถึงต่างโลก ความวุ่นวายก็เริ่มขึ้นทันที
หัวหน้าใหญ่ของหน่วยรักษาความปลอดภัยที่เพิ่งมาถึง ทำความเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดและดำเนินการไปตามระเบียบ
ขณะคิดว่าทุกสิ่งจบลงแล้ว ฉันพบว่าตัวเองคิดผิด
“ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป คุณช่วยรอที่โรงแรมได้ไหม”
“หือ?”
“ทางหน่วยรักษาความปลอดภัยจะช่วยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ หากคุณไม่ถือสา ช่วยรอในโรงแรมสักหนึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ”
หลังจากได้ยินคำขอร้องจากหน่วยรักษาความปลอดภัย ฉันตัดสินใจพักในโรงแรมเป็นการชั่วคราว การต้องอยู่ในโรงแรมสักชั่วโมงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ฉันจึงไม่ปริปากบ่น
ชั้นหนึ่งของโรงแรมมีโรงอาหารที่สามารถสั่งอาหาร เหล้า และชา
ทันทีที่นั่งลง พนักงานเดินเข้ามาใกล้
“รับอะไรดีครับ”
“…”
อีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดในยุคกลาง ไม่ใช่ระดับการคอสเพลย์ แต่ราวกับเป็นชุดจากยุคสมัยนั้นจริงๆ
“…กาแฟหนึ่งแก้ว”
“สองหมื่นวอน ขอแจ้งให้ทราบว่า ทางเรารับเฉพาะเงินสด”
เบสแคมป์ของมนุษย์ยุคใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อตบตาชาวต่างโลก กลมกลืนไปกับคอนเซปต์หมู่บ้านโดยสมบูรณ์
“กาแฟแก้วละสองหมื่นวอน? บ้าบอสิ้นดี”
ฉันสั่งไปโดยไม่คิดมาก เพราะหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นคนออกค่าใช้จ่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นราคาที่บ้าบอเกินไป
นั่นสินะ คงเหมือนกับรามยอนบนยอดเขาที่ขายกันชามละหมื่นวอน…
ฉุกคิดบางสิ่งได้ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด
<อยู่นอกเขตสัญญาณ>
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ การสื่อสารระหว่างสองโลกย่อมถูกตัดขาดเพราะยังไม่มีการวางโครงสร้างพื้นฐาน และนั่นส่งผลให้การสำรวจของมนุษย์ไม่ก้าวหน้า
ขณะนั่งมองทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย หัวหน้าใหญ่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ”
จับมือกันเสร็จ เขานั่งลงฝั่งตรงข้าม
“คุณทำอะไรกับเขา?”
“เราพาเขาเข้าประตูมิติเพื่อส่งตำรวจ ทางเราเป็นแค่ศาลเตี้ยที่คอยดูแลด้านความปลอดภัยฝั่งนี้ ไม่มีอำนาจในการจับกุมอาชญากร”
ใบหน้าที่มีหนวดหร็อมแหร็มของเขา ฉาบไปด้วยความอ่อนเพลีย
อาจยังดูหนุ่มสำหรับตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ แต่ก็ยังดูแก่กว่าเราพอสมควร
“มีคนแบบนี้เยอะไหม”
“บ่อยมาก กฎหมายของเกาหลีครอบคลุมไม่ถึงที่นี่ จนกระทั่งปีกลาย มีหลายรายไม่ติดคุกเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ”
คงจะปวดหัวน่าดูเลยสินะ
แค่มองใบหน้าที่มีวงกลมสีคล้ำใต้ดวงตา ฉันพอจะเดาได้ว่าเขาทำงานหนักแค่ไหน
ในเมื่อปัญหาเกี่ยวกับยูทูเบอร์ได้รับการคลี่คลายแล้ว…
“แล้วคุณให้ผมรอทำไม”
“ตามกฎแล้ว ทุกคนในเหตุการณ์ต้องถูกสอบสวนทันที แต่นั่นก็แค่กฎ ผมจึงขอร้องให้คุณมารอที่นี่และตามมาคุยทีหลัง ผมไม่อยากพาตัวคุณไปที่สำนักงานหน่วยรักษาความปลอดภัย”
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนสักเรื่องได้ไหม”
“ได้สิ แน่นอน เป็นเพราะคุณ พวกเราถึงรอดพ้นจากปัญหาใหญ่ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะช่วยเต็มที่”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมแค่อยากได้เขี้ยวของหมาป่าสคาเวนที่พวกคุณจับไป”
“อ้อ…”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยยิ้มอย่างมีนัย
“นั่นสินะ เคยได้ยินว่าของพวกนี้พอจะมีราคาอยู่บ้าง… เดิมที พวกมันต้องถูกนำเข้ากระบวนการเก็บรวบรวมและกำจัดซาก แต่ผมสามารถใช้อำนาจส่วนตัวนำมาให้คุณได้สักสามสี่ซี่”
เอ่อ… ไม่ได้ต้องการเยอะขนาดนั้น…
“เป็นเพราะคุณ ปัญหาจึงถูกสะสางอย่างราบรื่น คุณสมควรได้รับมันแล้ว”
ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธของฟรี ฉันพยักหน้ารับทันที
ชิ้นแรก กิ่งไม้ของต้นไม้ต่างโลก
ชิ้นที่สอง ชิ้นส่วนของผลไม้สีแดงที่เพิ่งนำมา
และสุดท้าย เขี้ยวของหมาป่าสคาเวน
ครบสามตัวอย่างแล้วนี่? ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าป่าเบอร์มิวด้า
หลังจากสนทนาเรื่อยเปื่อยกับหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ฉันตัดสินใจที่จะอยู่ในหมู่บ้านนี้ต่อสักพัก จากนั้นค่อยกลับโลกในช่วงเย็น
ถึงจะไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่างโลกต่อ แต่ฉันก็ไม่อยากรีบร้อนกลับ
ฉันมองไปรอบตัวและพบว่าผู้คนกำลังพลุกพล่าน บางคนกำลังกินอาหารในสภาพหิ้วของพะรุงพะรัง และในบางโต๊ะ พวกเขาสนทนากันอย่างออกรสด้วยสีหน้าเมามายกลางวันแสกๆ
“…”
“มีอะไรแปลกหรือ? พวกเขามักดื่มกันตั้งแต่กลางวันแสกๆ เป็นประจำอยู่แล้ว”
“ผมไม่ค่อยได้เห็นภาพแบบนี้”
“ถึงที่นี่จะมีโซจูกับเบียร์ไว้บริการ แต่เหล้าที่มีเฉพาะในต่างโลกถือเป็นสินค้าพิเศษ นักดื่มหลายคนมาเพื่อเหตุผลนี้โดยเฉพาะ”
“สินค้าพิเศษ?”
“ในต่างโลกมีผลไม้แห้งอยู่ชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับสตรอว์เบอร์รีทะเลทราย เจริญเติบโตใกล้กับพื้นที่รกร้าง มันถูกใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการบ่มเหล้า… ได้ยินว่าเป็นเหล้าที่แรงมาก”
สำหรับฉัน การลงทุนเดินทางมายังต่างโลกเพียงเพื่อกินอาหาร ฟังดูไม่เข้าท่าสักเท่าไร
ฉันครุ่นคิดพลางส่ายหน้า จากนั้นก็มองกลับไปทางบรรดาแขกของโรงแรม
ย้อนไปก่อนที่จะกลับมายังต่างโลก ฉันเคยกังวลว่าแผลใจบางอย่างจะถูกสะกิดให้ตื่น แต่กลับต้องผิดคาด กลิ่นของผู้คนรุนแรงกว่าที่คิดไว้ ส่งผลให้จิตใจค่อนข้างปลอดโปร่ง
“ผมแปลกใจนิดหน่อย ที่นี่มีคนเยอะผิดคาด”
“เพิ่งเคยมาต่างโลกหรือ”
“เพิ่งเคยมาหมู่บ้านนี้”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยไตร่ตรองคำพูดของฉันสักพัก จากนั้นก็ได้ข้อสรุปให้ตัวเอง
เขาคงเดาว่าฉันเคยอยู่ต่างประเทศ
“มีหลายคนมาเพื่อเสพสุข แต่ก็มีบางกลุ่มที่มาเพื่อทำงาน คนกลุ่มนี้น่าสงสารที่สุด”
“น่าสงสาร?”
“บางคนอาจมาด้วยตัวเอง เช่นพาธไฟน์เดอร์และฮาวนด์ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานบริษัท ไม่ต่างอะไรกับถูกส่งไปไซต์ชนบท”
“…ไซต์ชนบท”
หลังจากได้ฟังสถานการณ์ของโซฮี ฉันเริ่มเข้าใจภาพรวม
ทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงโหวกเหวกจากเคาน์เตอร์บาร์
“หมายความว่ายังไง? เขาไม่ได้กลับมาสามวันแล้ว?”
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังโต้เถียงกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าตกตะลึง ส่วนพนักงานมีท่าทีกระอักกระอ่วน
“เขามีกำหนดกลับเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่กลับ?”
“ข…ขอโทษครับ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทางเราจะทำอะไรได้”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ตอบตะกุกตะกัก หัวหน้าใหญ่หน่วยรักษาความปลอดภัยหันไปมองพร้อมกับเล่าเสียงเศร้า
“…ฮาวนด์หายไปอีกคนแล้ว”
“หายไป? ฮาวนด์?”
“ฮาวนด์หมายถึงนักสำรวจเอกชนที่ไล่ล่าสิ่งของในต่างโลก ภารกิจในคราวนี้คือ เดินทางไปยังกำแพงตะวันตกเพื่อตามหาพิษอาเรีย… กลุ่มคนที่ออกเช้าเย็นกลับไม่ได้ยินข่าวของเขามาสามวันแล้ว”
จากนั้น เขาส่ายหน้า
“ถือเป็นข่าวเศร้า รัฐบาลจะไม่เยียวยาการตายในต่างโลกทุกกรณี เพราะถือว่าพวกเขาเลือกเสี่ยงชีวิตด้วยตัวเอง”
“…”
“มนุษย์ที่นี่จะตายตอนไหนก็ไม่แปลก แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมบรรยากาศถึงสดใสนัก ทำไมผู้คนและประเทศนี้ถึงไม่เห็นคุณค่าของชีวิต…”
ฉันไตร่ตรองข้อมูลสักพัก เพราะนั่นอาจเป็นเบาะแสที่ช่วยอนุมานบางสิ่ง
“หมายถึง… ทางตะวันตกจากที่นี่ใช่ไหม?”
“หือ? ใช่ครับ ถูกต้อง”
“แถบนั่นน่าจะเป็นทุ่งร้าง ถ้าพูดถึงพิษอาเรีย… หมายถึงพืชในทุ่งร้าง? ในละแวกใกล้เคียงจะมีมดที่อาศัยร่วมกับพืชแบบพึ่งพาอาศัย และมีกิ้งก่าที่กินมดเป็นอาหารเดินเตร็ดเตร่…”
“หือ?”
“เขาหายตัวไปสามวันแล้วใช่ไหม”
“ใช่”
“หากเป็นไปได้ รีบหาแท่งเหล็กและนำไปยังทุ่งร้างตะวันตก ในจุดที่มีสมุนไพรพิษอาเรีย”
“…”
สีหน้าของเขาที่ปกคลุมไปด้วยความเศร้าใจ กลายเป็นเคร่งขรึมกะทันหัน คล้ายกับนึกทบทวนในสิ่งที่ฉันเคย ‘โชว์’ ให้เห็น
“ถ้าคุณค้นหาเนินสูงแถวนั้นอย่างละเอียด จะพบบ่อหลุมจำนวนมาก เสียบแท่งเหล็กลงไปเพื่อตรวจสอบ”
“ตรวจสอบ… หาอะไร?”
“หาจุดที่สามารถลงไปได้ หากขุดลงไปจะพบกับคนที่หายตัวไป… สามวันยังไม่สายเกินไป”
“…”
“อย่าไปคนเดียวเด็ดขาด พาคนไปด้วยอย่างน้อยห้า แล้วก็ พกนี่ไปด้วย”
ฉันยื่นสิ่งที่คล้ายกับประทัดที่จุดไม่หมดให้กับหัวหน้าหน่วย
“ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ต่างโลกที่อันตรายสักเพียงใด เกือบทุกชนิดจะคำนึงถึงชีวิตตัวเองก่อนเสมอ หากเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ไม่รู้จัก พวกมันจะไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม จงจุดมันในสถานการณ์คับขัน”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจ้องหน้าฉันสักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นประหนึ่งคำนวณบางสิ่งในหัวเสร็จ
“ผมขอตัวก่อน”
* * *
ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งเกิดขึ้นระหว่างที่ฉันเตร็ดเตร่ไปทั่วเมือง
ตามชื่อของตำแหน่ง ‘หน่วยรักษาความปลอดภัย’ ขอบเขตอำนาจจะครอบคลุมเพียงรอบรั้วหมู่บ้าน ดังนั้น พวกเขาจำเป็นต้องกรอกเอกสารหลายแผ่น และดำเนินขั้นตอนอีกจำนวนหนึ่งเพื่อออกไปปฏิบัติงานข้างนอก
และในเย็นวันเดียวกัน ชายคนหนึ่งซึ่งร่างกายเปื้อนโคลน ถูกหามกลับหมู่บ้านในสภาพนอนเปล
“ซอกฮยอน!”
ฉันเห็นผู้หญิงที่เคยทะเลาะกับพนักงานโรงแรม วิ่งเข้าไปพร้อมกับร่ำไห้ฟูมฟาย ดูเหมือนว่าผู้ชายคนดังกล่าวจะเป็นคนเดียวกับที่หายตัวไป
หัวหน้าใหญ่หน่วยรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาหาฉัน สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ยังเจือความสับสนไว้หลายส่วน
“ปัญหาคลี่คลายแล้วสินะ”
“ใช่ครับ… ผมทำตามที่คุณบอกและหาเขาพบได้ง่ายมากๆ”
จากนั้น เขามองหน้าฉัน
ช่างน่าขัน ในความสับสนบนแววตา มีหลายส่วนเปี่ยมไปด้วยความทึ่งและชื่นชม
“…คุณเป็นใครกันแน่”
“หือ?”
“ตอนแรกผมคิดว่าคุณคือฮาวนด์”
“ฮาวนด์?”
“นั่นคือสิ่งที่ผมคิดหลังจากเห็นคุณจัดการหมาป่าสคาเวน ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมเกาหลีใต้ถึงมีฮาวนด์เยอะนัก แต่ว่า… ผมหาคำอธิบายอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้”
ดูเหมือนว่า กลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าฮาวนด์จะถูกมองว่าแข็งแกร่งมากในต่างโลก
…ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมฮาวนด์ที่แข็งแกร่งเหล่านั้น ถึงไม่มีปัญญาจัดการแม้กระทั่งกิ้งก่ากินคนที่อาศัยแถวพืชพิษ
“แต่ว่า หากไม่ใช่ธุรกิจที่ทำเงิน ฮาวนด์จะไม่กระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว ไม่มีทางเปิดปากบอกข้อมูลเพื่อช่วยคนแน่”
พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมพวกเขาถึงได้ฉายาว่า ‘ฮาวนด์’ ที่มีความหมายเชิงลบ
หากพาธไฟน์เดอร์เปรียบดังไกด์นำทาง ฮาวนด์ก็เปรียบดังมือปืนรับจ้าง
“นอกจากนั้น ผมไม่เคยได้ยินว่าฮาวนด์สามารถอธิบายวิธีช่วยเหลือคนเป็นฉากๆ หลังจากได้ยินสถานการณ์แค่ผิวเผิน”
ฉันพยักหน้ารับสองสามหนด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
ฉันไม่อยากจะพูดอะไรมากนัก จำพวก ‘พอดีว่าฉันน่ะเคยคลุกคลีอยู่ในต่างโลกเป็นเวลานาน และเพิ่งมีโอกาสได้กลับโลก’
เหตุผลหลักก็เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาผู้คน
“คุณคือฮาวนด์ที่เสนอไอเดียช่วยเหลือใช่ไหมคะ?”
ผู้หญิงคนเดิมเดินเข้ามาใกล้ ฉันพยักหน้ารับ
“ขอบคุณ! ขอบคุณมากค่ะ!”
เธอโค้งศีรษะคำนับและผงกศีรษะขอบคุณหลายครั้ง ทั้งที่ฉันแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากพูดไม่กี่ประโยค
อันที่จริง นับตั้งแต่มาเหยียบต่างโลก นับตั้งแต่ได้เห็นผู้คนเสี่ยงชีวิตสำรวจต่างโลก ความคิดหนึ่งได้ผุดขึ้นในหัว
ประตูมิติต่างโลกอาจมาพร้อมกับโอกาส
แต่มันก็เต็มไปด้วยความเสี่ยง
ใครหลายคนต้องถูกส่งมาทำงาน
งานที่หนักหนาสาหัส จนไม่ต่างอะไรการบีบให้ลาออก แต่สำหรับฉัน งานพวกนั้นทั้งเรียบง่ายและรวดเร็ว
ต่างโลกอาจยากสำหรับคนอื่น แต่ง่ายมากสำหรับฉัน
หรือก็คือ มีลู่ทางมากมายให้ฉันคนนี้ร่ำรวย