เสี่ยวเชี่ยนกับเสี่ยวเฉียงพอคิดได้ว่าเรื่องนี้ปล่อยให้สองคนนั้นนำไปก่อนก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี เสี่ยวเชี่ยนตีพุงตัวเอง
“ลูกสาวเรามีบุญจริงๆ”
“นั่นสิ มีบุญมาก!” เสี่ยวเฉียงเองก็ไม่เข้าใจว่าตอนตั้งชื่อพ่อเขาคิดอะไรอยู่
เสี่ยวเชี่ยนไปเปิดกล่องเครื่องประดับอย่างอารมณ์ดี “ฉันจำได้ว่ามีหยกแกะสลักอยู่ชิ้น คนท้องห้อยหยกเจไดต์ดี ไว้เดี๋ยวฉันให้น้าเล็กสลักอักษรบนหยกให้ต้าอีดีกว่า อวี๋อีรื่อ!”
เท่ห์ไม่เบา เป็นชื่อที่แปลกใหม่จริงๆ!
“เรื่องสลักอักษรไม่ต้องรีบร้อน ไปเถอะ พวกเราไปวิจัยเรื่องมีลูกตอบแทนบุญคุณประเทศกันก่อนดีกว่า”
อวี๋หมิงหลางอุ้มเสี่ยวเชี่ยนแล้วรีบเดินเข้าห้องนอน ปิดประตู ต่อไปก็เป็นช่วงเวลาทำลูก…
ตรงที่นั่งเล่นริมหน้าต่าง มีข้อความเข้าโปรแกรมคิวคิวที่ยังไม่ทันได้ปิด
ในหยกมีก้อนหินเล็กๆอยู่ก้อนหนึ่ง: ประธานเชี่ยนอยู่ไหม?
เวลานี้ประธานเชี่ยนยุ่งมาก ประตูห้องนอนที่ปิดสนิทได้ปิดกั้นเสียงข้อความไม่ให้เล็ดลอดเข้าไป
ขณะเดียวกันต้าอีก็เตรียมตัวปิดเครื่องแล้ว
แม่สามีหลังจากที่ได้รู้ข่าวว่าเธอท้องก็ดีใจมาก กลับบ้านไปกระจายข่าวแล้ว พี่รองเคลียร์งานวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้กับวันมะรืนจะพาเธอกลับเมืองQ ช่วงเวลาไม่กี่เดือนก่อนเปิดเทอมนี้ไปอยู่บำรุงครรภ์ที่บ้านแม่สามีได้พอดี
พอได้ยินเสียงเปิดประตูต้าอีก็ตกใจ ดูท่าจะปิดเครื่องไม่ทันแล้ว เธอก้มตัวจะไปดึงปลั๊กออก
“ดึงปลั๊กออกมันไม่ดีกับคอมนะ”
น้ำเสียงราบเรียบของพี่รองดังมาจากประตู
ต้าอีเองก็ไม่รู้ทำไม กลับคิดใช้ร่างกายตัวเองบังแสงจากคอมพิวเตอร์ไว้
“คุณกำลังดูถูกสายตาของนักบิน?”
“ฉัน ฉัน อันที่จริงฉันเข้าเน็ตเพื่อดูว่าคนท้องต้องระวังเรื่องอะไรบ้างน่ะค่ะ!”
“ติ๊ดๆๆ!” เสียงข้อความจากโปรแกรมคิวคิวดังมาจากลำโพงอย่างชัดเจน ต้าอีที่หันหลังให้คีย์บอร์ดเอื้อมมือไปจะปิดเสียง แต่มือกลับพลาดไปกดเพิ่มเสียง คลิปที่ดูค้างไว้ยังไม่ได้ปิดมีเสียงเพลงตอนท้ายละครดังขึ้นมา เข้ากับอารมณ์ของเธอในตอนนี้มาก
“ฉันควรอยู่ใต้รถไม่ใช่ในรถ!”
ฮือๆ เธอควรจะอยู่ใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์ไม่ใช่หน้าโต๊ะ!
พี่รองเดินเข้าไป มองต้าอีที่กำลังอายขณะเดียวกันก็มองเขาอย่างหวั่นๆแล้วถอนหายใจ
เขาเอามือดันตัวเธอออกไป จากนั้นก็เดินเข้าไปจะปิดคอมพิวเตอร์ ขณะที่กำลังจะปิดนั้นหน้าจอสนทนาของ ในหยกมีก้อนหินเล็กๆอยู่ก้อนหนึ่งก็เด้งขึ้นมา
ในหยกมีก้อนหินเล็กๆอยู่ก้อนหนึ่ง: ต้าอีอยู่ไหม?
พี่รองพิมพ์ว่าไม่อยู่อย่างรวดเร็วแล้วปิดเครื่อง
ปิดเครื่อง เพอร์เฟค!
“มีคนทักฉันมาใช่ไหม…เออะ!” ต้าอีคิดจะชะโงกหน้าเข้าไปดูแต่โดนสายตาของพี่รองจ้องกลับมา เธอรีบหดคอด้วยความรู้สึกผิด ก้มหน้าทำท่ายอมรับผิดแต่โดยดี
พี่รองเดินเข้าไปนั่งข้างเธอแล้วพูดด้วยความเป็นห่วง
“บอกให้รีบพักผ่อนไม่ใช่เหรอ?”
“นอนไม่หลับ…”
“ไหนว่าช่วงเดือนแรกๆต้องดูแลตัวเองให้ดีไม่ใช่เหรอ?”
“เอ่อ เข้าไปเล่นเน็ตแปปเดียวไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง?” ต้าอีเถียงแบบกล้าๆกลัวๆ สีหน้าเย็นชาของอวี๋หมิงอี้แค่เห็นก็หายร้อนแล้ว
“ไม่ได้ หมอบอกไว้ให้คุณรีบนอนแล้วตื่นเช้าๆ อีกทั้งการนั่งเล่นเน็ตนานๆก็ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย”
ต้าอีเห็นเขาทำเหมือนจะอบรมเธออีกแล้วในใจก็คิดว่าทำไมตอนแรกเธอถึงได้คิดว่าเขาไม่อยากมีลูกกันนะ อันที่จริงเขาแคร์มากกว่าเธอเสียอีก?
ต้าอีหาทางออกได้จึงหาวออกมา พี่รองเห็นเธอง่วงก็หยุดพูด ทำได้แค่สรุปเตือนเธอ
“กลางวันถ้าอยากเล่นก็เล่นได้พักนึง แต่ตอนเย็นห้ามเล่นแล้ว ต่อไปต้องเข้านอนก่อนสามทุ่ม ถ้าผมไม่อยู่บ้านผมจะสั่งให้คนอื่นมาดูคุณ”
“ไม่ต้อง…ขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ?” ต้าอีชินกับการนอนดึกตื่นเช้าแล้ว อยู่ๆจะให้เธอเปลี่ยนก็คงไม่ชิน
พี่รองไม่ตอบอะไร ใช้หน้าตาที่ดับร้อนได้มองเธออย่างเงียบๆ ต้าอีรีบยกธงขาวยอมแพ้ทันที
“พี่รองพูดถูกหมดทุกย่าง!”
“อืม เดี๋ยวผมพาเข้านอน” พี่รองเป็นพวกถนัดปฏิบัติ พูดปุ๊บทำปั๊บ
“ไม่ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเหรอคะ?”
“รอคุณหลับก่อนแล้วค่อยทำ ถ้าคุณยังไม่ง่วงผมก็จะนั่งเป็นเพื่อนไปเรื่อยๆ”
หา! ต้าอีหมดหวังแล้ว เพื่อให้เขาได้รีบพักผ่อน เธอทำได้แค่หลับตาอย่างว่าง่าย แล้วผล็อยหลับไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา
พี่รองเห็นเธอหลับแล้วจึงหอมแก้มเธอ จากนั้นก็ไปที่ห้องลูกชาย มองพ่านพ่านที่กำลังหลับปุ๋ย ห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงไปอาบน้ำล้างหน้า
ส่วนเรื่องที่สืออวี้ทักมาหาต้าอีนั้น…พี่รองคิดว่าไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยก็ยังทัน
แต่หลังจากตื่นขึ้นมาตอนเช้า พี่รองถูกเรียกไปที่หน่วยอย่างกะทันหันจนลืมไปเสียสนิท ส่วนต้าอีเองเพราะเรื่องเมื่อคืนที่ถูกจับได้ว่าเล่นเน็ตตอนดึกก็รู้สึกผิดไม่กล้าเล่นอีก ไม่เปิดคอมพิวเตอร์จึงไม่เห็นข้อความนั้น
ไม่มีใครอยู่สักคนเลยเหรอ…
เพื่อนสองคนที่สนิทที่สุด คนหนึ่งไม่ออนไลน์ ส่วนอีกคนออนไลน์แต่ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ
ทำไมค่ำคืนที่อยากระบายแต่ไม่มีใครสักคนรับฟังเลยนะ
โทรศัพท์สืออวี้ดังขึ้น พอเห็นเบอร์ที่โทรมาสืออวี้ก็รีบเช็ดน้ำตา กระแอมเสียง ทำให้ตัวเองกลับเป็นปกติที่สุดแล้วถึงรับสาย
“ที่รักทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่นอนอีก?” น้ำเสียงนุ่มนวลของเฉียวเจิ้นเต็มไปด้วยแรงดึงดูดในค่ำคืนที่ว้าเหว่
พอได้ยินเสียงของเขาสืออวี้ก็อยากระบายความอัดอั้นตันใจ แต่ก็บอกเขาไม่ได้ ทำได้แค่แสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร
“ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ ก็อ่านการ์ตูนไง”
“น้ำเสียงฟังดูแปลกๆนะ?” เฉียวเจิ้นฟังออกทันที น้ำเสียงสืออวี้ดูแปลกไป
ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ยิ่งทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นในค่ำคืนที่แสนหดหู่ สืออวี้เกือบร้องไห้ออกมา แต่ก็กัดฟันอดทนไว้
“ฉันไม่เป็นไร สงสัยกินไปติมมากไปหน่อยเลยน้ำมูกไหล”
“งั้นก็รีบพักผ่อนสิ กินของเย็นๆให้น้อยๆหน่อย ที่รัก มีเรื่องนึงที่ผมอยากบอกคุณ…ผม…” เฉียวเจิ้นพูดติดอ่างขึ้นมาทันที “ช่วงวันหยุดหน้าร้อนผม…คงกลับไปงานฉลองแต่งงานไม่ได้นะ มีภารกิจฝึกแบบปิดเข้ามากะทันหัน หัวหน้าอีกคนไม่ทันระวังบาดเจ็บตอนฝึก ผมเลยต้องไปแทน งานแต่งของเราอาจต้องยืดออกไปก่อน…ขอโทษด้วยนะที่รัก!”
ตอนที่เขาตัดสินใจโทรนั้นได้เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องถูกเมียด่า ทั้งครอบครัวเตรียมงานนี้กันมาตั้งนาน เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน เขากลับพูดแบบนี้ออกมา ดูไม่มีความรับผิดชอบเลยจริงๆ
“ไม่เป็นไร งานพี่มันค่อนข้างพิเศษ ฉันเข้าใจ” ตอนสืออวี้พูดก็แอบรู้สึกโล่งใจ ตอนนี้สภาพเธอไม่เหมาะที่จะจัดงานแต่งงานจริงๆ
“ขอโทษนะ…” คำพูดเป็นร้อยเป็นพันรวมอยู่ในคำเดียว เฉียวเจิ้นเองก็รู้สึกผิดต่อเธอ
ตอนนี้ยศของเขายังไม่ถึงเวลาที่จะย้ายงานได้ เบื้องบนเองก็ไม่มีทางอนุญาตให้เขาไป ตอนนี้เป็นช่วงที่ต้องใช้คน ตัวเขาเองก็ยังอยากทำงานให้กองทัพไปอีกสองสามปี ทำได้แค่อดทนที่ต้องใช้เวลากับภรรยาสุดที่รักน้อยลง