ตอนที่ 2060 อวิ๋นรั่วสุ่ยและอู๋เหยียน (2)
“ข้ามีผลเขฬะมังกรเหลืออยู่สามสิบผล นอกจากอาจารย์ทั้งห้าที่สำนักศึกษาเมืองประจิมของข้าแล้ว ข้าจะเอาอีกสามผลให้คนที่จวนเจ้าเมืองบูรพา ดังนั้นข้าจะเหลืออีกยี่สิบสองผล”
ถึงแม้ว่าอาจารย์ทั้งห้าของนางที่สำนักศึกษาเมืองประจิมจะไม่ได้สอนอะไรนางเลยแต่พวกเขาก็นับนางเป็นศิษย์มาตลอด และนางก็ไม่มีทางลืมความกรุณาของพวกเขา
ส่วนจวนเจ้าเมืองบูรพา ไม่ว่าผู้อาวุโสพวกนั้นจะคิดอย่างไรแต่อย่างน้อยที่สุดหงหลวนก็สละชีวิตเพื่อตระกูลอวิ๋นและด้วยความจริงข้อนี้ นางก็ต้องปกป้องพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญปัญหาแบบไหน ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเพียงผลเขฬะมังกรสามผลเลย
เสี่ยวโม่กะพริบดวงตาโตไร้เดียงสาของเขาแล้วถามว่า “นายหญิง ท่านตั้งใจจะแจกจ่ายผลไม้อีกยี่สิบสองผลอย่างไร”
“เสี่ยวโม่ เจ้ากับเสี่ยวไป๋ ฉาฉาและเสี่ยวซู่จะได้คนละหนึ่งผล ส่วนเผ่าหนูก็ให้ราชินี ไหน่ฉาและเหมิงเหมิง เหล่าทัพเหล็กกล้ากับเหล่าทัพเพลิงพิโรธก็มี…ชิงเหยียน เยี่ยหลิง จงหลิงเอ๋อร์และหลิงเฟย พวกเจ้าจะได้คนละผล”
“พอเป็นแบบนี้ก็จะเหลือสิบเอ็ดผล สิบเอ็ดผลที่เหลือให้ชิงเหยียนแจกจ่ายให้คนตามศักยภาพ! ใครที่หลายปีมานี้มีผลงานโดดเด่นก็จะได้ผลไม้หนึ่งผลเป็นรางวัล!”
ทุกคนไม่รู้ว่าผลไม้นี้ให้ผลอย่างไรแต่พวกเขาก็รู้ว่าอะไรก็ตามที่อวิ๋นลั่วเฟิงเอาออกมาต้องมีค่ามาก ดังนั้นสีหน้าของพวกเขาทุกคนจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังแล้วมองนางอย่างตั้งใจ
“ส่วนคนที่ไม่ได้รับอะไรก็ไม่ต้องท้อใจ ในอนาคตยังมีโอกาสอีกมากตอนที่ต้นเขฬะมังกรออกผลอีกเป็นครั้งที่สอง ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า”
เมื่อต้นเขฬะมังกรออกผลมาครั้งหนึ่งแล้ว อีกไม่นานก็คงออกเป็นครั้งที่สอง แน่นอนว่าต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีปัสสาวะของเสี่ยวฉงค่อยบำรุงต้นไม้…
“ได้เจ้าคะ คุณหนู ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” ชิงเหยียนเป็นประกายความสุข ดวงตาของนางโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยวอย่างน่าเอ็นดู
หลายปีมานี้ นางยังไม่เปลี่ยนวิธีเรียกและเรียกอวิ๋นลั่วเฟิงว่าคุณหนูมาตลอด แต่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเปลี่ยนไปมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา!
นางเป็นแค่บ่าวคนหนึ่งของจวนแม่ทัพและมักจะโดนคนอื่นรังแกอยู่เสมอ แต่เป็นเพราะนางดูแลอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างจริงใจ นางถึงได้มีโอกาสได้เปลี่ยนชีวิตของตัวเอง…
เมื่อนึกถึงอดีต ชิงเหยียนก็ถอดหายใจออกมาไม่ได้ วันเก่าๆ ก็เหมือนกับหมอกควัน ทำให้นางรู้สึกราวกับว่าสิบปีที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝันและดูไม่ใช่ความจริง
“หลังจากที่ได้รับผลเขฬะมังกรแล้วให้เดินไปรวมกันด้านหนึ่งเพื่อผ่านด่าน อวิ๋นอี้จะเตรียมตัวเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครได้รับบาดเจ็บ!”
พลังจากอัสนีสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้เมื่อพวกเขาผ่านด่าน ผลคือคนที่ไม่สามารถทนได้นั้นวิญญาณแตกสลาย ดังนั้นความช่วยเหลือจากอวิ๋นอี้จึงเป็นเรื่องสำคัญในช่วงที่ต้องรับทัณฑ์จากอัสนีสวรรค์ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงสามารถพัฒนาได้สำเร็จ
ทุกคนตะลึงในคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง หรือว่าการกินผลเขฬะมังกรนี้จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ แต่ว่าพวกเขาก็เชื่อในตัวเจ้านายของพวกเขาจึงกลืนผลไม้ลงไปอย่างไม่ลังเล
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงหมายถึงอะไร…
อัสนีสวรรค์ปรากฏขึ้นอีกครั้งและเสียงฟ้าร้องก็ดังกึกก้องก่อนที่สายฟ้าจะฟาดลงมา จวนทั้งหลังกลายเป็นฝุ่นภายใต้พลังของสายฟ้า
โชคดีที่อวิ๋นอี้อยู่ที่นี่และป้องกันอัสนีสวรรค์ไว้ด้วยมือเดียว ร่างสูงกำยำและแข็งแกร่งดูเหมือนจะสุกสว่างท่ามกลางอัสนีสวรรค์
แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาผ่านด่านพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดมีสายฟ้ามากเกินไป อวิ๋นอี้ก็อาจจะมองบางเส้นไม่ทัน
หลังจากที่กำลังรออัสนีหายไป คนที่ผ่านด่านทั้งหมดก็ตกตะลึงเพราะเพิ่งเข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง…
ตอนที่ 2061 อวิ๋นรั่วสุ่ยและอู๋เหยียน (3)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าศักยภาพของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อได้รับการบำรุงจากยาสมุนไพรพลังฌานตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นทุกคนจึงพัฒนาเป็นขั้นเซียนอาวุโส! ด้วยความแข็งแกร่งขนาดนี้ในแคว้นเฟิงอวิ๋น พวกเขาก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่สามารถควบคุมอาณาจักรได้!
ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงให้ผลไม้อีกสิบเอ็ดผลให้ชิงเหยียน “ชิงเหยียน เลือกคนมาสิบเอ็ดคนเพื่อกินผลไม้นี้ หลังจากที่พวกเขาผ่านด่านเมื่อไหร่ พวกเราก็จะจากไป…”
หลังจากพูดจบอวิ๋นลั่วเฟิงก็บิดขี้เกียจอย่างเฉื่อยชา ใบหน้ามีความอ่อนล้าอยู่จางๆ “อวิ๋นเซียว พวกเรากลับไปพักกันเถอะ”
อวิ๋นเซียวโอบเอวนางขึ้นมาอุ้มและเดินเข้าไปในห้องของพวกเขา ส่วนเรื่องที่ตามมา อวิ๋นลั่วเฟิงปล่อยให้ชิงเหยียนจัดการเพราะนางมั่นใจในความสามารถของอีกฝ่าย…
…
“ท่านพี่” ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงเข้าไปในห้อง ใบหน้าเล็กและบอบบางของอวิ๋นรั่วสุ่ยก็แอบมองอยู่ตรงประตูพร้อมดวงตาที่เป็นประกาย เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงกลับมา รอยยิ้มสดใสของปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของนาง
“สุ่ยเอ๋อร์ มีอะไรงั้นหรือ” เมื่อเห็นใบหน้าอนเยาว์ของเสี่ยวรั่วสุ่ย เสียงของนางก็อ่อนโยน
“ท่านพี่ ท่านพี่อู๋เหยียนอยากพบท่าน ข้าก็เลยพาเขามาหามาที่นี่”
อู๋เหยียนหรือ ร่องรอยสับสนปรากฏในดวงตาของนางจนดูเหมือนไม่รู้ว่าเสี่ยวรั่วสุ่ยหมายถึงใคร
“ท่านพี่ ท่านลืมแล้วหรือเจ้าคะ ที่แดนลับแลตอนที่ท่านพี่เยี่ยจวินและข้ามาตามหาท่านที่หอแพทย์แล้วพวกเราถูกลักพาตัว เด็กส่วนใหญ่ที่ถูกลักพาตัวมาเหมือนกันแล้วยังอยู่ในตระกูลอวิ๋นของพวกเรา ตอนนั้นท่านพี่อู๋เหยียนขอให้ท่านช่วยปลดผนึกในร่างเขา”
เมื่อนางได้ยินคำอธิบายของอวิ๋นรั่วสุ่ย อวิ๋นลั่วเฟิงก็พอจะจำเรื่องราวได้อยู่บ้าง ตอนที่นางช่วยเสี่ยวรั่วสุ่ยก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ในหมู่พวกเขา เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ใช่แค่รู้ตัวจริงของนางแต่เขายังรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับแดนลับแล โชคร้ายที่ร่างกายของเขาถูกผนึกไว้ดังนั้นเขาเลยไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้แม้แต่นิดเดียว
เด็กหนุ่มคนนั้นก็เลยขอให้อวิ๋นลั่วเฟิงปลดผนึกให้ แม้ว่าตอนนั้นนางจะตอบตกลงแต่ด้วยความแข็งแกร่งเมื่อตอนนั้นจึงทำให้นางมีความสามารถไม่พอที่จะปลดผนึกให้เขาได้ ดังนั้นนางจึงมอบหมายให้อู๋เหยียนอยู่ข้างอวิ๋นรั่วสุ่ย
“บอกให้เขาเข้ามา อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้น
รอยยิ้มของอวิ๋นรั่วสุ่ยสดใสมาก นางหันหน้าไปพูดกับเด็กหนุ่มว่า “ท่านพี่อู๋เหยียน ท่านพี่บอกให้ท่านเข้าไปได้เจ้าค่ะ สบายใจได้ ท่านพี่ของข้าใจดีมาก ไม่มีอะไรต้องกลัวนาง”
เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นรั่วสุ่ย อวิ๋นลั่วเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะคิ้วกระตุก ในสายตาของคนอื่น นางมีภาพลักษณ์เป็นอย่างไรกันแน่ เหตุใดสุ่ยเอ๋อร์ถึงคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะหวาดกลัวนาง
ไม่นานเด็กหนุ่มในชุดสีน้ำเงินก็เดินเข้ามาในห้อง เทียบกับเมื่อสองสามปีก่อน ใบหน้าเช่นเด็กหนุ่มได้หายไปแล้วและแทนที่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
“แม่นางอวิ๋น ท่านจำสัญญาที่ท่านเคยให้ไว้ได้หรือไม่” ดวงตาของอู๋เหยียนเป็นประกายสุกสว่างและเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่ก็ยังมีความกลัวอยู่ด้วย เขากลัวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะผิดสัญญา
“ข้าจำได้” อวิ๋นลั่วเฟิงก้มลงมองอู๋เหยียน “เจ้าบอกว่าเจ้าจะเป็นทาสของข้าเพื่อตอบแทนถ้าข้าปลดผนึกให้เจ้า! แต่ว่าตอนนั้นข้ายังขาดพลังและความพร้อมจึงมอบหมายให้เจ้าอยู่ข้างอวิ๋นรั่วสุ่ยชั่วคราว ตอนนี้…ข้าอยากให้เจ้าติดตามข้าและเชื่อฟังคำสั่งข้า เจ้ายินดีหรือไม่”