สิ่งที่เหลิ่งรั่วปิงต้องการเรียบง่ายมาก เธอต้องการใบหน้าใหม่ ตัวตนใหม่ แล้วใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา สานฝันนักสถาปนิกของเธอ
เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายในประเทศเอ้าตูอยู่หลายวัน จนเริ่มคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมที่นี่ เธอหาข้อมูลเกี่ยวกับฉู่เทียนรุ่ยจนรู้รายละเอียด แล้วตัดสินไปหาเขา
ก่อนที่จะไปหาฉู่เทียนรุ่ย เธอได้เตรียมตัวเอาไว้แล้ว โดยการแต่งหน้าบางๆ วาดรอยแผลเป็นลงบนใบหน้า ใช้ผ้าคลุมปิดหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่งและสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ ทำให้แค่มองทุกคนก็รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเสียโฉมที่ต้องการมาศัลยกรรม
ฉู่เทียนรุ่ยจบปริญญาเอกด้านการแพทย์ โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรม ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลก เขารับเฉพาะลูกค้าวีไอพีเท่านั้น จึงทำให้ในคลีนิคมีคนเข้ารับบริการไม่มาก ทว่ารายได้ของเขาในแต่ละปีกลับสูงจนน่าตกใจ เพราะหน้ากากของเขาหนึ่งชิ้นมูลค่าราวหนึ่งร้อยล้านหยวน
คลีนิคของฉู่เทียนรุ่ยตั้งอยู่ในวิลล่า ตกแต่งได้เหมือนศูนย์วิจัย ล้อมรอบด้วยดอกไม้และต้นไม้ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง
ยืนอยู่หน้าประตูวิลล่า เหลิ่งรั่วปิงยกมือเรียวยาวขึ้นมา แล้วกดกริ่ง ผ่านไปนานครู่หนึ่ง หญิงสาวขุดขาวเดินออกมาต้อนรับเธอ หญิงสาวคนนี้เหมือนนางพยาบาล
หญิงสาวพาเหลิ่งรั่วปิงเข้าไปในห้องรับรอง เธอเสริฟน้ำชาให้กับเหลิ่งรั่ว คลายยิ้มหวาน “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีอะไรให้ช่วยเหลือคะ”
เหลิ่งรั่วปิงประทับใจกับไหวพริบของหญิงสาว เธอไม่ถามชื่อ ไม่ถามที่มาที่ไป ถามเพียงแค่ความต้องการ นี่ถือเป็นการให้เกียรติลูกค้าที่ต้องการมาศัลยกรรม “ฉันเสียโฉมเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉันมาขอความช่วยเหลือจากด็อกเตอร์ฉู่ค่ะ”
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้า “คุณผู้หญิงเองก็ทราบดีนะคะ การศัลยกรรมของด็อกเตอร์ฉู่เป็นระดับพรีเมี่ยม ค่ารักษาสูงมาก ดังนั้น…”
เหลิ่งรั่วปิงหยิบบัตรออกมาแล้วสไลด์ไปตรงหน้าหญิงสาว “เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ”
ค่ารักษาของฉู่เทียนรุ่ยสูงมาก ถ้าไม่มีเงินหนึ่งร้อยหยวนก็ไม่ต้องมาขอคำปรึกษาจากเขา
หญิงสาวหยิบบัตรขึ้นมาแล้วยิ้ม เธอตรวจสอบยอดเงินตามที่เหลิ่งรั่วปิงบอก พบว่ามีเงินกว่าสามร้อยล้านหยวน หญิงสาวยิ้มร่าขึ้นมาทันที “คุณผู้หญิงรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะทำการนัดด็อกเตอร์ฉู่สักครู่ค่ะ”
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า รอด้วยความใจเย็น
หลังจากที่หญิงสาวโทรศัพท์ไปหาฉู่เทียนรุ่ยเรียบร้อยแล้วนั้น เธอก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณผู้หญิงเชิญตามดิฉันมาทางด้านนี้ค่ะ”
หญิงสาวพาเหลิ่งรั่วปิงมาที่ลิฟต์ กดปุ่มลง ที่แท้ ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ของฉู่เทียนรุ่ยก็อยู่ชั้นใต้ดิน
เข้าไปยังห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ของฉู่เทียนรุ่ย เหลิ่งรั่วปิงเห็นชายหนุ่มหน้าตาดี เป็นผู้ชายตัวสูงแลดูอบอุ่น หลังจากฟังหญิงสาวอธิบายคร่าวๆ แล้วนั้น เขาก็หันมาทางเหลิ่งรั่วปิงแล้วคลายยิ้ม “เชิญนั่งครับ”
หญิงสาวเสริฟน้ำชาแล้วเดินออกไป ภายในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เหลือแค่เหลิ่งรั่วปิงและฉู่เทียนรุ่ย
เหลิ่งรั่วปิงมองดูเขาอย่างพิจารณา ฉู่เทียนรุ่ยและอาเธอร์มีความคล้ายคลึงกัน ความสัมพันธ์ทางสายเลือดเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ ถึงแม้ฉู่เทียนรุ่ยจะมีศักดิ์เป็นอาของอาเธอร์ แต่เขาอายุมากกว่าอาเธอร์แค่สองปีเท่านั้น หน้าตาของทั้งสองมองดูแล้วจึงเหมือนเป็นพี่น้องกัน
ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มอย่างอบอุ่น เขาทำตัวตามสบาย พูดติดตลก “คุณผู้หญิงดูไม่เหมือนมาหาพบเพื่อทำศัลยกรรม แต่ดูเหมือนมาจีบผมมากกว่านะครับ”
เอ่อ…
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอใจลอย “ขอโทษด้วยค่ะ ที่ฉันเสียมารยาท”
ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “พูดมาเถอะครับ มาหาผมมีธุระอะไร”
“มาหาด็อกเตอร์ฉู่ ก็ต้องมาเพื่อทำศัลยกรรมสิคะ” ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะมีจี้หยกที่อาเธอร์ให้ แต่เธอก็ไม่กล้านำมันออกมาแสดงง่ายๆ เธอจำเป็นต้องดูว่าฉู่เทียนรุ่ยเป็นคนยังไง
“ฮ่าๆๆ…” ฉู่เทียนรุ่ยหัวเราะ “ผมว่าคุณผู้หญิงหน้าตาสวยเหมือนนางฟ้าอยู่แล้วนะครับ ยังจะทำศัลยกรรมอีก อยากให้ตนเองกลายเป็นคนไม่สวยหรอครับ”
เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้ว “ด็อกเตอร์ฉู่พูดจาตลกจังเลยนะคะ ” เธอแต่งหน้าให้ตนเองน่าเกลียดขนาดนี้ แต่เขากลับบอกว่าเธอสวยเหมือนนางฟ้า หรือว่าเขาดูออก?
ฉู่เทียนรุ่ยเลิกคิ้วขึ้น “ไม่จำเป็นต้องปิดบังหรอกครับ ผมเป็นหมอศัลยกรรม ผมดูออกอยู่แล้วครับ ถึงแม้ทักษะการแต่งหน้าของคุณจะเยี่ยมมาก แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาผมไปได้ เผยหน้าที่แท้จริงของคุณออกมาเถอะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงชะงักเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา แต่เธอไม่คิดที่จะเผยใบหน้าที่แท้จริงของเธอออกมา
“ด็อกเตอร์ฉู่ฉลาดมากค่ะ ฉันไม่ได้มาทำศัลยกรรม แต่ฉันมาทำหน้ากากค่ะ”
“ครับ สิ่งที่ผมทำคือการศัลยกรรมพลาสติกเปลี่ยนแปลงหน้า คุณจ่ายเงินส่วนผมลงแรง ไม่ถามที่มาที่ไป คุณพูดมาเถอะครับ อยากได้หน้ากากแบบไหน”
เหลิ่งรั่วปิงเงียบไปพักหนึ่ง ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ก่อนที่จะทำหน้ากาก ฉันมีของอย่างหนึ่งอยากจะให้ด็อกเตอร์ฉู่ดูค่ะ”
“…” ฉู่เทียนรุ่ยเงียบ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วมองมาที่เหลิ่งรั่วปิง
เหลิ่งรั่วปิงหยิบจี้หยกที่อาเธอร์ให้ออกมา แล้วเลื่อนไปตรงหน้าฉู่เทียนรุ่ย
สีหน้าร่าเริงของฉู่เทียนรุ่ยแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นด้วยความดีใจ “คุณ…คุณมีสิ่งนี้ได้ยังไง คุณเป็นใคร”
เหลิ่งรั่วปิงสังเกตท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่เทียนรุ่ย “ด็อกเตอร์ฉู่ จี้หยกนี้ไม่ใช่ของฉันค่ะ เพื่อนคนหนึ่งเป็นคนให้มา เขาบอกให้ฉันนำมันมาขอความช่วยเหลือจากคุณ”
ฉู่เทียนรุ่ยดีใจจนมือสั่น เขาจับจี้หยกเอาไว้ในมืออย่างทะนุถนอม เสียงของเขาสะอื้นเล็กน้อย “ฉู่อี้ คือฉู่อี้”
ในที่สุดเหลิ่งรั่วปิงก็สามารถแน่ใจได้แล้วว่า ฉู่เทียนรุ่ยคืออาของอาเธอร์ เพราะชื่อจริงของอาเธอร์คือฉู่อี้
“ฉู่อี้สบายดีไหม ทำไมเขาถึงไม่มาหาผม” ฉู่เทียนรุ่ยมองไปที่เหลิ่งรั่วปิงด้วยความตื้นตันใจ
เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจอารมณ์ที่หลากหลายของฉู่เทียนรุ่ย เพราะมันเหมือนตอนที่เธอได้เจอกับเวินอี๋ “เขาสบายดีค่ะ แต่เพราะงานของเขา ทำให้ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ จึงไม่สามารถมาหาคุณได้ค่ะ”
“ครับๆ” ฉู่เทียนรุ่ยพยักหน้า “ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ผมนึกว่าตนเองไม่มีญาติคนไหนแล้วเสียอีก”
“ด็อกเตอร์ฉู่คะ ฉู่อี้เขียนจดหมายมาให้คุณหนึ่งฉบับค่ะ”
ฉู่เทียนรุ่ยรับจดหมายจากมือเหลิ่งรั่วปิงอย่างสั่นเทา เขารีบเปิดอ่านอย่างละเอียด ลายมือในจดหมายเป็นลายมือของฉู่อี้ ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันมานานสิบกว่าปี แต่ลายมือของฉู่อี้เขายังจำได้
ในจดหมาย อาเธอร์เขียนเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวทั้งหมดอย่างละเอียด ข้อความท้ายจดหมายเขาเขียนว่าเพราะงานที่เขาทำ ทำให้ไม่สามารถมาเจอฉู่เทียนรุ่ยได้ พร้อมทั้งเขียนเพิ่มเติมว่ารั่วปิงเป็นเหมือนญาติแท้ๆ ของเขา ขอร้องให้เขาช่วยเหลือเธอที่ประเทศเอ้าตูด้วย
หลังจากอ่านจดหมายจบ ฉู่เทียนรุ่ยมองมาที่เหลิ่งรั่วปิงด้วยสายตาที่เหมือนมองญาติมิตรของตน “หลังจากนี้ พวกเราเป็นญาติกันนะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเคยมีประสบการณ์เจ็บปวดด้านการสูญเสียคนรักมาก่อน ดังนั้นตอนที่เห็นท่าทีของฉู่เทียนรุ่ย อดไม่ได้ที่น้ำตาจะคลอเบ้า เธอยิ้มแล้วถอดผ้าคลุมออกมา พร้อมทั้งฉีกรอยแผลเป็นออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงเผยใบหน้าที่แท้จริง ฉู่เทียนรุ่ยอึ้งจนสติหลุด เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อน เธอมีทรงหน้าที่สวยงาม ผิวที่ขาวเนียน ดวงตาสีนิล คิ้วหนาเข้ารูป จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากกระจับ ทำให้เธอดูบริสุทธิ์และสง่างาม ทั้งยังมีเสน่ห์น่าหลงใหล
แววตาของฉู่เทียนรุ่ยมีแต่ความชื่นชม ไร้ซึ่งความหยาบคาย ดังนั้นเหลิ่งรั่วปิงจึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจ เธอส่งยิ้มบางๆ ให้เขาอย่างเป็นมิตร
หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง ฉู่เทียนรุ่ยดึงสติกลับมา “ขอโทษด้วยครับ ที่ผมเสียมารยาท”
“ในเมื่อเราเป็นญาติกันแล้ว จะเสียมารยาทได้ยังไงคะ”
“ครับ รั่วปิง” เขาเรียกชื่อของเธอ ทำให้ดูสนิทขึ้นมาทันที
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย “ฉันกับฉู่อี้เป็นเหมือนพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกัน ฉันควรเรียกคุณว่าคุณอาไหมคะ”
“ฮ่าๆๆ…” ฉู่เทียนรุ่ยหัวเราะ “อย่าๆๆ อย่าเรียกแบบนั้นเด็ดขาด ผู้หญิงสวยอย่างคุณเรียกผมว่าอา ผมคงผิดหวังจนนอนไม่หลับ เรียกผมว่าเทียนรุ่ยก็พอครับ”
“ค่ะ เทียนรุ่ย” เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่ผู้หญิงที่กระมิดกระเมี้ยนเหนียมอายอยู่แล้ว
“ครับ รั่วปิง ว่าแต่คุณต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไร”
เหลิ่งรั่วปิงจริงจังขึ้นมาทันที “เทียนรุ่ย ฉันถูกคนตามล่า ดังนั้นฉันต้องการหน้ากาก และต้องการสัญชาติประเทศเอ้าตูค่ะ”
ฉู่เทียนรุ่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนที่ผมอายุสิบสอง ผมถูกจับตัวมาที่ประเทศเอ้าตู เป็นเรื่องบังเอิญมากที่พ่อเลี้ยงของผมก็นามสกุลฉู่ ผมมีน้องสาวหนึ่งคนเธอชื่อฉู่หนิงซยา อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีก่อน ทำให้ทั้งพ่อและแม่บุญธรรมของผมเสียชีวิตทั้งคู่ สวนหนิงซยาก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ผมให้เธอรักษาตัวอยู่ที่บ้านมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายเมื่อสองวันก่อนเธอเพิ่งจากผมไป ผมไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ จึงไม่ได้จัดงานศพ หุ่นของคุณกับเธอไม่ต่างกันมาก คุณสามารถสวมบัตรแทนเธอได้ ผมจะบอกคนนอกว่าหนิงซยาตื่นจากการเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้ว”
“ขอโทษด้วยนะคะเทียนรุ่ย คุณสูญเสียคนที่คุณรัก แต่ฉันกลับมาใช้ผลประโยชน์จากเธอ”
ฉู่เทียนรุ่ยส่ายหน้าไปมา “ไม่ คุณไม่ต้องรู้สึกผิด ตอนนั้นพ่อและแม่บุญธรรมเป็นคนจับตัวผมมาที่ซีหลิง บีบบังคับให้ผมเป็นลูกชายของพวกเขา ทั้งยังห้ามไม่ให้ผมติดต่อครอบครัว ถึงแม้พวกเขาจะเลี้ยงดูผม แต่พวกเขาก็ไม่คนในครอบครัวของผม ผมเกลียดพวกเขา”
ฉู่เทียนรุ่ยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องเศร้าในอดีตอีก “อย่าพูดเรื่องที่ทำให้เศร้าเลย หลังจากนี้ทั้งคุณและฉู่อี้คือคนในครอบครัวของผม”
*****
ครึ่งเดือนผ่านไป ข่าวใหญ่ของประเทศเอ้าตู ฉู่หนิงซยาน้องสาวหมอศัลยกรรมที่มีชื่อเสียงฉู่เทียนรุ่ย ซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเพราะอุบัติเหตุรถชน นอนไม่ได้สติอยู่นานสามเดือน เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น
เพราะตัวตนใหม่นี้ ทำให้เหลิ่งรั่วปิงย้ายเข้าไปพักในวิลล่าของฉู่เทียนรุ่ย เธอที่เป็นน้องสาวของเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกมาอยู่คนเดียวหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา เพราะมันจะทำให้คนนอกคาดเดาไปต่างๆ นานา ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง
เหลิ่งรั่วปิงมองดูตนเองในกระจก อดไม่ได้ที่จะคลายยิ้ม ทักษะด้านการแพทย์ของฉู่เทียนรุ่ยสุดยอดมาก แม้แต่ตัวเธอเองยังดูไม่ออก หน้ากากที่เขาทำเป็นเหมือนอย่างที่เล่าลือ ไม่แตกต่างจากผิวหน้าจริงๆ ของคนเลย ใช้เวลาสั้นๆ แค่ครึ่งเดือน ก็หลอมเข้าไปในผิวหนังของเธอแล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็นฉู่หนิงซยาโดยสมบูรณ์
เธอได้เกิดใหม่!
“น้องสาวสุดที่รัก เธอเอาแต่ส่องกระจกทุกวัน ชอบหน้าตัวเองมากขนาดไหนกันเนี่ย” ฉู่เทียนรุ่ยยืนพิงที่ประตูแล้วหัวเราะร่า
หน้าของเหลิ่งรั่วปิงแดงระเรื่อ เธอหมุนตัวหันกลับมาแล้วคลายยิ้มบางๆ “ฉันแค่แปลกใจ ว่าพี่ทำได้ยังไง”
“นี่คือสิทธิบัตรทางการแพทย์ที่พี่คิดขึ้นมาและเป็นงานของพี่ พี่จะบอกเธอได้ยังไง ถ้าเธอทำเป็นแล้วแย่งงานพี่ไปหมด พี่จะทำยังไง”
ฉู่เทียนรุ่ยอบอุ่นและมีอารมณ์ขันตลอดเวลา เหลิ่งรั่วปิงเข้ากับเขาได้ดี
“พี่เทียนรุ่ย ก่อนหน้านี้พี่บอกว่าไม่ชอบครอบครัวของพ่อบุญธรรมพี่ ตอนนี้ฉันหน้าตาเหมือนคนที่พี่เกลียด พี่จะรู้สึกอึดอัดไหม”
“อื้ม รู้สึกอึดอัด” ฉู่เทียนรุ่ยยิ้ม “ดังนั้นเธอต้องคอยเอาใจพี่หน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าพี่อารมณ์ไม่ดี พี่จะถอดหน้ากากของเธอออก”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ “ค่ะ ช่วงที่อยู่ในบ้านของพี่ ฉันรับผิดชอบทำอาหารให้พี่กินเอง”
“อื้ม ความคิดนี้ดีมาก พี่อยากจะรู้จังว่าฝีมือของเราจะอร่อยแค่ไหน” ฉู่เทียนรุ่ยยิ้มร่า “จริงด้วย หลังจากนี้เธออยากทำงานอะไร”