บทที่ 455 เลือดคนรุ่นใหม่ภายในราชสำนัก
เป็นอย่างที่หลายคนคิดเอาไว้ ขุนนางชั้นสูงเหล่านั้นถูกลดตำแหน่ง และคนที่ถูกเลื่อนตำแหน่งล้วนแต่เป็นคนที่ภักดีต่อเซียวชวี่เฟิง
นอกจากนั้น ยังมีขุนนางหน้าใหม่หลายคนเข้ามาสมทบ เซียวชวี่เฟิงมีสีหน้าพึงพอใจเมื่อเห็นคนเหล่านั้นคุกเข่าอยู่บนพื้น พวกเขารู้ได้ทันทีว่าคนรุ่นใหม่ที่เข้ามานั้นคือกลุ่มคนที่เซียวชวี่เฟิงถูกใจ
แน่นอนว่าเซียวชวี่เฟิงจัดการเลื่อนตำแหน่งของคนหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นจากในกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้ขึ้นเช่นเดียวกัน
คนกว่าครึ่งของราชสำนักถูกลดตำแหน่งและถูกแทนที่ เซียวชวี่เฟิงไม่ได้ใจอ่อนแม้แต่นิดเดียว
แม้คนภายนอกจะพากันคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในราชสำนัก แต่ความสงสัยที่ทุกคนมีนั้นก็อยู่ได้เพียงแค่ชั่วขณะ
เฉียวเทียนช่างมองหนานกงเยว่ “เจ้าวางแผนจะจัดการกับเขาอย่างไร”
“พวกเจ้าทุกคนวางแผนจะฆ่าข้าหรือ” หนานกงเยว่ที่กลับมาอยู่ในสภาพหน้าตาเหมือนเดิมมองเฉียวเทียนช่างราวกับเยาะเย้ย
ถ้าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏของเมืองเซียว แล้วมันจะเป็นอะไรเล่า แม้เขาจะต้องถูกจัดการ แต่จะต้องไม่ใช่ด้วยน้ำมือของคนเหล่านี้แน่
เฉียวเทียนช่างเดินตรงเข้าไปหาหนานกงเยว่ เขาย่อตัวลง ในดวงตามีแววเย้ยหยัน “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกข้าไม่รู้อะไรเลย มีขุนนางกี่คนที่เจ้าติดสินบน มีคนที่เจ้าฆ่าตายไปเท่าไหร่” จำนวนขุนนางที่เข้าร่วมกับหลิงอ๋องนั้นล้วนเป็นคนของหนานกงเยว่
หนานกงเยว่เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเทียนช่างในทันที มีจิตสังหารอันรุนแรงอยู่ภายในดวงตาของเขา
“ยิ่งกว่านั้น พวกเราไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะต้องฆ่าเจ้า มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ให้ล้างแค้นด้วยการตอบแทนในสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป “
คำพูดของเฉียวเทียนช่างทำให้หนานกงเยว่สังหรณ์ใจไม่ดี
“เจ้าจะทำอะไร”
“พวกข้าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่พวกข้าสามารถใช้กู่พิษควบคุมใครบางคนได้”
หนานกงเยว่นึกถึงคนจากเหมียวเจียงที่อยู่กับเฉียวเทียนช่างขึ้นมาได้ ใบหน้าของเขาดูตื่นตระหนก เขาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับหนอนพวกนั้น หากเข้าไปยุ่งกับมันแม้เพียงครั้งเดียว ก็จะไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ และจะต้องตายในที่สุด
เฉียวเทียนช่างหยิบเม็ดยาสีแดงเข้มออกมา เขาไม่สนใจการขัดขืนของหนานกงเยว่ แล้วยัดมันลงคอเขาไป
เม็ดยาละลายอยู่ในปากของเขา ถึงหนานกงเยว่อยากจะบ้วนออกมา แต่ก็สายเกินไปแล้ว
“เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน” เขารู้สึกว่าของสิ่งนี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่ากู่พิษเสียอีก
“ไม่มีอะไร ก็แค่ยาพิษที่มีส่วนผสมของกู่พิษที่หนานอวี่กับชิงซวงร่วมกันคิดค้นขึ้นมา เมื่อมีการใช้กำลังเอากู่พิษออกจากร่าง ยาพิษจะออกฤทธิ์ในทันที เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะตายยังไงข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” การอธิบายด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนนั้นทำให้คนรอบข้างรู้สึกขนลุก
“เจ้า…”
“แน่นอนว่าเจ้าหยุดคิดเรื่องขจัดพิษไปได้เลย เมื่อเจ้าขจัดพิษ หนอนจะเริ่มแทะอวัยวะภายในของเจ้าทีละน้อย เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าคงได้เพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ยิ่งกว่าความตายแน่ จริงสิ ข้าลืมบอกไป หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดจบของเจ้าจะเป็นเช่นไร” เฉียวเทียนช่างกล่าวอย่างไร้ความรับผิดชอบ
เซียวฉีเทียนเห็นเฉียวเทียนช่างแสดงท่าทีเช่นนั้นแล้วเขาก็เผลอก้าวถอยหลังออกไป เอ่อ หลังจากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนโรคจิตมาเป็นเวลานาน เห็นทีเขาคงกลายเป็นคนโรคจิตไปแล้วอีกคน เหตุใดสิ่งที่เขาเพิ่งกล่าวออกมานั้นจึงฟังดูไม่น่ากลัวเลยสักนิดเดียว
แม้ว่าเฉียวเทียนช่างจะไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าหากตนไม่ยอมทำตามคำสั่งของเฉียวเทียนช่าง จุดจบของเขาอาจใกล้เคียงกับการโดนวางยาพิษ
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอฝากเรื่องนี้ให้พระองค์จัดการพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจำต้องกลับไปดูที่จวนแม่ทัพเสียหน่อย” เขารู้สึกกังวลใจว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับจวนแม่ทัพ
“ไปเถอะ”
เฉียวเทียนช่างก้าวยาวๆ จากไป หนานกงเยว่ถูกคุมขังไว้ในพระราชนิเวศน์นอกเมืองเป็นการชั่วคราว คนผู้นี้ยังมีประโยชน์กับพวกเขาอยู่
เฉียวเทียนช่างรีบกลับจวน เขาโล่งอกเมื่อเห็นว่าชาวบ้านที่อยู่ในเมืองหลวงไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เท่าใดนัก
เฉียวเทียนช่างได้กลิ่นคาวเลือดชัดเจนเมื่อเขาก้าวเข้ามาภายในจวนแม่ทัพ เป็นหลักฐานว่ามีการปะทะกันเกิดขึ้น
เฉียวเทียนช่างวิ่งไปทางสวน และเห็นหนิงเมิ่งเหยากำลังนั่งอาบแดดอยู่ที่นั่น เขารู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของนาง
“เหยาเหยา เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าสบายดี หลิงหลัวเพิ่งถูกจับไป ข้าสั่งให้คนนำเขาไปยังวังหลวง”
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “เข้าใจแล้ว หลังจากฉีเทียนแต่งงานแล้ว เรากลับไปที่หมู่บ้านไป๋ซานกัน”
บทที่ 456 เป็นเช่นนี้ก็ดี
หลังจากที่เรื่องของหลิงอ๋องคลี่คลายแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาอีก
ส่วนเรื่องสงคราม เฉียวเทียนช่างยกหน้าที่ให้กับเหลยอันและหลินจือโยว อีกทั้งยังมีพลทหารที่ร่วมฝึกด้วยกันมา ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย ส่วนเรื่องเสบียงเองก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน
บางทีสงครามอาจจะสิ้นสุดก่อนถึงวันพิธีเสกสมรสของเซียวฉีเทียนเสียด้วยซ้ำ ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาเป็นประกาย
“จริงหรือ”
“อืม จริงสิ”
“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าเฝ้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน” ถึงเมืองหลวงจะเป็นที่ที่ดี แต่มีปัญหาน่ารำคาญมากเกินไป นางเองก็รู้สึกว่านางไม่เหมาะจะใช้ชีวิตที่นี่ นางยังชอบชีวิตที่เหมือนสวรรค์บนดินแห่งนั้นมากกว่า
หนิงเมิ่งเหยายังไม่รู้ว่าเฉียวเทียนช่างเตรียมอะไรไว้ให้นางต้องประหลาดใจตอนที่นางกลับไป
เฉียวเทียนช่างยื่นแขนออกไปกอดหนิงเมิ่งเหยา ทั้งสองพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันเบาๆ ระหว่างพวกเขามีบรรยากาศอันแสนสุขโอบล้อมอยู่
สามวันต่อมา ณ ลานประหาร เฉียวเทียนช่างเดินทางไปเพื่อสังเกตการณ์ เสนาบดีฝ่ายซ้ายเฉินเฟิงเองก็อยู่กับเขา
หลิงหลัวที่อยู่บนเวทีประหารพลันหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเฉียวเทียนช่าง เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความวิกลจริต ฝูงชนที่มาดูล้วนแต่รู้สึกหวาดกลัวไปตามๆ กัน
“เฉียวเทียนช่าง ดูแลนางให้ดี นางเป็นหญิงสาวที่ไม่รู้จักดูแลตัวเองเอาเสียเลย” ในวินาทีที่เขากำลังจะถูกประหาร จู่ๆ หลิงหลัวก็พูดกับเฉียวเทียนช่างเช่นนั้น
ในชีวิตนี้เขาเป็นคนผลักไสนางไปด้วยมือตัวเอง เขาเป็นคนทำให้ตัวเองต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ คงจะโทษคนอื่นไม่ได้
ระหว่างการประหารนั้น ณ มุมหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป หญิงสาวในชุดสีขาวนั่งอยู่บนรถเข็น มีชายสวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มยืนอยู่ข้างกายนาง ทั้งสองไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่ดวงตาของเซียวจื่อเซวียนนั้นเต็มไปด้วยความพอใจ
เมื่อศีรษะของทุกคนร่วงลงบนพื้น เซียวจื่อเซวียนจึงหันไปมองคนที่อยู่ข้างตน “เงาทมิฬ กลับกันเถอะ”
ระหว่างนั้นนางได้ขบคิดอะไรหลายๆ อย่าง หนิงเมิ่งเหยาไม่เคยทำอะไรนางเลยจริงๆ แต่นางกลับโยนความเกลียดชังของตนให้กับนาง ทว่าไม่ใช่แค่หนิงเมิ่งเหยาไม่ทำอะไร กลับยังอดทนในสิ่งที่นางทำลงไปเสียอีก
เมื่อเห็นการตายของหลิงหลัวและคนอื่นๆ เซียวจื่อเซวียนรู้สึกราวกับว่านางได้บางอย่างกลับมา และในเวลาเดียวกันนั้นก็สูญเสียอะไรบางอย่างในหัวใจไปเช่นกัน
“คุณหนู หลังจากนี้ท่านอยากไปไหนขอรับ” องครักษ์ลับเข็นรถเข็นของเซียวจื่อเซวียนขณะทั้งสองมุ่งหน้าไปยังประตูเมือง
หลังจากทั้งสองออกไป ร่างของเฉียวเทียนช่างก็ปรากฏขึ้น เขาฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
ในเมื่อนางตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตตามครรลองคลองธรรมแล้ว เช่นนั้นเขาก็จะปล่อยนางไป
แผนการแรกของเซียวจื่อเซวียนคือให้องครักษ์ลับพานางชมรอบๆ แล้วค่อยหาที่ดีๆ อยู่กัน และไม่หวนกลับไปยังเมืองหลวงอีก
เฉียวเทียนช่างตรงกลับจวนแม่ทัพโดยไม่ได้บอกผู้ใดเรื่องเซียวจื่อเซวียน
และเป็นอย่างที่เฉียวเทียนช่างคาดเอาไว้ หลังจากอีกฝ่ายรู้ว่าองค์ชายถูกจับตัวไป กองทัพของเมืองหลิงก็ปราชัยให้กับกองทัพอันยิ่งใหญ่จากสองเมือง แม้แต่เมืองเฟิงยังมาร่วมทำศึกกับพวกเขา เมืองหลิงถูกล้อมโจมตีจากทุกทาง
สุดท้ายพวกเขาจึงจำใจยอมยกดินแดนให้เป็นการชดเชยต่อพวกเขา
เมืองเฟิงและเมืองเซียวต่างได้รับการชดเชยเป็นเมืองที่ดีที่สุดสามเมือง เรื่องนั้นทำให้หลิงฮ่องเต้รู้สึกโกรธยิ่งนัก เขารู้สึกเกลียดหนานกงเยว่เช่นกัน เขารู้สึกว่าหนานกงเยว่เป็นเพียงเศษขยะที่ไม่มีความสามารถแม้แต่จะจัดการเรื่องเล็กๆ เช่นนี้ได้
หลังจากหนานกงเยว่รู้ข่าวการตัดสินใจของเมืองหลิง เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าสิ่งที่รอคอยเขาอยู่ที่เมืองหลิงยามเมื่อเขากลับไปนั้นคืออะไร แต่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายทำตามใจหรือ แน่นอนว่าไม่มีทาง
หนานกงเยว่กลับไปด้วยตัวเองสามวันก่อนถึงวันแต่งงานของเซียวฉีเทียน ไม่มีใครรู้ว่าเขากลับไปเมื่อใด แต่พวกเขาต่างรู้ดีว่าตราบใดที่ยังมีพิษจากกู่พิษที่เฉียวเทียนช่างบังคับให้เขากินลงไป เขาก็จะไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้อย่างแน่นอน
ในวันพิธีเสกสมรสของเซียวฉีเทียน ท้องถนนถูกประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดง มีโคมสีแดง และเสียงพลุดังตลอดเส้นทาง
คนที่สัญจรไปมาบนถนนหยุดดูพวกเขา กระทั่งพวกเด็กๆ ก็ยังมาร่วมด้วย
เมื่อรถม้าของมู่เสวี่ยมาถึง มีสาวใช้หลายคนโปรยลูกอมและเหรียญทองแดงไปตลอดทาง เด็กๆ หลายคนเข้ามาเก็บลูกอมและเหรียญทองแดงเหล่านั้น ก่อนส่งเสียงตะโกนร่วมกับพวกผู้ใหญ่ที่อวยพรให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตอันแสนสุขร่วมกัน
หนิงเมิ่งเหยาเห็นภาพนั้นแล้วนางก็เดาะลิ้นขึ้นมา “งานแต่งยิ่งใหญ่เสียจริง”
“ทำไมเราไม่จัดงานของเราอีกรอบบ้างล่ะ” เขารู้สึกว่างานของตนนั้นเรียบง่ายเกินไป
ทว่าหนิงเมิ่งเหยากลับส่ายหน้า “มันก็เป็นแค่พิธีการ ข้าไม่เห็นว่างานของเราจะไม่ดีตรงไหน”
เฉียวเทียนช่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเห็นด้วยกับนาง “จริงด้วย งานของเราก็ดีเหมือนกัน”
หลังจากรถม้าพิธีเคลื่อนมาถึงตำหนักขององค์ชายฉี หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างจึงพาคนของตนมุ่งหน้าไปที่นั่นอย่างช้าๆ
เมื่อพวกเขามาถึง เซียวฉีเทียนและมู่เสวี่ยกำลังจะทำพิธีสาบานตนกันอยู่ เซียวชวี่เฟิงนั่งอยู่ตรงตำแหน่งสำคัญ ที่ตรงนั้นมีน้าและตาของมู่เสวี่ยนั่งอยู่ด้วย