กู่ฉิงซานเดินออกจากห้อง
กระแสจิตดังขึ้นในใจของเขา
“ราชาวิญญาณมาร ข้าสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งผิดปกติกับทะเลรอบข้าง”
นี่คือเสียงของจ้าวแห่งความเงียบ
กู่ฉิงซานไม่หยุดเดินขณะถามว่า “สัญญาของเจ้ากับจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งสามารถยกเลิกได้หรือเปล่า”
“มันก็ได้อยู่ แต่ข้าต้องจ่ายเยอะเลยล่ะ”
“อย่าไปสนว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งสมคบคิดกับสัตว์ประหลาดทะเลโบราณอายุหนึ่งพันล้านปีแล้วขายพวกเราทั้งหมด เจ้าหนีในขณะที่ยังทำได้เถอะ”
“ว่าไงนะ!” จ้าวแห่งความเงียบแทบพูดไม่ออก
กู่ฉิงซานหยุดพูด
เขากำลังจะไป แต่กลับหยุดกลางคัน
เพราะในช่วงวิกฤติแบบนี้ แถวตัวอักษรสีโลหิตขนาดเล็กเริ่มปรากฏบนหน้าต่างต้นเพลิง
“ต้นเพลิงเปลี่ยนเป็นโหมดวิวัฒนาการ”
“โปรดจำไว้ว่าภารกิจวิวัฒนาการถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว”
“คำอธิบายภารกิจ: สัตว์ประหลาดทะเลโบราณกำลังรวบรวมชีวิตอันลี้ลับของประชากรมารเพื่อศึกษาวิธียับยั้งตัวตนมารอย่างสมบูรณ์ พวกเขาใกล้ทำสำเร็จแล้ว”
“เป้าหมายภารกิจ: มารทุกตนบนเรือจะถูกฆ่าโดยสัตว์ประหลาดทะเลเพื่อกลายเป็นตัวอย่าง โปรดอย่าเพิ่งไป จงซ่อนตัวในระหว่างการเก็บตัวอย่างและอยู่รอดตามเวลาที่กำหนดเพื่อให้ต้นเพลิงสกัดชีวิตของมารได้ พลังวิญญาณและพลังลี้ลับจะทำให้การวิวัฒนาการนี้เสร็จสมบูรณ์”
“รางวัลภารกิจ: ท่านจะได้รับการโหลด หมื่นสวรรค์สิ้นโลกออนไลน์: จุดกำเนิด”
กู่ฉิงซานอ่านจบในรวดเดียว
ในเวลาเดียวกัน ทะเลมีหมอกปกคลุม
หมอกเย็นเยือกกระจายออกอย่างรวดเร็วขณะปกคลุมทั่วเรือทะเลยักษ์
หมอกรวมตัวไม่กระจายไปไหน ต่อให้ถูกมารที่สามารถควบคุมลมได้พัดพาออกไป ไม่ช้ามันก็กลับมารวมตัวใหม่ จำนวนมีแต่เพิ่มขึ้น
การมองเห็นของพวกมารยิ่งมายิ่งแย่ พวกมันแทบมองไม่เห็นสิ่งใดที่อยู่เหนือเรือทะเลยักษ์
ในหมอก เสียงกรีดร้องพลันดังขึ้น
นี่คล้ายกับเป็นการเริ่มต้น เสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้นรอบเรือทะเลยักษ์
รอบเรือทะเลยักษ์ พวกมารที่กำลังตรวจตราและจับปลายังอยู่ในทะเล
เสียงการต่อสู้ค่อยๆ ดังขึ้น
เสียงเหล่านี้อยู่ไม่นานนัก ไม่ช้าก็เงียบไป
หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ
ฉับพลันนั้นเอง เสียงที่ไม่เคยมีมาก่อนดังมาจากเรือทะเลที่ใหญ่เท่ากับเมือง
เสียงกรีดร้อง เสียงคำราม เสียงคร่ำครวญและเสียงปะทะล้วนผสมปนเป ก่อเกิดเป็นเสียงที่สะเทือนท้องนภา
กู่ฉิงซานคล้ายกับสังเกตเห็นบางสิ่งก่อนเริ่มหดตัวจนหายไปจากจุดนั้นทันที
ในที่ที่เขายืนอยู่ มีเคราเนื้อโผล่ออกมาจากใต้พื้นก่อนกระจายไปทุกทิศทาง
กู่ฉิงซานปรากฏตัวที่สุดทางเรือยักษ์ ขณะลอยอยู่กลางอากาศ เขาตรวจสอบฉากตรงหน้าด้วยจิตเทพ
เคราเนื้อสีดำนับไม่ถ้วนค่อยๆ ยึดครองเรือ
เคราเนื้อเหล่านี้ขยับไปมาอย่างเกรี้ยวกราดขณะพันรัดพวกมาร ทำให้พวกมันไม่สามารถขัดขืนได้
พวกมารโจมตีสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเคราเนื้อเหล่านี้ได้
หลังจากนั้นไม่นาน มารเหล่านี้แผดเสียงกรีดร้องน่าขนลุกออกมา ทั่วร่างค่อยๆ เหือดแห้ง
ขณะที่ยังมีชีวิต เลือดเนื้อและกระดูกในร่างถูกเคราเนื้อดูดจนเกลี้ยง เหลือไว้เพียงผิวหนังเท่านั้น
ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เกิดจากสิ่งนี้มากพอจะทำให้พวกมารที่ถึกทนที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานได้
กู่ฉิงซานอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ถึงแม้เขาจะเคยเห็นการลงโทษอันโหดเหี้ยมมามากมาย แต่ฉากตรงหน้ามันเกินกว่าขอบเขตของการลงโทษมากนัก
ฉับพลันนั้นเอง เขาเห็นมารตนหนึ่งกำลังวิ่งพร้อมกับถือมีดทำครัวขณะหลบหนีด้วยความลำบากใจ
“ชิ…”
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว
นี่คือเชฟบนเรือที่รู้จักเขาดีและเคยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำอาหารมากมายด้วยกัน
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนปล่อยดาบบินหลายสิบเล่มเพื่อช่วยเชฟเอาไว้
ทว่า มีหนวดเคราเนื้ออีกมากบนเรือ หากยังแบบนี้ กู่ฉิงซานจะไม่สามารถปกป้องอีกฝ่ายเอาไว้ได้
“ต้นเพลิง มารทุกตนบนเรือจะตายหรือ” เขาถาม
ต้นเพลิงตอบว่า “ใช่ สัตว์ประหลาดทะเลเพียงต้องการตัวอย่างของพวกมารเพื่อทำการวิจัย ในระหว่างการเก็บตัวอย่างเหล่านี้ ต้นเพลิงจะรวบรวมพลังวิญญาณอัตโนมัติ โปรดอย่ากังวลเรื่องพลังวิญญาณไปเลย แค่เอาชีวิตรอดอย่างสุดความสามารถก็พอ”
หลังจากพูดเรื่องนี้จบ ต้นเพลิงเงียบ
ดูเหมือนมันกำลังรีบทำอะไรบางอย่าง
บนหน้าต่างต้นเพลิง
เขาเห็นว่าพลังวิญญาณกำลังเพิ่มขึ้น ในเวลาเดียวกัน ตัวระบุอื่นได้ปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง
“ความลี้ลับที่สอดคล้องกันของจุดกำเนิดชีวิตถูกเก็บรวบรวมและวิเคราะห์แล้ว”
กู่ฉิงซานมองรอบข้าง
พวกมารจำนวนมากถูกเคราเนื้อจับตัวไว้
เรือทะเลยักษ์ที่ใหญ่เท่าเมืองขนพวกมารมานับล้าน พวกมารตายเป็นฝูงขณะถูกเคราเนื้อจับอย่างบ้าคลั่ง
ในทำนองเดียวกัน ค่าพลังวิญญาณบนหน้าต่างต้นเพลิงสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกินกว่าเก้าแสนแต้ม มันกำลังขยับเข้าหาหนึ่งล้านแต้มอย่างมั่นคง
แต่บนใบหน้าของกู่ฉิงซานกลับไม่เผยความยินดีออกมา
พลังวิญญาณเหล่านี้จะถูกใช้โดยต้นเพลิงเพื่อวิวัฒนาการ วิธีการดูดกลืนพลังวิญญาณเหล่านี้ยังสร้างความไม่สบายใจให้กับเขาเล็กน้อยด้วย
เคราเนื้อดูดกลืนเลือดเนื้อของมาร ส่วนบัญญัติของราชามารดูดกลืนพลังวิญญาณของมาร
“ข้าทำอะไรไม่ได้เลย…” กู่ฉิงซานพึมพำ
เสียงกรีดร้องและความตายยังคงกระจายไปทั่ว ทั่วเรือยักษ์กลายเป็นนรกบนทะเล
ทว่า ขณะที่กู่ฉิงซานยังยืนอยู่ ชั้นหมอกสีดำพุ่งออกจากเกราะบนร่างกายขณะปกคลุมเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ไม่ช้า หมอกสีดำเหล่านี้หายไปในความว่างเปล่าพร้อมกู่ฉิงซาน
“อ้อมกอดของหมอกดำ: เมื่อท่านหยุดนิ่ง หมอกดำจะซ่อนตัวท่านเอาไว้ มีเพียงศัตรูระดับสูงกว่าท่านสามขั้นเท่านั้นที่สามารถตรวจจับท่านได้”
ตอนนี้กู่ฉิงซานคือผู้ฝึกยุทธระดับแสวงโลกา มีเพียงศัตรูที่เหนือกว่าระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถตรวจจับเขาได้
ตัดสินจากการคำนวณนี้ เจ้าของเคราเนื้อนี้น่าจะอยู่ระดับสามพันโลก
บางทีมันอาจจะเข้าใกล้ระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่แค่ยังไปไม่ถึงเท่านั้น
ในสวรรค์ดึกดำบรรพ์และโลกมารดึกดำบรรพ์ นี่คือตัวตนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ
กู่ฉิงซานลอบพึมพำ
เมื่อถึงเวลาหนึ่ง เขาพลันขยับตัวเล็กน้อย
หมอกสีดำหายไป
ร่างของกู่ฉิงซานปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
ต้นเพลิงสังเกตเห็นทันทีก่อนรีบเตือน
“โปรดซ่อนตัวต่อไปด้วย ไม่เช่นนั้นเกรงว่าท่านจะตายที่นี่”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก”
ตอนนี้ เคราเนื้อจำนวนมากสังเกตเห็นการปรากฏตัวของกู่ฉิงซานแล้ว
เคราเนื้อขึ้นจากพื้นก่อนพุ่งมาทางทิศที่เขาอยู่
ทันทีที่จิตของกู่ฉิงซานขยับ ดาบบินจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าก่อนระเบิดพลังดาบอันเย็นเยือกออกมา
ดาบบินรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนขณะพันรอบเคราเนื้อเหล่านั้น
เคราเนื้อทั้งหมดถูกสับเป็นชิ้นจำนวนนับไม่ถ้วน
“สำหรับข้าตอนนี้ เจ้านี่ไม่ได้แข็งแกร่งเลย” กู่ฉิงซานพึมพำ
วิชาดาบเป็นการโจมตีที่ทรงพลัง ยิ่งเขาอยู่ในระดับแสวงโลกาด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เมื่อเจอกับวิชาดาบพร้อมพลังวิญญาณของผู้ใช้ระดับแสวงโลกาเข้าไปก็มากพอที่จะสร้างการโจมตีอันน่าทึ่งขึ้นมาได้
ไม่ว่าจะอยู่ในเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์มาร กู่ฉิงซานก็สามารถถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่เสมอ
แม้กระทั่งในยุคต่อมา เขาก็ยังเข้าสู่ระดับจ้าวโลก
ทันทีที่เคราเนื้อถูกฟันกลางอากาศ เคราเนื้อเส้นอื่นตอบสนองทันที
เคราเนื้อจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหากู่ฉิงซานอย่างบ้าคลั่ง
กู่ฉิงซานยืนนิ่ง
เมื่อเคราเนื้อทั้งหมดกำลังจะพันรอบร่าง เขาพลันหายไปจากความว่างเปล่า
โต๊ะไม้ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าตรงที่ที่เขาเคยอยู่
ด้วยการสัมผัสเบาๆ ของเคราเนื้อ โต๊ะไม้ทั้งตัวพลันแยกออก
เคราเนื้อสังเกตเห็นความผิดปกติทันทีก่อนเริ่มค้นหากลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง
แต่พวกมันไม่สามารถหาเจ้าคนทรงพลังเมื่อครู่ได้
กู่ฉิงซานไปยืนอยู่อีกฝั่งของเรือยักษ์แล้วขณะซ่อนอยู่ที่มุมหนึ่ง
หมอกสีดำกระจายออกจากเกราะก่อนหายไปพร้อมกับเขา
เสียงต้นเพลิงพลันดังขึ้น
“ท่านทำอะไรน่ะ นี่มันอันตรายมากเลยนะ ทันทีที่ถูกเคราเนื้อพวกนั้นรัดเข้า ข้าก็ช่วยท่านไม่ได้ โปรดอย่างเล่นตลกกับความปลอดภัยของตัวเองด้วย”
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “ทีมเชฟตายแล้ว สองคนนี้มีฝีมือทำอาหารที่ดีเยี่ยม อาหารทะเลที่พวกเขาทำนับว่าพิเศษทีเดียว”
ต้นเพลิงกล่าวว่า “โปรดอดทนเพื่อข้าสักนิด การวิวัฒนาการจำเป็นต้องมีพลังวิญญาณสองล้านแต้ม จากนั้นก็จะทำสำเร็จได้ในเวลายี่สิบห้านาที”
“แสดงว่าข้าต้องยืนอยู่เฉยๆ หรือ”
“ถูกต้องแล้ว”
โฮก
มีเสียงคำรามอย่างรุนแรงจากบนท้องนภา
กู่ฉิงซานมองขึ้นไป
เขาเห็นจ้าวแห่งความเงียบกับมารทรงพลังที่สุดจำนวนหนึ่งกำลังสู้กับเคราเนื้อจำนวนไม่มีสิ้นสุดอยู่บนท้องนภา
ทว่า ด้วยพละกำลังของจ้าวแห่งความเงียบ เทียบกับกู่ฉิงซานก่อนพัฒนานั้น ย่อมไม่มีทางรับมือเคราเนื้อจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ตรงหน้าได้
กู่ฉิงซานมองมารเหล่านี้กำลังขัดขืนอยู่บนท้องนภาอย่างเงียบงัน
“ต้นเพลิง ข้ามีข้อเสนอ”
ในที่สุดเขาก็พูดออกมา
“ท่านอยากช่วยมารเหล่านี้หรือ” ต้นเพลิงถามอย่างตรงไปตรงมา
“ใช่ จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งขายข้าในฐานะอาหารกระป๋องให้กับสัตว์ประหลาดทะเล ความจริงนี้ทำให้ข้าไม่สบายใจเล็กน้อย”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “ส่วนการช่วยมารเหล่านี้ ช่วงนี้เขาคุ้นเคยกับข้ายิ่งนัก ข้าไม่ยินดีเล็กน้อยที่จะเห็นคนรู้จักตายต่อหน้า”
ต้นเพลิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “โปรดอย่าทำอะไรที่ไม่จำเป็น ทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกับชีวิตของท่าน แต่บัญญัติเองก็จะได้รับความเสียหายอย่างหนักอีกด้วย”
“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดสักหน่อย” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าหมายถึงเจ้าเพียงต้องการพลังวิญญาณสองล้านแต้มก็พอใจแล้วใช่หรือเปล่า ถ้าเช่นนั้น ข้าสามารถให้พลังวิญญาณที่ขาดไปได้ เจ้าต้องการเท่าไหร่ล่ะ”
“ด้วยพละกำลังของท่าน ไม่มีทางทำได้หรอก” ต้นเพลิงกล่าว
กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “อีกอย่าง ข้าคิดว่าเจ้ากำลังเก็บรวบรวมความลี้ลับของพวกมารอยู่ ถ้างั้น แล้วสัตว์ประหลาดทะเลล่ะ พวกมันคือสัตว์ประหลาดที่สามารถใช้ชีวิตมาได้หลายร้อยล้านปีเลยเชียวนะ ข้าเกรงว่าความลี้ลับในตัวพวกมันคงมีค่าพอจะให้เจ้าไปเก็บมา”
“มันก็จริง แต่พวกเราไม่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดทะเลได้ ยิ่งการเก็บรวบรวมความลี้ลับจากพวกมันยิ่งไม่ต้องพูดถึง” ต้นเพลิงกล่าว
“เจ้าคิดผิดแล้ว”
“ข้าคิดผิดหรือ”
กู่ฉิงซานออกความเห็นว่า “ใช่ ความจริง ในฐานะบัญญัติของราชามาร ฝีเท้าของเจ้าช่างเล็กจ้อยและระแวดระวังจนเกินไป”
ต้นเพลิงไม่พูดสักพักใหญ่
นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครบางคนมาวิจารณ์มันยาวเหยียดเช่นนี้
มันเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง
เสียงของกู่ฉิงซานแผ่วเบาลงขณะกล่าวต่อว่า “เชื่อข้า ให้ข้าจัดการเอง สัญญาเลยว่าพวกเราจะได้เก็บเกี่ยวจนหนำใจ นอกจากนี้ ข้ายังได้แก้แค้นอีกด้วย”
“พวกเราจะได้อะไร”
“พลังวิญญาณและความลี้ลับของชีวิตจากสัตว์ประหลาดทะเลอายุหนึ่งพันล้านปี”
“ท่านแน่ใจหรือว่าสามารถทำได้” ต้นเพลิงถาม
“แน่นอน ข้าอยากกลายเป็นบัญญัติของราชามาร ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ ตายเสียตอนนี้ยังดีกว่า”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเรียบง่าย
ต้นเพลิงเงียบไปสักพักคล้ายกับกำลังเลือกหนทาง
สิ่งที่กู่ฉิงซานกล่าวนั้นมันช่างล่อตาล่อใจเสียจริง
“ก็ได้” ในที่สุดต้นเพลิงก็พูดออกมา “ข้าจะสนับสนุนการตัดสินใจของท่าน ข้าหวังว่าท่านจะสามารถนำพลังวิญญาณกับความลี้ลับของชีวิตจากสัตว์ประหลาดทะเลมาได้เป็นจำนวนมาก”
…
บนท้องนภา
พวกมารที่กำลังดิ้นรนอยู่นั้นมีขวัญกำลังใจ
เพราะราชาวิญญาณมารเข้าร่วมการต่อสู้แล้ว!
เขาคือราชามารทรงพลังที่มีความสามารถการต่อสู้อันยอดเยี่ยม
แน่นอนว่าทันทีที่เขาเข้าสู่สมรภูมิ ดาบบินนับไม่ถ้วนฟาดฟันเคราเนื้อจำนวนมากอย่างรุนแรงทันที
บนเรือยักษ์ พวกมารที่ยังมีชีวิตอยู่ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งของราชาวิญญาณมาร
จ้าวแห่งความเงียบเหาะเข้ามาแล้วกล่าวกับกู่ฉิงซานว่า “พื้นที่ถูกตรึงเอาไว้ พวกเราไม่สามารถออกจากเรือในระยะสามสิบไมล์ได้เลย”
นางเปิดใช้กระแสจิตอย่างเงียบงันก่อนลอบกล่าวกับกู่ฉิงซานว่า
“ข้าสำรวจทะเลรอบข้างมาแล้ว สัตว์ประหลาดทะเลทั้งหมดมีอายุหนึ่งพันล้านปี”
กู่ฉิงซานถามอย่างรวดเร็วว่า “พวกเราเคยสู้กับสัตว์ประหลาดทะเลอายุหนึ่งพันล้านปีมาก่อนหรือเปล่า”
จ้าวแห่งความเงียบกล่าวว่า “นี่เจ้าล้อเล่นใช่ไหม ทันทีที่อายุขัยของสัตว์ประหลาดทะเลมากกว่าหนึ่งร้อยล้านปี พละกำลังของมันสามารถไปถึงระดับจอมมารได้ แถมยังมีพลังพอๆ กับจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งหรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ”
กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วไม่กล่าวอะไร
หลังจากอยู่กับจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งมานาน เขาพอจะรู้พละกำลังคร่าวๆ ของอีกฝ่าย
จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งไปถึงระดับสามพันโลกขั้นสูงสุด มีวิชาลี้ลับสองสามวิชา สามารถต่อสู้กับศัตรูระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นได้
จ้าวแห่งความเงียบกล่าวอย่างสิ้นหวังว่า “ดูท่าคราวนี้พวกเราจะหนีไม่ได้แล้ว พวกเราจะตายอยู่ที่นี่”
กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างสงบว่า “ใช่ ดังนั้นข้าจึงต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ความช่วยเหลือหรือ”
ขณะควบคุมดาบบินให้ต่อสู้ กู่ฉิงซานกล่าวเสียงดังว่า “ใช่แล้ว เจ้าทำสัญญาขึ้นมา ให้พวกมารทั้งหมดที่อยู่ใกล้พวกเราเซ็นสัญญาศึกว่าจะไม่ฉวยประโยชน์จากความโกลาหลมาโจมตีข้า”
จ้าวแห่งความเงียบอึ้ง
นางเข้าใจอย่างรวดเร็ว
ดูท่าราชาวิญญาณมารจะมีลูกเล่นทรงพลังซ่อนอยู่ ลูกเล่นนี้มากพอจะเปลี่ยนสถานการณ์
แต่ถ้าพูดกันตรงๆ วิชาแบบนี้เกินกว่าพละกำลังที่มารตนเดียวจะทำได้ ปกติแล้วมันจะเกิดผลข้างเคียงมากมาย
ถึงตอนนั้น ราชาวิญญาณมารอาจจะอ่อนแอชั่วคราว
ราชาวิญญาณมารกล่าวเช่นนี้อาจจะเพราะเกรงว่าจะมีใครบางคนมาโจมตีเขาจากด้านหลัง!
ยังไงเสีย ในบรรดามารทั้งหลาย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ราชาวิญญาณมารพูดความกังวลของตัวเองออกมาเสียงดัง ไม่ช้ามารตนอื่นจึงเข้าใจก่อนจะเปลี่ยนความคิดทันที
ทุกตนเซ็นสัญญาตนแล้วตนเล่าด้วยความเร็วมากสุดเท่าที่จะทำได้
หากมีวิชาที่สามารถช่วยชีวิตได้ พวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะให้ราชาวิญญาณใช้มันเดี๋ยวนี้เลย
“เอาล่ะ พวกที่ยังมีชีวิตอยู่เซ็นหมดแล้ว ไม่มีใครสามารถลงมือทำร้ายเจ้าได้อีก ได้โปรดใช้วิชาของเจ้าด้วย”
จ้าวแห่งความเงียบส่งม้วนกระดาษให้กับกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานชำเลืองมอง จากนั้นเก็บม้วนกระดาษไว้
“ข้าไม่มีวิชาที่จะใช้หรอก แต่วันนี้ข้ารู้สึกเบื่อหน่ายก็เลยอยากหาคู่ต่อสู้ดีๆ สักหน่อยน่ะ”
เสียงของเขาดังก้องไปยังพวกมารที่เหลือ
จ้าวแห่งความเงียบสับสนขณะมองกู่ฉิงซาน
นางเห็นหยดเลือดไหลออกมาจากลมหายใจเยือกแข็งไม่มีสิ้นสุดลอยอยู่ในมือของกู่ฉิงซานอย่างเงียบงัน
กู่ฉิงซานกุมหยดเลือดเอาไว้
เปลวเพลิงสีครามพลันปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา