หินที่สามารถอยู่ในลาวาได้นั้น แน่นอนว่ามันไม่ธรรมดาเลย
เมื่อมู่เฉียนซีกับชิงอิ่งเดินเข้าไปก็พบว่าด้านในนั้นมีถ้ำอยู่
มิติที่แห่งนี้ใหญ่มาก อีกทั้งยังไม่มีหินหนืดทะลักออกมาในที่แห่งนี้อีกด้วย
หินหนืดนี้ไร้ซึ่งร่องรอยของการขุดใดใด และคาดว่าคงจะไม่มีผู้ใดมีความสามารถเปิดถ้ำแห่งนี้ได้
ทุกอย่างล้วนแต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติทั้งสิ้น เบื้องหน้ามีลำแสงสีแดงฉานอยู่ลำแสงหนึ่ง และตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงกำลังหมุนอยู่รอบ ๆ ลำแสงนั้น
มู่เฉียนซีพบว่าในขณะที่กระบี่มังกรเพลิงกำลังหมุนรอบลำแสงนั้น สนิมสีดำเหล่านั้นที่เขรอะตัวมันก็ได้จางหายไปแล้ว
มันยิ่งพลันเปลี่ยนเป็นเรียบขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งสุกใสเป็นประกายมากยิ่งขึ้น……
“แสงนี้ทำให้กระบี่มังกรเพลิงเปลี่ยนโฉมเป็นใหม่เอี่ยมได้ มิน่าล่ะว่าเหตุใดเจ้าหมอนี่ถึงได้รีบมาที่นี่อย่างใจร้อนเช่นนั้น” มู่เฉียนซีพึมพำเบา ๆ
ที่แห่งนี้ไม่มีอันตราย มู่เฉียนซีก็ไม่ได้รบกวนกระบี่มังกรเพลิงแต่อย่างใด
ตูม!
ไม่นานนัก กระบี่มังกรเพลิงก็ได้ปะทุแสงระยิบระยับออกมา
หลังจากที่แสงนั้นจางหายไป มู่เฉียนซีก็ได้เห็นกับกระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่เหมือนเปลวเพลิงก็มิปาน
ชู่ว! มันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซีราวกับเพลิงนิรันดร์ คล้ายกับว่าต้องการให้มู่เฉียนซีชมเชยในรูปโฉมอันงดงามของมัน
มู่เฉียนซีจับด้ามกระบี่เอาไว้ เปลวเพลิงบนตัวกระบี่จางหายไป นี่เป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่งดงามเป็นที่สุด
ตัวกระบี่สีแดงเพลิงและรูปร่างที่สมบูรณ์แบบนั้นแสดงให้เห็นถึงพลังของมัน นั่นคือการสังหาร!
กลิ่นอายโบราณอันยาวนานที่ตกตะกอนอยู่นั้น คล้ายกับว่าได้หลับใหลมาอย่างยาวนานมากกว่าจะฟื้นขึ้นมา
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ยินดีกับเจ้าด้วย กระบี่มังกรเพลิง แต่ต่อไปหากข้าจะใช้เจ้า มันก็คงเป็นการโอ้อวดมากเกินไปแล้วสินะ”
กระบี่มังกรเพลิงได้พามู่เฉียนซีลอยออกไป มู่เฉียนซีพบว่าในลำแสงสีแดงเพลิงนั้นมีเสาผลึกใสที่มีความสูงหนึ่งเมตรอยู่เสาหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “ผลึกราชาอัคคี นึกไม่ถึงว่าในแดนใต้จะมีของเช่นนี้อยู่”
นี่คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งที่เก่าแก่มากที่นิรันดร์ได้ถ่ายทอดให้กับนาง วัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคี!
มันเอาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของธาตุอัคคีทั้งหมด คิดว่าเป็นการดำรงอยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเสือเพลิงอัคคีเหล่านั้นถึงได้ขัดขวางนางไม่ให้เข้ามาที่นี่ ที่แท้ก็เป็นเพราะไขกระดูกราชาอัคคีนี่เอง
สิ่งที่พวกมันเฝ้าปกป้องรักษาอยู่นั้นไม่ใช่หินมิติ แต่เป็นไขกระดูกราชาอัคคีนี้ต่างหาก
ไขกระดูกราชาอัคคีสามารถซ่อมแซมสิ่งที่มีคุณสมบัติเป็นอัคคีได้ ถึงแม้ว่ากระบี่มังกรเพลิงจะเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แต่มันก็สามารถซ่อมแซมให้คืนสู่สภาพเดิมได้
ทำให้กระบี่มังกรเพลิงถอดรูปลักษณ์ที่เขรอะสนิมนั้นออกไปได้ และกลายเป็นกระบี่เล่มใหม่เอี่ยม!
ในตอนนี้ กระบี่มังกรเพลิงได้เข้าไปพัวพันกับผลึกราชาอัคคีด้วยความโลภ มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าได้ซ่อมแซมกลับสู่สภาพเดิมแล้ว อีกอย่างเจ้าก็เป็นแค่กระบี่เล่มหนึ่ง ต่อให้เจ้าอยากจะกลืนกินไขกระดูกราชาอัคคีมากเพียงใด เจ้าก็ไม่อาจกลืนกินมันเข้าไปได้หรอก!”
ทว่า กระบี่มังกรเพลิงยังคงพัวพันอยู่ที่ผลึกราชาอัคคีนั้นไม่เลิก ดูเหมือนว่าหากมู่เฉียนซีไม่เอาเจ้าผลึกราชาอัคคีนี้กลับไป มันก็จะไม่ไปไหนทั้งสิ้น
“เจ้าผู้หญิงโง่!” แสงสีเขียวอ่อนแสงหนึ่งได้สว่างวาบขึ้น และอาถิงก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉียนซี
“ไขกระดูกราชาอัคคีนี้มีประโยชน์ต่อเจ้ามากนะ คิดหาวิธีเอามันกลับไปเถอะ!” อาถิงกล่าว
“ไขกระดูกราชาอัคคี พลังธาตุอัคคีที่น่าเกรงกลัวเช่นนี้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นยาได้ กระบี่มังกรเพลิงก็ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว หากข้าเอามันไป มันยังจะมีประโยชน์อยู่อีกเหรอ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือรีบคิดหาทางขึ้นไปจากที่นี่ดีกว่า มิเช่นนั้นพวกจวินโม่ซีจะเป็นกังวลเอาได้!”
อาถิงกล่าว “เจ้าพูดถูก ถึงแม้ว่าผลึกราชาอัคคีจะเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของธาตุอัคคี แต่วัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถแบกรับได้ มันสามารถช่วยเจ้าฟื้นฟูวิญญาณกระบี่ของกระบี่มังกรเพลิงได้นะ!”
“วิญญาณกระบี่เหรอ แต่ตอนนี้แม้แต่เงาของวิญญาณกระบี่ก็ยังไม่เห็นเลย”
“ตัวกระบี่ยังได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้ วิญญาณกระบี่ก็คงไม่ได้ดีไปกว่านี้หรอก หากเจ้าหาวิญญาณกระบี่ของกระบี่มังกรเพลิงเจอก่อน ให้ผลึกราชาอัคคีฟื้นฟูวิญญาณกระบี่ให้ เมื่อถึงตอนที่เจ้าหาจิตวิญญาณกระบี่เจอ ก็จะยึดมันเอาไว้ได้แน่นอน”
“แต่มันเอาไปยากนะ อีกอย่างก็ไม่มีที่ไว้ด้วย!”
“หากเป็นคนอื่นก็อาจจะเอาไปยาก แต่เจ้ามีกระบี่มังกรเพลิง คนอื่นอาจจะไม่มีที่ไว้ แต่เจ้ามีแหวนมังกรเทพวารีที่สามารถยับยั้งมันได้โดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ปัญหา!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าพูดมาซะขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นเจ้าสิ่งนี้ก็ต้องเอาไปแน่นอน”
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงไว้แน่น และกล่าวว่า “เราลงมือกันเถอะ!”
ตูม! มู่เฉียนซีฟันผลึกราชาอัคคีอย่างว่องไว จากนั้นก็ได้เก็บมันไว้ในแหวนมังกรเทพวารี
มันเป็นถึงวัตถุศักดิ์สิทธิ์ธาตุอัคคี แน่นอนว่ามันมีวิญญาณอยู่ ดังนั้นมันจึงกำลังดิ้นรน
ทว่า ภายใต้การยับยั้งของแหวนมังกรเทพวารีแล้ว ไม่ว่ามันจะพยายามดิ้นรนมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก! ตอนนี้เหล่าเสือเพลิงอัคคีแทบจะบ้าคลั่งแล้ว พวกมันไม่สามารถรับรู้ได้ถึงวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว
วัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปแล้ว มนุษย์คนใดเป็นคนทำ!
“มนุษย์ผู้น่ารังเกียจ พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!” ตอนนี้เสือเพลิงอัคคีได้ระเบิดความโกรธขึ้นแล้ว
ปัง ปัง ปัง! และในตอนนี้ จวินโม่ซีก็ได้จัดการคนเหล่านั้นของหุบเขาหมอเทวดาไปโดยสมบูรณ์แล้ว
หัวหน้าหุบเขาซือคงและพวกที่กำลังจัดการกับเสือเพลิงอัคคีตัวหนึ่งได้อย่างยากลำบาก ก็พบว่าจวินโม่ซีได้ฆ่าคนของหุบเขาหมอเทวดาไปแล้ว
“มู่เฉียนโม่ นี่เจ้าหมายความว่าเช่นไร ต่อให้เจ้าเป็นศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่า แต่เจ้าก็ไม่อาจฆ่าผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดาได้อย่างตามใจเช่นนี้” หัวหน้าหุบเขาซือคงโกรธเกรี้ยวขึ้น
จวินโม่ซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าฆ่าผู้อาวุโส แล้วเจ้าไม่ดูลูกตัวเองบ้างเหรอว่าทำสิ่งใดลงไป!”
จวินโม่ซียกแขนขึ้น กระบี่ยาวในมือชี้ไปที่หัวหน้าหุบเขาซือคง แววตาคู่นั้นเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้เขาคิดอยากจะฆ่าคนผู้นี้ให้ตายจริง ๆ!
“ชัวเอ๋อร์ ชัวเอ๋อร์หายไปไหน?” ตอนนี้หัวหน้าหุบเขาซือคงก็ได้พบว่าบุตรชายของตนเองนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่
จวินโม่ซีชี้ไปที่หินหนืดนั้น และกล่าวว่า “ลูกของเจ้า ได้ตกลงไปแล้ว เจ้าอยากจะไปอยู่กับเขาหรือไม่ล่ะ?”
“นี่เจ้ากล้าฆ่าลูกข้าเหรอ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
หัวหน้าหุบเขาซือคงคิดจะลงมือกับจวินโม่ซี ตอนนี้เขาไม่อยากจะสนใจแล้วว่าจวินโม่ซีจะใช่ศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่าหรือไม่ ในใจเขาคิดจะแก้แค้นให้บุตรชายของตนเองเท่านั้น
ตูม! จวินโม่ซีเอาหม้อพิษสามอสูรออกมาป้องกันการโจมตีของหัวหน้าหุบเขาซือคง
เมื่อหัวหน้าหุบเขาซือคงเห็นหม้อพิษสามอสูร ในที่สุดเขาก็สงบสติอารมณ์ลง เขากล่าวด้วยความตกตะลึงว่า “นี่เจ้า……นึกไม่ถึงว่าท่านผู้เฒ่าจะเอาหม้อพิษสามอสูรให้กับเจ้าแล้ว”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเขากล่าวว่า “นี่มันเกิดอันใดขึ้น พวกเดียวกัน ค่อย ๆ คุยกันสิ!”
จวินโม่ซีกล่าว “จู่ ๆ ไอ้เจ้าซือคงชัวชั่วนั่นก็ลอบทำร้ายพวกเรา แถมยังลากตัวศิษย์น้องของข้าตกลงไปอีก มันรนหาที่ตายเอง!”
“เจ้าว่าอะไรนะ สาวน้อยนั่นก็ตกลงไปด้วยเหรอ”
“นางเป็นศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่านะ!”
“……”
หัวหน้าหุบเขาซือคงตกใจผงะไป “ฮะ! นี่ชัวเอ๋อร์กระทำเรื่องชั่วช้าเช่นนั้นเหรอ เขา……”
บุตรชายของตนเองช่างเป็นคนโง่เขลายิ่งนัก ไม่ได้นางมาก็ยอมตายไปกับนางอย่างนั้นเหรอ ช่างไร้สมองเสียจริง!
หัวหน้าหุบเขาซือคงดุด่าซือคงชัวอยู่ในใจหลายครั้ง จากนั้นเขากล่าวว่า “แล้วเรื่องที่เจ้าลงมือฆ่าผู้อาวุโสท่านอื่นล่ะ หมายความว่าเช่นไร อีกทั้งยังลงมือฆ่าพวกเขาด้วยความโหดเหี้ยมอีก”
จวินโม่ซีกล่าว “ซือคงชัวลอบทำร้ายศิษย์น้องของข้า พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ห้าม อีกทั้งยังช่วยเขาอีก ข้าโกรธแค้นมากก็เลยฆ่าเพื่อระบายความโกรธ หากหัวหน้าหุบเขาซือคงไม่พอใจ ก็ลงมือฆ่าข้าซะสิ! แต่ก็ต้องดูหม้อพิษสามอสูรด้วยนะ ว่าจะยินยอมหรือไม่”
ใบหน้าของหัวหน้าหุบเขาซือคงแข็งทื่อไป “เรื่องนี้ รอกลับไปที่หุบเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ส่วนเรื่องของสาวน้อยนั่น ข้าเสียใจด้วย!”
“พวกข้าก็เสียใจด้วย!” เหล่าผู้อาวุโสก็เผยสีหน้าโศกเศร้าเสียใจออกมา
มู่เฉียนซีตกลงไปในหินหนืดเช่นนั้นแล้วไม่มีทางขึ้นมาได้แล้ว ทำได้เพียงแค่ให้สุ่ยจิงอิ๋งผู้ควบคุมมิติช่วย
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง ครั้งนี้รบกวนเจ้าแล้ว”
สุ่ยจิงอิ๋งตอบ “ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!”
แสงสีฟ้าอ่อนแสงหนึ่งได้ห่อหุ้มร่างของทั้งสองไว้ และได้ส่งพวกเขาไปยังบนเกาะแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากสุ่ยจิงอิ๋งได้ใช้พลังแห่งมิติ มิติโดยรอบจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาดขึ้น