บทที่ 312 แผนการที่ถูกวางเอาไว้แล้ว
บทที่ 312 แผนการที่ถูกวางเอาไว้แล้ว
“ถ…ถึงแม้ว่า…พวกพี่น้องของเราจะไม่ตายโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้ แต่…แต่หัวหน้าอย่าเพิ่งทำอะไรโดยใช้แต่อารมณ์อย่างเดียว สำหรับหลิ่วอวี้จิ่ง ตอนนี้เรายังไม่สามารถจัดการกับมันได้ชั่วคราว”
สีหน้าของหวังเหยียนเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของโจวเฟยหู่
เขาเข้าใจดีถึงความแข็งแกร่งของโจวเฟยหู่ว่ามีขนาดไหน หัวหน้าแก๊งของตัวเองเพิ่งบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์กำลังภายในมาไม่นานนี้เอง ดังนั้นโจวเฟยหู่จึงยังไม่สามารถที่จะไปจัดการกับหลิ่วอวี้จิงได้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงรีบปรามอีกฝ่ายทันที
หวังเหยียนไม่ได้นับรวมความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหราน เข้ามาอยู่ในความแข็งแกร่งของแก๊งพยัคฆ์เวหา เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณแก๊งพยัคฆ์เวหาอะไรทั้งนั้น…
อันที่จริงตั้งแต่แรก แก๊งพยัคฆ์เวหาเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่ติดหนี้บุญคุณ อวี้ฮ่าวหราน
ทว่าในขณะเดียวกันนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มพูดแทรก
“ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าในอนาคตมีเรื่องอะไรก็แค่บอก ฉันจะไปช่วยในทันที”
เขาให้สัญญากับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง
“น…น้องอวี้ นายยินดีจะช่วยพวกฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?”
โจวเฟยหู่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้อีกฝ่ายถึงลงทุนทำเช่นนี้เพื่อพวกเขา
ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เขาพอจะสังเกตเห็นว่า อวี้ฮ่าวหรานเป็นคนที่ไม่ค่อยยี่หระกับอะไร และห่วงใยแค่ครอบครัวของตัวเองเท่านั้น
“ไม่ต้องถามมาก แค่รู้ว่าฉันจะไปช่วยก็พอ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้อธิบายมาก
การที่เขาตัดสินใจจะช่วยแบบนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะหวังเหยียน แต่ส่วนหลักเป็นเพราะชายหนุ่มรู้สึกรำคาญกับความเลวทรามของพวกแก๊งวาฬยักษ์ที่แสดงออกมาตอนเหตุการณ์ในบ่อน
อวี้ฮ่าวหรานไม่ต้องการให้แก๊งที่ชั่วช้าแบบนี้เดินร่อนไปมาอยู่ในเมืองเดียวกับที่ครอบครัวของตัวเองอยู่ เขารู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่!
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากวอร์ดไป
…
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง
ตรู๊ดด ตรู๊ดดด ตรู๊ดดดด…
เวลาตีสาม หลิ่วอวี้จิงเพิ่งผล็อยหลับไปบนโซฟา แต่จู่ ๆ ก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์รัวถี่ ๆ!
จริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจะหลับ แต่เขาแค่รอสายนี้มานานเกินไปจนเผลอผล็อยหลับ
“ห…หัวหน้า! มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!!”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขารับโทรศัพท์ เสียงตื่นตระหนกก็ดังมาจากอีกฝั่งสาย
สีหน้าของหลิ่วอวี้จิงเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เมื่อได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่าย และเดาถึงเรื่องที่กำลังจะได้ยินถัดมา
“จิ่นเฟิง…ทำพลาดจนหวังเหยียนหนีไปได้ใช่ไหม?”
“ไม่…ไม่…ผมเพิ่งมาถึงที่บ่อน! พวกของเรา…พวกของเราตายกันหมดเลยหัวหน้า!!”
เมื่อพูดประโยคนี้เสียงของปลายสายยิ่งตื่นตระหนกมากกว่าเดิม ราวกับว่าเห็นบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
“อะไรนะ!?”
หลิ่วอวี้จิงเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และเขาตกใจจนดีดตัวยืนขึ้น! !
“แกอธิบายมาดี ๆ เลยนะ! ถ้าแกล้อฉันเล่นฉันฆ่าแกแน่!!”
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าลูกน้องของเขาไม่มีทางล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ แต่ด้วยความโกรธจัด หลิ่วอวี้จิงจึงตะโกนขู่ออกโดยไม่รู้ตัว
หรือบางทีเขาอาจกลัวจนไม่อยากจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
เสียงลมหายใจที่ปลายสายสั่นเทิ้ม และต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อปรับอารมณ์และอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ในสิ่งที่ตัวเองเห็น
“ค…คือผมรอสายโทรศัพท์จากหัวหน้าสาขาจิ่นนานมาก จนเริ่มสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่โทรหาผมสักที ผมก็เลยเริ่มโทรไปแต่ก็ไม่มีใครรับสาย จากนั้นด้วยความกังวลผมก็เลยขับรถมาที่บ่อนเพื่อดู…แต่แล้ว…แต่แล้ว…สิ่งที่ผมเห็นก็คือ…ทุกคนตายหมดแล้ว หัวหน้าสาขาจิ่นรวมไปถึงหัวหน้าสาขาอีกสามคนก็ตายทั้งหมดด้วย…”
ขณะที่พูด เสียงของปลายสายสั่นกลัวมาก
หลังจากที่ฟังจนจบ หลิ่วอวี้จิงก็รู้สึกเหมือนมีใครเอาท่อนเหล็กมาตีที่หัวของตัวเองอย่างจังจนมึนงงไปหมด และมือไม้ของเขาก็อ่อนจนโทรศัพท์ในมือร่วงตกไปที่พื้น
“ทั้งหมด…ตายทั้งหมด … ”
หัวหน้าสาขาสี่คนที่เป็นปรมาจารย์กำลังภายในตายหมดเลย! เพื่อแผนการสังหารหวังเหยียน เขาจึงได้สั่งการเสาหลักของแก๊งเกือบทั้งหมด แต่ตอนนี้ทุกคนที่เขาส่งไปกลับตายหมดแล้ว!
แม้ว่าตัวเองจะตัดสินใจเข้าร่วมแก๊งฉลามคลั่ง แต่ความแข็งแกร่งของลูกน้องของเขาก็นับได้ว่าเป็นตัวกำหนดตำแหน่งในอนาคตของเขาต่อ กงซุนซา!
หากความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายเท่ากัน ตำแหน่งของเขาจะไม่ด้อยกว่าอีกฝ่าย
แต่ในเวลานี้เขาไม่เหลือความแข็งแกร่งอะไรไปต่อรองตำแหน่งเลย!
“นี่…มันเข้าทางของตาเฒ่ากงซุนอย่างถึงที่สุดเลยใช่ไหม? ตาแก่นั่นคงเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้?”
เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง และรู้สึกสยดสยองกับแผนการของกงซุนซา
ด้วยวิธีนี้ ตาแก่นั่นคงยิ่งยึดครองโลกใต้ดินของเมืองฮ่วยอันได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น!
ในมุมมองของหลิ่วอวี้จิง ต่อให้อวี้ฮ่าวหรานจะแข็งแกร่งมากเพียงไหน เขาก็มองว่าไม่ได้อันตรายสักเท่าไหร่ เพราะอวี้ฮ่าวหรานดูไม่ใช่คนที่ชอบใช้แผนเจ้าเล่ห์ แต่กับกงซุนซา…ชายแก่คนนี้อันตรายมากว่ามาก ๆ!
“เฮ้อ…ช่างเถอะ…ลืมมันซะ ให้มันเป็นไปตามที่ตาแก่นั่นต้องการก็แล้วกัน ไม่ว่ายังไงฉันเองก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย”
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ ราวกับว่ายอมรับชะตากรรมของตัวเองแล้ว
ความปรารถนาในความแข็งแกร่งได้เอาชนะหน้าที่ความรับผิดชอบของแก๊งตัวเองไปจนหมดสิ้นเรียบร้อย
…
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเสร็จสิ้นสิ่งที่ควรทำทั้งหมดแล้ว เขาจึงตรงกลับคอนโดทันที และกว่าจะกลับไปถึงก็เป็นเวลาตีสองเข้าไปแล้ว
เมื่อมองเวลาดูแล้วและเห็นว่าดึกมาก อวี้ฮ่าวหรานจึงค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าไฟในห้องนั่งเล่นยังคงเปิดอยู่!
หลี่หรง น้องภรรยาของเขากำลังนอนอยู่บนโซฟา!
แต่เธอหลับไปแล้วในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงหลังเทศกาลไหว้พระจันทร์ อากาศจะค่อนข้างหนาว หลี่หรงจึงนอนอยู่บนโซฟาในท่าขดตัว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ มุมปากของอวี้ฮ่าวหรานก็กระตุกเล็กน้อย เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
แม้ว่าอีกฝ่ายมักจะเจ้าอารมณ์ แต่อันที่จริงชายหนุ่มเข้าใจดีกว่าอีกฝ่ายรู้สึกเป็นห่วงกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของเขามากอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นว่าอากาศมันค่อนข้างหนาวกว่าปกติ อวี้ฮ่าวหรานจึงกลัวว่าคนธรรมดาอย่างน้องภรรยาจะเป็นไข้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องของตัวเองและหยิบเอาผ้าห่มสำรองที่อยู่ในตู้มาห่มให้อีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา