ตอนที่ 168 ถูกปล้นกลางถนนโคมไฟ ท่านแม่ทัพกระทำอย่างไร้ยางอาย (4)
“ได้โปรด! ข้ารู้ว่าท่านมีฝีมือการแพทย์เยี่ยมยอด! แค่ท่านยินยอม ไม่มีผู้ป่วยที่ท่านช่วยไม่ได้…”
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่สนใจ กลับหันหลังแล้วยิ้มอย่างขมขื่นในใจ ยังถือว่าให้เกียรติข้าจริงๆ
จุดป๋ายฮุ่ย[1]จุดเหรินจง[2]จุดถันจง[3]…จุดฝังเข็มสามสิบหกจุด ทุกจุดต่างก็เป็นจุดปมด้อยของร่ายกายมนุษย์ ต่อให้ถูกจู่โจม ก็สามารถทำให้สลบไปชั่วขณะ หรืออาจจะสิ้นใจได้เลย
เหยาเยี่ยนอวี่พยายามรวบรวมสมาธิ แล้วก็ฝังเข็มลงไปตามลำดับจากบนไปล่าง นางทิ่มเข็มอย่างว่องไว และหมุนอย่างแปลกประหลาด จากนั้นก็ถอนเข็มอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่เริ่มจนจบ เหยาเยี่ยนอวี่ทำท่าทางที่เบามือ เหมือนกำลังเดินเล่นอย่างบนเมฆและบนกระแสน้ำ ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่เหมือนคนที่กำลังรักษาผู้ป่วยแม้แต่เพียงน้อย ทว่ากลับเหมือนกำลังแสดงละครอย่างผ่อนคลายและนิ่งสงบ ทว่าเว่ยจางและหันซังเกอต่างก็รู้ว่า สีหน้าของนางยิ่งอยู่ก็ยิ่งขาวซีด และหยาดเหงื่อเม็ดใหญ่บนหน้าผากก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่านางกำลังรักษาผู้ป่วยอย่างสุดกำลังที่มี
เว่ยจางยกเท้าเดินไปข้างหน้าแล้วพยุงนาง เหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ หันไปมองหน้าเขาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาเคล้าด้วยความเหน็ดเหนื่อยและความว่างเปล่า เว่ยจางถูกสายตาเยี่ยงนี้เหลือบมองสักพัก ก็เหมือนมีขนโคทิ่มแทงกลางใจ ทำให้เขาทุกข์ทรมานยิ่ง
“พาเขา…กลับไป”
ก่อนที่เหยาเยี่ยนอวี่จะสลบหมดสติ ก็ยังทันพูดคำพูดเหล่านี้
เว่ยจางย่อตัวให้เตี้ยลงแล้วช้อนตัวนางขึ้น ตอนที่เขาหมุนตัว ก็ถีบแม่นางที่คุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วเหลือบตามองหันซังเกอด้วยความเลือดเย็นเพียงพริบตาเดียว จากนั้นก็ออกประตูและเดินจากไป
ทำเรื่องผิดใจกับใครบางคนเสียแล้ว หันซังเกอจับจมูกแล้วยิ้มอย่างขมขื่น ส่งสัญญาณมือแล้วก็สั่งให้ทหารรักษาการณ์พาคนที่อยู่ในนี้ออกไปให้หมด
ถังเซียวอี้เดินไปข้างหน้าอย่างประหม่า แล้วเอ่ยถามหันซังเกอด้วยเสียงทุ่มต่ำ “ท่านซื่อจื่อ ท่านกำลังปิดบังอะไรอยู่”
“นี่คือพระราชโองการ” หันซังเกอเอ่ยคำพูดเหล่านี้กับถังเซียวอี้ด้วยเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นก็สะบัดชุดคลุมยาวแล้วจากไปอย่างเร่งรีบ
เหยาเยี่ยนอวี่นอนหลับสนิท แม้แต่ฝันก็ยังไม่ฝัน ไม่รู้ว่าหลับไปนานเพียงใด ก็ยังรู้สึกว่านอนหลับไม่เพียงพอ ทว่าต้องถูกเสียงทะเลาะถกเถียงก่อกวนทำให้อดลืมตาขึ้นมาไม่ได้
“…ข้าต้องพานางไป!” มีคนกำลังพูดด้วยความกระวนกระวาย
“นางต้องการพักผ่อน!” มีคนพูดด้วยน้ำเสียงที่มีชีวิตชีวา
“เหตุใดนางถึงมาพักผ่อนในจวนของเจ้าได้!” มีคนกระแทกเท้าด้วยความกระวนกระวาย
“เหตุใดถึงไม่ได้” น้ำเสียงนี้ฟังเหมือนผ่อนคลาย เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องที่คนกินอาหารวันละสามมื้อ
“ชายหญิงมีความแตกต่างกัน! เจ้าทำเยี่ยงนี้กำลังทำให้ชื่อเสียงของนางต้องเสื่อมเสีย!”
สุดท้ายเหยาเยี่ยนอวี่ก็ฟังเข้าใจ นี่เป็นเสียงของพี่รอง
“ไม่ใช่ว่ามีเจ้าอยู่หรือ นางก็พักที่จวนของข้าแค่คืนเดียว มีพี่ชายทางสายเลือดอย่างเจ้าเฝ้าอยู่ทั้งคน ใครจะนินทาเรื่อยเปื่อยได้”
“เว่ยเสี่ยนจวิน! เจ้าอย่าทำเกินไป!” เหยาเหยียนอี้ใกล้จะเป็นบ้า คนคนนี้แท้จริงแล้วคือแม่ทัพกระดูกเหล็ก เหตุใดถึงได้กระทำเรื่องที่ไร้ยางอายเยี่ยงนี้!
“พี่เหยา ไม่ต้องเกรงใจ ข้าสั่งให้คนเตรียมสุราและอาหารแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าดื่มกับเจ้าหนึ่งจอก”
เหยาเยี่ยนอวี่ ทำเสียง ‘เชอะ’ นอกมุ้งสีเขียวจึงมีเสียงอันตื่นเต้นดีใจพูดขึ้น “คุณหนูตื่นแล้ว!”
เสียงทะเลาะถกเถียงที่อยู่ข้างนอกก็หยุดไปทันที จากนั้นก็มีเสียงเลิกม่านประตูดังขึ้น เหยาเยี่ยนอวี่เห็นมุ้งสีเขียวอ่อนถูกเปิดออก ใบหน้าเรียวเล็กของชุ่ยเวยก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า
“คุณหนูตื่นแล้ว!” ด้านหลังชุ่ยเวย มีสตรีที่ยังสาวคนหนึ่งขยับเข้ามาใกล้ด้วยความตื่นเต้นดีใจ หลังจากที่มองเหยาเยี่ยนอวี่เพียงชั่วพริบตา ก็ยืดตัวตรงพร้อมกับโค้งลำตัวด้วยความเคารพให้กับคนที่มาด้านหลัง “ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ถูกชุ่ยเวยพยุงให้นั่งลง เห็นดวงหน้าอันเลือดเย็นของเว่ยจางเคล้าด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และสีหน้าที่โมโหของพี่รองเหยาเหยียนอี้
“พี่รอง ข้าไม่เป็นไร” สายตาของเหยาเยี่ยนอวี่ สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าของเหยาเหยียนอี้
เหยาเหยียนอี้ผลักเว่ยจางออก ทว่าใครบางคนกลับเหมือนดั่งภูเขาที่ไม่ขยับไปไหน เขาที่เป็นเพียงปัญญาชนอ่อนแอก็ไม่มีทางมีแรงผลักออก ดังนั้นเขาเลยเบียดชุ่ยเวย แล้วถามเหยาเยี่ยนอวี่ “น้องสาวรู้สึกเช่นไรบ้างแล้ว ลงมาเดินได้หรือไม่”
“น่าจะ…ไม่มีปัญหาหรอกกระมัง” ตอนนี้แม้ว่าเหยาเยี่ยนอวี่ยังคงรู้สึกเหนื่อยมาก ทว่าลงจากเตียงแล้วเดินน่าจะไม่มีปัญหา
“เช่นนั้น พวกเราไปกันเถอะ” เหยาเหยียนอี้พูดไป ก็เอาเสื้อคลุมที่อยู่ข้างๆ ขึ้น จากนั้นก็เร่งให้เหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้น
“…” เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าที่บูดบึ้งของพี่รองจึงไม่กล้ามากความ แค่เปิดผ้าห่มลงจากเตียง
“ช้าก่อน” เว่ยจางออกเสียงขัดขวาง “พระราชโองการของฮ่องเต้ ทรงสั่งว่าหลังจากที่คุณหนูเหยาฟื้นให้รีบไปโรงเตี๊ยม”
“เจ้าพูดอะไรนะ!” เหยาเหยียนอี้รู้สึกโมโห “ตอนนี้สภาพเยี่ยงนี้ของนางจะรักษาคนต่างเผ่าคนนั้นได้อย่างไร!”
เว่ยจางเหลือบตาอันเย็นชามองเหยาเหยียนอี้ แล้วทำเสียงในลำคอขึ้น “ที่แท้คุณชายเหยาก็รู้ว่าคุณหนูเหยามีสภาพร่างกายที่อ่อนแอในตอนนี้ด้วยหรือ เช่นนั้นเจ้าคิดว่านางยังสามารถออกไปเดินบนพื้นหิมะข้างนอกได้ด้วยหรือไม่”
“เว่ยเสี่ยนจวิน! เจ้าอย่ารังแกคนอื่นเกินไป! อย่างน้อยบิดาของข้าก็คือข้าหลวงใหญ่ที่เป็นขุนนางขั้นที่สอง! เจ้ารังแกพวกเราสองพี่น้องเช่นนี้ ไม่กลัวว่าบิดาของข้าจะเอาเรื่องเจ้าต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้หรือ!” เหยาเหยียนอี้เป็นคนที่คบหากับผู้อื่นอย่างง่ายดายตลอดมา ไม่ว่าจะคบหากับใครก็มักจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาคือคุณชายที่ดุจดั่งอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ ทว่ากลับไม่ชอบแม่ทัพติ้งหย่วน
ทว่านี่ก็โทษเขาไม่ได้ น้องสาวถูกไอ้สารเลวนี่อุ้มเข้าไปในจวนท่านแม่ทัพของเขาเยี่ยงนั้น ตอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียงของเขา หน้าตาของตระกูลเหยาของเขาถูกเอาไปไว้ไหนกัน! ถ้าเรื่องนี้ถูกคนที่ประสงค์ร้ายป่าวประกาศออกไป ในอนาคต บุตรีแห่งตระกูลเหยาจะวางตัวเช่นไร! เรื่องมันเกี่ยวกับชื่อเสียงและส่วนรวม นี่จะให้บิดาไปเผชิญหน้ากับคนทั่วพิภพได้อย่างไร!
เหยาเหยียนอี้เป็นคนที่ฉลาดในการวางแผน และสามารถแยกแยะสิ่งใดมีประโยชน์และสิ่งใดทำให้เสียประโยชน์ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและเกียรติยศ ก็ไม่อาจประมาทได้
“คุณชายเหยา แค่เจ้าไม่ออกไปป่าวประกาศเรื่อยเปื่อย เรื่องนี้ใครก็ไม่มีทางกล้าปากพล่อย อีกอย่าง เจ้าวางใจเถอะ ต่อให้มีเรื่องอะไรจริงๆ ก็มีข้าที่เป็นแม่ทัพคอยแบกรับ!” เว่ยจางมองเหยาเหยียนอี้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินจากไปก็ได้สั่งการสตรีที่อยู่ข้างกาย “ไปยกน้ำแกงโสมมาให้คุณหนูเหยาที”
“เจ้า!” เหยาเหยียนอี้หันไปจับจ้องด้านหลังของเว่ยจาง แล้วกัดฟันด้วยความโกรธ
“พี่ชาย” เหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วพยุงชุ่ยเวยเดินไปตรงหน้าเหยาเหยียนอี้ และเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงต่ำ “อย่าโกรธเลย เขาคงไม่ทำอะไรข้าหรอก อีกอย่าง…การช่วยชีวิตองค์ชายอาเอ่อร์เข้อเป็นพระราชโองการของฮ่องเต้ พวกเราทำได้เพียงทำตาม”
“คนแซ่เว่ยนั้นเย็นชาเกินไปแล้ว!” เหยาเหยียนอี้หันไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเกรี้ยวโกรธ แล้วเอาหมัดชกลงไปบนโต๊ะสูง จนทำให้เหยือกชาสั่นไหว
เหยาเยี่ยนอวี่รู้จักสตรีสาวคนนี้ นางเป็นภรรยาของเฮ่อจวินเหมิน เพราะเห็นนางยกน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมเข้ามาหนึ่งถ้วย จึงรีบกล่าวขอบคุณ
ฮูหยินเฮ่อคลี่ยิ้มบางๆ “คุณหนูอย่าโกรธเลย ท่านแม่ทัพของพวกข้ามีนิสัยที่ใจร้อนหน่อย ทว่าเขาไม่ได้คิดร้าย” ฮูหยินเฮ่อพูดไป ก็แอบเหลือบมองเหยาเหยียนอี้ที่กำลังโมโห
เหยาเยี่ยนอวี่แค่อุทานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่ชายของข้าก็ถูกสภาพเยี่ยงนี้ของข้าทำให้ตกใจ ภายในใจก็รู้สึกกระวนกระวาย ประเดี๋ยวฮูหยินช่วยบอกท่านแม่ทัพว่าอย่าได้ใส่ใจ”
ฮูหยินเฮ่อพยักหน้า แล้วเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง “นี่เป็นน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมป่าร้อยปีที่เป็นของพระราชทานจากฮ่องเต้ที่แม่ทัพเว่ยจางได้รับ คุณหนูรีบดื่มเถอะ”
“ขอบคุณฮูหยินแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่หันกายพิงลงบนเตียง แล้วชุ่ยเวยก็รีบคุกเข่าลงบนที่วางเท้าข้างเตียงนอน จากนั้นก็ตักน้ำแกงป้อนนางทีละช้อน
[1] จุดป๋ายฮุ่ย อยู่บริเวณกลางศีรษะ เป็นจุดรวบรวมเส้นลมปราณทั้งหลาย เป็นจุดที่มีเลือดและพลังมารวมกันอยู่เยอะ และเป็นจุดสำคัญในการบำรุงสมอง ปรับสมดุลหยินหยางในร่างกาย
[2] จุดเหรินจง เป็นจุดฝังเข็มส่วนกลางของร่องใต้จมูก เป็นจุดสำคัญในการปฐมพยาบาลกรณีหมดสติ และยังบรรเทาอาการบวมน้ำ เบาหวาน ปากเบี้ยว น้ำลายยืด คัดจมูก เลือดกำเดาไหล ลมชัก ขากรรไกรแข็ง ปวดตึงแนวสันหลังส่วนเอว ยังเป็นจุดฝังเข็มช่วยเสริมการระงับความรู้สึกที่ใช้บ่อยในการทำหมันหญิง ผ่าท้องคลอด และผ่าตัดกระเพาะอาหาร
[3] จุดถันจง อยู่ที่หน้าอกกึ่งกลางหัวนมทั้งสองข้าง เป็นจุดที่ปรับสมดุลชี่ตอนบน แก้อาการแน่นหน้าอก