ตอนที่ 423 อยากให้พวกเธอได้ชื่นชมฝีมือการทำอาหารของพี่ใหญ่ของพวกเธอสักหน่อย
“ได้ พี่หลิง ไม่มีปัญหา ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้วฉันขอกลับไปก่อนนะ” หลินเยียนเอ่ย
จ้าวหงหลิงลุกขึ้นส่งเธอ “ได้ เดินทางต้องระวังตัวนะ ช่วงหลายวันนี้ถ้าออกจากบ้านต้องระวังสักหน่อย จริงสิ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ปลอดภัยแน่นะ?”
หลินเยียนกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง “เอ่อ ก็อพาร์ตเมนต์เล็กๆ ที่เดิมนั่นล่ะ ดูแลความปลอดภัยดีมาก ปลอดภัยแน่นอน!”
บนโลกนี้คงไม่มีที่ไหนปลอดภัยกว่าสถานที่ที่เธออยู่แล้วล่ะ…
จ้าวหงหลิงผงกศีรษะ “งั้นก็ดี งานโปรโมทที่รับมาช่วงนี้กับอั่งเปาที่กองถ่ายให้เธอมาถือว่าไม่เลวอยู่ เธอลองซื้อรถสกู๊ตเตอร์ดูก็ได้ เธอขับออกมาข้างนอกเองจะได้ปลอดภัยสักหน่อย”
หลินเยียน “อืมๆ ฉันกำลังคิดอยู่พอดี กลับไปแล้วเดี๋ยวฉันจะไปดูรถนะคะ!”
ตัวตัวที่อยู่ด้านข้างพอได้ยินก็มีสีหน้าที่ยากจะบรรยายออกมาได้ทันที
ให้พี่เยียนขับรถเอง?
นั่นไม่อันตรายยิ่งกว่าเหรอ…
เธอยังไม่ลืมว่าตอนที่ถูกเหล่าปาปารัซซี่ไล่ตามและล้อมขวางทางนั้น หลินเยียนซิ่งรถยังไง…
…
เมื่อคุยกับ จ้าวหงหลิงเสร็จ หลินเยียนก็กลับไปที่คฤหาสน์เมฆ
เพิ่งกลับมาถึงคฤหาสน์ก็เห็นเผยอวี้เฉิงกำลังอยู่ในห้องครัว…
หลินเยียนกลืนน้ำลาย รีบเข้าไปใกล้ทันที “อะแฮ่ม คุณเผย…คะ…คุณกำลังทำกับข้าวงั้นเหรอคะ?”
เผยอวี้เฉิง “อืม กลับมาแล้วเหรอ อยากกินอะไร?”
หลินเยียน “…”
ทำไมถึงทำกับข้าวอีกแล้วล่ะ!
สวรรค์!
ทำไมเผยอวี้เฉิงถึงชอบทำกับข้าวมากขนาดนี้เนี่ย?
หรือว่าลูกพี่อย่างเขาจะหางานอดิเรกอื่นบ้างไม่ได้หรือไง?
เช่นตีกอล์ฟ ขับเครื่องบิน ขับเรือยอร์ชอะไรต่อมิอะไร มีตั้งมากมาย!
กลายเป็นว่าอยู่ที่นี่มาหลายวัน เธอพบว่าปกติแล้วเผยอวี้เฉิงใช้ชีวิตสุดแสนจะธรรมดายิ่งนัก ขอเพียงเลิกงานก็ต้องอยู่บ้าน
ตอนเขาอยู่บ้านนอกจากออกกำลังกายและว่ายน้ำ งานอดิเรกเพียงหนึ่งเดียวก็มีแค่ทำกับข้าว ศึกษาเมนูสุดดาร์คสารพัดอย่าง…
อย่างที่คิดเอาไว้ บนโลกนี้ไม่มีมนุษย์สมบูรณ์แบบ แฟนหนุ่มที่เหมือนพ่อเทพบุตรก็มีด้านที่เหมือนนรกด้วยเหมือนกัน!
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเผยหนานซวี่ไม่เคยกลับบ้านช่วงเวลาอาหารเย็น เผยอวี่ถังที่ชอบวิ่งกระโดดโลดเต้นเข้าประตูมาก็ไม่เคยปรากฏตัวช่วงเวลากินข้าว เลยทำให้หลินเยียนต้องทนรับอย่างเงียบๆ เพียงลำพัง
เดิมทีเธอเคยคิดจะหนี แต่เธอยังมีภารกิจ ก่อนหน้านี้รับปากซิงเฉินว่าจะหาโอกาสช่วยขอร้องให้เด็กสาวที่ชื่อหลิงเย่ว์คนนั้นแทนเขา
ช่วยไม่ได้ หลินเยียนได้แต่กัดฟันกลับมา แถมยังต้อง ‘เข้าข้างวายร้าย’ เป็นลูกมือให้เผยอวี้เฉิงด้วยตัวเอง
ไม่นานนักก็เตรียมอาหารเย็นที่ ‘พรั่งพร้อม’ เต็มโต๊ะเรียบร้อย
เมื่อยกอาหารที่มีอยู่ขึ้นโต๊ะทั้งหมดแล้ว หลินเยียนก็หยิบโทรศัพท์ออกมา หามุมที่ค่อนข้างสวยแล้วถ่ายรูปอาหารที่มีอยู่เต็มโต๊ะ
เผยอวี้เฉิงเห็นแบบนั้นก็มองหลินเยียนแวบหนึ่ง
หลินเยียนรีบจับโทรศัพท์และพูดอธิบาย “แค่กๆๆ คือว่านะ คุณเผย อาหารที่คุณทำช่างหน้าตาดีเหลือเกิน ถือเป็นผลงานศิลปะจริงๆ! ฉันอยากถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก! เก็บไว้เป็นที่ระลึกน่ะค่ะ เหอะๆ …”
พอหลินเยียนพูดจบก็ฉวยโอกาสช่วงที่เผยอวี้เฉิงไปยกน้ำแกงที่ห้องครัว ดึงเผยหนานซวี่กับเผยอวี่ถังเข้ากลุ่มสนทนาวีแชททันที
นี่ไม่ใช่รถที่ขับไปโรงเรียนอนุบาล [อ้าว! พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ดึงผมเข้ากลุ่มทำไม?]
เผยหนานซวี่ [พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?]
หลินเยียนโพสต์ภาพอาหารที่มีอยู่เต็มโต๊ะซึ่งเพิ่งจะถ่ายไปเมื่อครู่ลงในกลุ่มสนทนาทันที จากนั้นก็ส่งอีโมจิยิ้มลงไป
ไอฝนพรำแสงอาทิตย์สาดส่อง [ไม่มีอะไร แค่อยากให้พวกเธอได้ชื่นชมฝีมือการทำอาหารของพี่ใหญ่ของพวกเธอสักหน่อย (รูปหน้ายิ้ม)]
นี่ไม่ใช่รถที่ขับไปโรงเรียนอนุบาล […]
เผยหนานซวี่ […]
ตอนที่ 424 ไม่รู้สึกผิดต่อมโนธรรมบ้างรึไง?
เผยหนานซวี่กับเผยอวี่ถังคงรู้สึกผิด สองคนจึงส่งเครื่องหมายไข่ปลามาพร้อมกัน
ส่วนหลินเยียนก็ส่งเครื่องหมาย ‘ยิ้ม’ ต่อไป
ความหมายชัดเจนมาก พวกเธอไม่รู้สึกผิดต่อมโนธรรมบ้างรึไง?
ผ่านไปสักครู่ก็มีเสียงดัง ‘ติ๊ง’ ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เผยอวี่ถังส่งอั่งเปาให้เธอ จากนั้นก็ส่งมาอีกข้อความหนึ่ง
นี่ไม่ใช่รถที่ขับไปโรงเรียนอนุบาล : [พี่สะใภ้ใหญ่ ลำบากพี่แล้วนะครับ!]
เผยหนานซวี่ส่งอั่งเปาตามมาติดๆ
เผยหนานซวี่ : [พี่สะใภ้ใหญ่ลำบากแล้วนะครับ]
หลินเยียนรับอั่งเปาสองซองนั้นทันที แบบนี้ถึงรู้สึกว่าได้รับการปลอบใจกับเขาบ้าง
ถือว่าพวกเขายังมีคุณธรรมอยู่บ้างนะ…
ไม่นานนักเผยอวี้เฉิงก็ยกน้ำแกงชามสุดท้ายออกมา
หลินเยียนวิ่งเสียงดัง ‘ตึงๆๆ’ ไปเปิดโทรทัศน์ “พวกเราดูทีวีไปกินข้าวไปกันเถอะนะคะ!”
แบบนี้จะได้ดึงความสนใจของเธอออกไปบ้าง จะได้ไม่ทำให้เธอกินด้วยความทรมานมากนัก
เผยอวี้เฉิง “ได้”
ดังนั้นทั้งสองคนจึงนั่งด้วยกันอย่างสมานฉันท์ กินข้าวไปด้วยดูทีวีไปด้วย
ขณะนี้กินข้าวไปด้วยดูทีวีไปด้วยโดยมีลูกพี่ใหญ่ที่มีอำนาจพลิกชะตาชีวิตทุกคนนั่งอยู่ข้างกายในคฤหาสน์ระดับไฮเอนด์ที่มีราคาแพงลิบลิ่วมากที่สุดในเมืองตี้ตู คุ้มที่เกิดมาบนโลกแล้วจริงๆ!
เพียงแต่น่าเสียดายที่หลังจากหลินเยียนกัดเนื้อน้ำแดงคำแรกทุกอย่างก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านทันที เธอรู้สึกว่าเหมือนตัวเองมองเห็นยมทูตกำลังเดินถือเคียวมาหาเธอ…
“เมื่อวานเกาจื้อเวยผู้อำนวยการฝ่ายดูแลศิลปินของฉี่ซิง เอนเตอร์เทนเมนต์โพสต์เวยปั๋ว กล่าวหาดาราสาวหลินเยียนว่ามาขอทำเรื่องที่ไม่สมควรอย่างเปิดเผยเพื่อขอกลับเข้าบริษัท พอข่าวนี้ประกาศออกมาก็ก่อให้เกิดกระแสรุนแรงในอินเทอร์เน็ตทันที…”
หลินเยียนกำลังรับประทานอาหารอยู่ คิดไม่ถึงว่าโทรทัศน์กำลังฉายข่าวบันเทิงอยู่พอดี แถมตัวเอกในข่าวนี้คือตัวเธออีกต่างหาก
“เอ่อ…แค่กๆ…” หลินเยียนสำลักทันที
ทำไมแค่เปิดทีวีดูเฉยๆ ก็ยังเห็นข่าวซุบซิบของตัวเองอีกนะ
เหมือนเผยอวี้เฉิงจะสังเกตเห็นเนื้อหาที่อยู่ในโทรทัศน์ เคลื่อนสายตาไปมองหน้าจอทันที
“ตามรายงาน ก่อนหน้านี้หลินเยียนมีข่าวลือเสียหายกับศิลปินชายหลายคนอย่างต่อเนื่อง ช่วงนี้ได้รับความชื่นชอบจากแฟนหนังจำนวนไม่น้อยจากภาพยนตร์เรื่องคู่ปรับมหากาฬ แต่คาดไม่ถึงว่าผ่านไปแค่ไม่กี่วันนิสัยเดิมก็ออกลาย มีข่าวฉาวโฉ่แบบนี้ขึ้นมากอีกแล้ว…”
สมัยนี้มีแต่ทีวีสตรีมมิ่งแล้ว ดังนั้นจึงแสดงข้อความวิ่งได้ทันที ตอนนี้มีคำวิจารณ์จากชาวเน็ตวิ่งขึ้นมาจำนวนไม่น้อย
คำวิจารณ์เหล่านี้มีคนจำนวนน้อยยิ่งนักที่สงสัยว่าเกาจื้อเวยพูดปากเปล่าโดยปราศจากหลักฐาน แถมภาพที่ปาปารัซซี่แฉก็เป็นแค่รูปที่หลินเยียนเข้าออกฉี่ซิง เอนเตอร์เทนเมนต์เท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานที่แน่นหนาแม้แต่น้อย แต่คนส่วนใหญ่กลับหลงลืมเรื่องพวกนี้ไปเลย ข้อความวิ่งมีแต่คำด่าทอที่ไม่น่าอ่านทั้งสิ้น
[พูดปากเปล่าโดยปราศจากหลักฐานอะไรกันล่ะ! คนเขาเป็นถึงผู้อำนวยการของฉี่ซิง เอนเตอร์เทนเมนต์ ออกมาใช้ชื่อจริงยืนยันขนาดนี้ ยังจะใส่ความเธออีกงั้นเหรอ]
[ปาปารัซซี่ก็แฉภาพออกมาแล้ว โอเครึเปล่า! ถ้าเธอไม่มีพิรุธ งั้นจะไปหาเกาจื้อเวยกลางดึกกลางดื่นทำไม? ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่อันเชี่ยนเชี่ยนศิลปินที่อยู่บริษัทเดียวกับเธอก็ยังออกมาพูดเลย! พยานหลักฐานพร้อมมูล หลินเยียนยังคิดจะล้างมลทินอีกเหรอ ถึงตอนนี้เธอยังไม่ออกมาพูด ไม่ใช่เพราะมีชนักปักหลัง ยอมรับอย่างเงียบๆ อย่างงั้นเหรอ]
[ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสะอิดสะเอียนเหลือเกิน! ก่อนหน้านี้ฉันกลับชอบหลินเผี่ยนรั่วที่เธอแสดงมากขนาดนั้น ตอนนี้รู้สึกเหมือนกินอึแล้วจริงๆ! เธอไม่คู่ควรที่จะแสดงเป็นเทพธิดาของฉันเลย!]
[มะเร็งร้ายแบบนี้ควรไสหัวออกจากวงการบันเทิงตั้งนานแล้ว!]
……
หลินเยียนเคยชินกับคำก่นด่าพวกนี้จนเห็นเป็นเรื่องปกติมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับตัวสั่นงันงก แผ่นหลังเย็นวาบอย่างน่าประหลาด…