บทที่ 1641 ให้รู้ว่าอะไรคือโหดเหี้ยม
“ว้าว สุดยอดๆ! ถึงกับมีคนแย่งคนหลินน่าด้วย!”
“มีละครสนุกให้ดูแล้ว!”
สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยบางคนที่ไม่เคยเห็นเยี่ยหวันหวั่น ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ชัดเจนโห่ร้องอย่างตื่นเต้น
“ใคร! กล้าแย่งชายที่มารดาหมายปอง! ไม่อยากมีชีวิตแล้วเหรอ” ลั่วหลินน่าตะคอกพลางออกแรงสะบัดแส้หนึ่งที
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเก็บสายตาจากร่างผู้นำอาชูร่า เธอปล่อยแส้ออกก่อน จากนั้นก็หันตัวไปคล้องแขนของผู้นำอาชูร่าพร้อมกับมองหัวหน้าสาวสวยข้างหน้า ยกมุมปากขึ้นอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดหนึ่งคำ “ฉัน…”
พริบตาที่เยี่ยหวันหวั่นหันตัวมา ลั่วหลินน่าพลันหน้าถอดสี ตกใจจนแส้ในมือตกลงพื้นดัง ‘ตุบ’ เกือบคุกเข่าลงทันที “ผะ…ผู้นำ…!”
เชี่ย…ทะ…ทำไมถึงเป็นผู้นำพันธมิตรได้!
ลั่วหลินน่านึกไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าผู้มาเยือนจะเป็นบอสของตัวเอง ทั้งตัวคนยืนโง่งมอยู่ตรงนั้น…
เป๋ยโต่วเห็นสีหน้าของลั่วหลินน่าจากที่ไกลๆ ในใจก็ลอบสบถ เหอๆ นี่ก็ตกใจแล้ว ถ้าเธอรู้ว่าคนที่เธอตกคือใครจะไม่ตกใจตายเลยเหรอ…
“ผะ…ผู้นำ ยกโทษให้ด้วย..ฉะ…ฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณ!” ลั่วหลินน่าตกใจจนรีบก้มตัวขอความเมตตา ขอโทษอย่างตะกุกตะกักพลางชำเลืองมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเยี่ยหวันหวั่นพลาง
ไม่รู้ว่าแสงไฟสลัวเธอจึงตาฝาดหรือเปล่า ดวงตาว่างเปล่าเมื่อครู่นี้ของชายหนุ่ม หลังจากที่ถูกผู้นำคล้องแขนก็กลับดูลุกไหม้เหมือนเปลวไฟขึ้นมา…
เยี่ยหวันหวั่นเห็นลั่วหลินน่าแอบมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้าก็ยิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยนแล้วเอ่ยปากเสียงเรียบ “หลินน่า ถ้าเธอดูเขาอีกครั้งเดียวละก็ ฉันผู้นำเธออาจจะทำเรื่องโหดร้ายก็ได้นา…”
“ฉะๆๆ …ฉันผิดไปแล้วค่ะ! หลินน่าไม่ได้ตั้งใจ! ผู้นำโปรดยกโทษให้ด้วย!” ลั่วหลินน่าตกใจจนรีบก้มหน้าแล้วก็ไม่กล้ามองมากกว่านี้อีก
แงๆๆ น่ากลัวเป็นบ้าเลย!
หางตาของชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างจับจ้องสีหน้าแฝงกลิ่นอายคุกคามเต็มเปี่ยมนั้นของหญิงสาว ดวงตาที่เย็นชาเหมือนอ่อนโยนลงหลายส่วน…
“เด็กดี~” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะ จากนั้นจึงพาชายหนุ่มเดินเข้าข้างในโดยตรง
สังเกตเห็นชายหนุ่มเหมือนจะชักแขนกลับ เยี่ยหวันหวั่นก็อ้าปากเอ่ย “ท่านผู้นำอาชูร่า รบกวนดูหน่อยว่าตัวเองสร้างปัญหาได้มากขนาดไหน ฉันไม่ได้เอาเปรียบคุณหรอกนะ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ เกรงว่าทางไม่กี่ก้าวนี้ ทั้งคืนก็เดินไม่ถึง”
ผู้นำอาชูร่านิ่งเงียบ
เจียงเหยียนที่อยู่ด้านหลัง “นางจิ้งจอก!”
นี่มันข้ออ้างเอาเปรียบชัดๆ!
ทั้งพันธมิตรอู๋เว่ยเป็นหมาจิ้งจอกฝูงเดียวกันจริงๆ!
แสงไฟสลัว บรรดาแขกที่มุงดูความครื้นเครงอยู่ด้านข้างเห็นแค่ผู้หญิงที่ปรากฏตัวกะทันหันก็พาชายหนุ่มไปต่อหน้าต่อตาเจ้าแม่ลั่วหลินน่าแล้ว แขกส่วนใหญ่อื่นๆ ไม่รู้จักเยี่ยหวันหวั่น
ลั่วหลินน่าจอมโมโหร้ายนั้น มองชายหนุ่มที่ตัวเองถูกใจถูกแย่งไปเฉยๆ ถึงกลับยืนสั่นกลัวอยู่ตรงนั้น แม้แต่ผายลมก็ไม่กล้าปล่อย…
“เชี่ย! นี่มันสถานการณ์อะไร ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใครน่ะ”
“ไม่รู้สิ!”
…
แขกคนอื่นๆ ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่พวกกลุ่มพันธมิตรอู๋เว่ยนั้นไม่มีทางไม่รู้จักผู้นำตัวเองหรอก…
หลังเห็นผู้หญิงคนนั้นชัด สถานที่ที่เมื่อครู่ยังอึกทึกครึกโครมพลันเปลี่ยนไปเงียบฉี่เหมือนกองสุสานยังไงยังงั้น ไร้เสียงโดยสิ้นเชิง
เมื่อครู่พวกเขา…เห็นอะไร…
เมื่อครู่เยี่ยหวันหวั่นจดจ่อรอผู้นำอาชูร่า บวกกับไม่รู้จักคนของพันธมิตรหลายคน จึงไม่สังเกตว่าคนของตัวเองอยู่ที่นี่
เวลานี้เห็นเป๋ยโต่วกับชีซิงจึงค่อยรู้ว่าคนพวกนั้นตรงกลางคือคนในพันธมิตรอู๋เว่ย
ดังนั้นเธอย่อมต้องไปทักทาย
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งพาคนเดินไป กลุ่มคนที่ยังวุ่นวายโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งไร้ขอบเขตเมื่อครูก็พลันพากันนั่งหลังตรงแน่วอย่างกับเด็กประถม
“ผะ…ผู้นำ…ผู้นำเชิญนั่ง…”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นยิ้มพลางโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว คืนนี้ผู้นำพวกนายยุ่งมาก พวกนายตามสบายได้”
——————————————————————————————
บทที่ 1642 คนที่ตกเมื่อกี้คือใคร
เอ่อ…คืนนี้ยุ่งมาก…
ทำไมนี่…ฟังดูแปลกๆ ที่ตรงไหน…
พูดจบเยี่ยหวันหวั่นก็ควงคนเดินไปยังที่นั่งมุมหนึ่งของผับภายใต้สายตาของสมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยทุกคน
เจียงเหยียนก็เฝ้าอยู่ที่ตำแหน่งของโต๊ะนั้นที่ด้านหลังทั้งสองคนชนิดไม่ห่างสักนิ้วประหนึ่งเทพประตู
ถูกจับจ้องอย่างเข้มงวดเยี่ยหวันหวั่นก็หาได้สนใจไม่ ทำสิ่งที่ควรทำ
ไม่ไกลนัก สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยทั้งกลุ่มก็ถอนหายใจโล่งอกอย่างหวาดกลัวไม่หาย
“ตกใจกลัวแทบตาย!”
“ก็แหงละ นึกไม่ถึงว่าจะเจอผู้นำมาที่นี่ด้วย!”
ลั่วหลินน่าใกล้จะร้องไห้แล้ว เธอรีบยกเหล้ากรอกปากกดความพรั่นพรึง “ที่ตกใจกลัวแทบตายน่ะมันฉันต่างหากโอเคไหม มารดากลับมาได้ก็น่าอัศจรรย์สุดๆ แล้ว!”
ยังไงเมื่อกี้ก็เท่ากับแย่งอาหารจากปากเสือเชียวนะ!
เป๋ยโต่วพ่นเมล็ดแตงออกจากในปากอย่างหัวเราะหึๆ “นี่ก็ตกใจกลัวแล้วเหรอ งั้นถ้าเธอรู้ว่าผู้ชายคนที่เธอเพิ่งตกเมื่อกี้คือใครคงวิญญาณหลุดเลยแหละ!”
“เอ่อ…ผู้ชายคนที่ฉันตกเมื่อกี้…คือใครเหรอ” หลินลั่วน่าสงสัย
เป๋ยโต่วขยิบตา “เธอลองเดา”
ลั่วหลินน่าเอ่ยอย่างหมดคำพูด “ฉันขอล่ะพี่เป่ย เวลาอย่างนี้พี่ก็อย่าทำให้คาใจเลย”
เป๋ยโต่วยิ้มเอ่ย “เธออย่ารู้ดีกว่า ฉันกลัวจริงๆ ว่าเธอจะตกใจกลัวจนเกิดอะไรเอา!”
ลั่วหลินน่าดื่มวิสกี้หนึ่งอึกก่อนเลิกคิ้วเล็กน้อย “ตกลงว่าเป็นใครกัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผู้นำถูกใจชายคนนั้น ทั้งรัฐอิสระก็มีผู้ชายคนไหนที่ฉันไม่กล้าตกโอเคไหม นอกจากว่าเขาเป็นผู้นำอาชูร่า!”
ลั่วหลินน่าเพิ่มประโยคสุดท้ายนั้นอย่างส่งๆ
เป๋ยโต่วจ้องเธอเขม็ง ส่งสายตามีความหมายลึกซึ้งให้เธอ จากนั้นก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ยินดีด้วย เธอตอบถูก”
“พรวด—” ลั่วหลินน่าพลันไออย่างสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน เสียงแทบพุ่งทะลุเพดาน “พี่ว่าไงนะ!”
เป๋ยโต่วมีสีหน้าสุขใจบนความทุกข์คนอื่น “ฉันบอกว่า…คนที่เธอตกเมื่อกี้…ก็คือผู้นำอาชูร่า!”
“พี่แม่งกำลังแกล้งฉันเหรอ ขะ…เขาคือผู้นำอาชูร่า?” ลั่วหลินน่าสงสัยขึ้นมา
เป๋ยโต่วกลอกตาใส่เธอหนึ่งที “ขอร้องละ ไม่นานมานี้ฉันเห็นเขากับตาจะยังจำผิดได้ไง”
“เชี่ย! ครั้งนี้ผู้นำเล่นใหญ่ไปหรือเปล่า ไม่สิ…นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ…” ลั่วหลินน่าสั่นสะท้าน หน้าขาวเผือด “งั้น…ฉันใช้แส้นี้ของตัวเอง…แขวนคอตายเลยดีไหม…”
“สวรรค์! ผู้ชายคนนั้นคือผู้นำอาชูร่า…จริงหรือปลอมเนี่ย”
“ผู้นำนัดผู้นำอาชูร่ามาคุยธุรกิจหรือเปล่า”
“เอ่อ ช่างเถอะ จะเป็นธุรกิจได้ยังไง ธุรกิจแต่นัดคนมาผับกลางค่ำกลางคืนเรอะ พวกเราอย่าหลอกตัวเองกันเลย…”
“แค่กๆ …”
“แงๆๆ — ผู้นำพวกเราคุยอะไรอยู่กันแน่เนี่ย” หลังทุกคนตกตะลึงแล้ว ทั้งหมดก็จับจ้องไปยังโต๊ะที่มุมฝั่งตรงข้ามอย่างสุดแสนสงสัย
เวลาเดียวกันนั้น ที่ฝั่งตรงข้าม เยี่ยหวันหวั่นก็มองชายตรงหน้าอย่างยิ้มน้อยๆ “ผู้นำอาชูร่าไม่เจอกันหลายวัน คิดถึงฉันไหม”
เสียงดนตรีบนเวทีในผับพลันส่งเสียงหนวกหู ที่ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มเห็นแค่ว่าริมฝีปากของหญิงสาวหุบๆ อ้าๆ แต่กลับได้ยินไม่ชัดเจนว่าเธอพูดอะไร คิ้วจึงขมวดน้อยๆ
เยี่ยหวันหวั่นเห็นดังนั้นก็เหมือนคาดการณ์ไว้แล้ว เธอพลันขยับเข้าใกล้ข้างหูชายหนุ่มแล้วพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง “ไม่เจอกันนาน ท่านผู้นำอาชูร่าคิดถึงฉันไหม”
หญิงสาวขยับเข้าใกล้ฉับพลัน กลิ่นอายอุ่นร้อนพ่นใส่ข้างหูเขา สุ้มเสียงทั้งนุ่มและหวาน ชายหนุ่มรู้สึกแค่ว่ามีกระแสไฟฟ้าสายหนึ่งแล่นผ่านปลายประสาท แผ่นหลังพลันแข็งทื่อ ถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก