บทนำ
บทนำ
ยศพยัคฆ์
ใช่..ผมรู้จักเขา
ชายวัยสามสิบ เจ้าของร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาเค้าโครงชัดเจนมีแผลเป็นบากที่ขมับและลักยิ้มที่ขัดกับลุคของ ‘นายใหญ่’
ผมมักจะเห็นเขาวางตัวสบาย ๆ ถึงนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงจะไร้แววขี้เล่น แต่รอยยิ้มช่างเจรจาก็ปรากฎให้เห็นเสมอบนใบหน้าคมคายเมื่อเขากำลังพบปะผู้คน ทว่าในมุมหนึ่งพอไม่อนุญาตให้ใครเข้าถึง สีหน้าก็จะเปลี่ยนเป็นเย็นชาไม่ยี่หระต่อสิ่งเร้าใด ๆ
ในสายตาผม ผมว่าเขาค่อนข้างย้อนแย้ง
แต่..ใช่ ผมรู้จักเขา
เราเดินโฉบผ่านกันบ่อยไป ยิ่งตรงบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมและคาสิโน่ซึ่งเขาเป็นเจ้าของ ส่วนผมเป็นลูกค้าที่จ้องจะมากอบโกยเงินร้อน และเราก็ออกจะสบตากันบ่อย ๆ เมื่อในบางครั้งยศพยัคฆ์ นั่งดื่มอยู่ในโซน VIP บนเล้าน์ที่ทำเป็นชั้นลอย แล้วเขาบังเอิญมองลงมาในขณะที่ผมกำลังติดลมเล่นโป๊กเกอร์อยู่อย่างเมามัน
เขาดูจะให้ความสนใจผมที่ท่าทางไม่สนโลก ดวงตาไร้แววราวกับปลาตาย แต่พอผีพนันเข้าสิงเมื่อไหร่ กับเริงร่าดิ้นเร้า ๆ ราวกับปลาได้น้ำขึ้นมาทันที
ฮะ ๆ …
คงคิดละสิ ว่านี่แหละคือลูกค้าคนสำคัญ กำเงินมาเต็มมือ ทว่าความจริงแล้วสูทราคาแพงที่ผมใส่อยู่ก็สั่งตัดมาได้ด้วยเงินของผู้หญิงที่ซื้อผม และเงินที่ใช้ลงเล่นเกือบทั้งหมดก็เป็นเงินกู้มาก่อน จากแหล่งจ่ายในคาสิโน่ของเขานี่แหละ
แต่ระดับนายใหญ่ คงไม่นึกมาสนใจเรื่องยิบย่อยพวกนี้หรอก
เขาคงคิดว่าผมเป็นพวกลูกของชนชั้นกลางใจแตกอวดดีนึกอยากลองของ ลงเงินหนัก ๆ ในคาสิโน่ใหญ่ยักษ์ อะไรประมาณนั้นมั้ง ทั้งที่ความจริงผมไม่มีทั้งเงินและไม่มีพ่อมีแม่ด้วยซ้ำ
อา..ชีวิตอิสระ ช่างหน้าประทับใจจริง ๆ
นอกจาก ยศพยัคฆ์ ที่ผมเห็นจนคุ้นตา พายัพ ลูกน้องซึ่งดูเหมือนจะเป็นมือขวาของเขาเราก็คุ้นเคยดี
ผมเคยถูกเขากระชากแขน แล้วบอกให้ “กลับไปซะ” อย่างไม่มีการพูดทักทายใด ๆ
ก็ชวนให้อึ้งอยู่เหมือนกัน ปลายเท้าผมเกือบจะลอยหวืดไปตามแรงดึงนั่นด้วยซ้ำ
“คิดว่าอายุไม่ถึงหรือไง?” ผมจึงย้อนถาม ต้นแขนข้างที่ถูกมือหนารวบบีบเอาไว้แน่น รู้สึกเจ็บไปหมด
เรากำลังเดินผ่านกันที่ล็อบบี้ของโรงแรมเหมือนทุกที ผมกำลังเดินเข้าไปในขณะที่พยัคฒ์และพายัพ กับกลุ่มผู้ชายในชุดสูทสีดำกำลังเดินสวนออกมา
แต่ในจังหวะที่ผมสบตากับยศพยัคฒ์แล้วละสายตาไปมองพายัพ และเมื่อระยะห่างระหว่างเราทั้งคู่ใกล้เข้ามาจนเหลือเท่าช่วงแขน มือหนาก็ยื่นมาคว้าต้นแขนของผมเอาไว้
หลังจากเอ่ยไล่ให้ผมไป พายัพก็ขมวดคิ้ว ราวกับกำลังอดใจที่จะพูดบางอย่างต่ออีก เขาอาจกำลังคิดว่าผมเด็กเกินกว่าจะมาขลุกตัวทั้งวันอยู่ในคาสิโน่
เพราะถ้าเป็นงั้นจริง มันก็ผิดกฏ
ทว่าผมเปล่า
“22 แล้ว จะดูบัตรประชาชนด้วยไหม?” พอเห็นว่าเขายังเงียบ ผมเลยพูด พร้อมพยายามรั้งแขนกลับซึ่งมันไม่มีท่าทีว่าจะหลุดออกมาได้เลย
“พา” จนยศพยัคฆ์เรียกชื่อเขาออกมา พายัพถึงยอมปล่อยแทบทันที ก่อนที่พยัคฆ์จะหันมายิ้มให้ผม
“ถึงมันจะไม่ใช่ที่ของเด็ก แต่ก็ยินดีตอนรับแทนกาย..”
เป็นรอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกกดดันจนมวนท้องไปหมด เขาดูโคตรเลือดเย็น รอมยิ้มราวกับแค่สร้างขึ้นมาฉาบทับบางสิ่ง..
ที่กำลังคิดอยู่ในใจ
-NEXT-