ตอนที่91 ใจเสาะ
ต้องให้สาวสวยขึ้นขี่หลัง ฉีเล่ยเดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก
ไม่ใช่ว่าเขาเหนื่อยหรือหนัก แต่จำต้องคงสติให้อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ตลอดเวลา
ร่างกายของผู้หญิงคนนี้นุ่มนิ่มราวกับเค้ก เรือนร่างทุกสัดส่วนของเธอแนบชิดอยู่กับร่างกายของเขา ทั้งยังมีกลิ่นหวานจากน้ำหอมจางอ่อนที่พัดโชยเข้ามา ฉีเล่ยพยายามมุ่งความสนใจทั้งหมดอยู่กับตัวเอง เพื่อไม่ให้คิดเตลิดไปไกล และรีบไปส่งอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุด
ก่อนเลิกงาน เขานัดกับหลี่ถงซีว่าให้ไปเจอกันนอกมหาวิทยาลัย เพราะเขาไม่กล้าไปรอที่ใต้อาคารสาขาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันแล้ว แต่สุดท้ายฉีเล่ยกลับต้องพาเธอมาส่งที่นี่อยู่ดี
เมื่อพวกเขามาถึง สาวสวยก็สะกิดให้ฉีเล่ยปล่อยเธอลงและกล่าวว่า
“ขอบคุณมากนะสุดหล่อ ไปได้แล้ว แต่จำเอาไว้นะ ถ้าเข่าของฉันเจ็บขึ้นมาอีก ฉันจะไปหาคุณถึงที่แน่นอน ถึงเวลานั้นก็อย่าคิดหนีเด็ดขาด”
“ไม่ต้องห่วงครับ มีอะไรก็โทรมาได้ตลอด”
แม้เขาจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ฉีเล่ยยังคงกังวลว่า ผู้หญิงคนนี้อาจฉวยโอกาสจากอุบัติเหตุครั้งนี้ข่มขู่ขูดรีดเขา อย่างไรก็ตาม โชคยังดีที่เขาเป็นแพทย์ ย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีอาการเจ็บป่วยอะไรบ้าง ถ้าเธอกล้าข่มขู่ขูดรีดเขาจริง เขาเองก็มีวิธีจัดการกับเธอเช่นกัน
“สุดหล่อ โชคดีนะ”
สาวสวยคนนั้นยกมือป้องปากพลางหัวเราะคิกคักและโบกมือให้ฉีเล่ย
“สุดหล่องั้นเหรอ? หลินชูวโม่ นี่คุณปฏิเสธผมเพราะเห็นแก่ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้จริงเหรอ?”
ด้านหลังของสาวสวยคนนั้น ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านมาพอดี เขายืนกอดอกกล่าวสบประมาทขึ้นทันที
“…”
ฉีเล่ยยืนนิ่งไม่ไหวติง มาทำงานที่นี่ได้ไม่กี่วัน ก็มีเรื่องเกิดขึ้นกับตัวเขามากเท่าไหร่แล้วเนี่ย?
แค่ข่าวลือที่ว่าเขากับหลี่ถงซีคบกัน ก็ทำให้ชีวิตของฉีเล่ยยุ่งเหยิงพอแล้ว ทั้งๆที่ตัวเขาไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นเลยสักคน แต่สุดท้ายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตอนนี้ ดูท่าสาวสวยคนนี้เองก็น่าจะมีแฟนหรือไม่ก็คู่ครองอยู่แล้ว จู่ๆฉีเล่ยก็โดนปฏิบัติราวกับเป็นคู่แข่งหัวใจไปเฉยๆ นี่มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาค่อนข้างหน้าตาดี หล่อเหลามีสไตล์คนละแนวกับฉีเล่ย หน้าตาคมเข้มอย่างกับพระเอกหนังจีนเรื่อง‘ฤทธิ์มีดสั้น’อะไรเทือกนั้น
ถึงแบบนั้นก็เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของชายหนุ่มคนนี้ดูจะไม่พอใจอย่างมาก เขากล่าวขึ้นว่า
“น้ำหน้าอย่างนายฉกของๆฉันไปไม่ได้หรอก คิดจะชุบมือเปิบกันแบบนี้เลยเหรอ? หน้าไม่อายจริงๆ!”
สาวสวยคนนี้ก็คือหลินชูวโม่ เธอหันขวับไปมองสีหน้าพลันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที พร้อมจับจ้องชายหนุ่มคนนั้นด้วยสีหน้าที่สุดแสนจะเย็นชา
“หม่ารุ่ย เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย!”
“อ่อ อาจารย์หลินของเราสงสัยเปลี่ยนคู่ควงอีกแล้วจริงๆ เด็กคนนี้โชคดีมากเลยนะครับ”
หม่ารุ่ยเหลือบมองไปทางฉีเล่ยด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง
ฉีเล่ยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพล่ามอะไรใส่ แต่ในหัวกำลังครุ่นคิดอยู่ว่า ชื่อของผู้หญิงคนนี้ที่เพิ่งได้ยินไปมันฟังดูคุ้นหูมาก
หลินชูวโม่
ฉีเล่ยเอียงศีรษะราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่ ชื่อนี้ฟังยังไงก็ดูคุ้นเคยแปลกๆ เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง
ในอีกด้านหนึ่ง บทสนทนาภายนอกยังคงดำเนินต่อไป หลินชูวโม่กล่าวสวนไปว่า
“ไม่ว่าฉันกับเขาจะเป็นอะไรกัน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย!”
“ครับ ครับ มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว”
หม่ารุ่ยยักไหล่ใส่
“แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ ถ้าคุณจะหาใหม่ทั้งที ก็ช่วยหาผู้ชายที่มันอยู่ในระดับสูงกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ? ผมไม่ห้ามหรอกนะถ้าคุณจะมีผู้ชายใหม่ แต่ถ้าจะเปลี่ยนทั้งที ทำไมถึงเลือกเอาขยะข้างถนนมา? ผู้ชายแบบนี้แค่ผมหันหลังไปก็เจออยู่เต็มไปหมด”
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉีเล่ย และเขาเองก็ตั้งใจที่จะจากไปตั้งแต่ทีแรกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหลินชูวโม่หรือหม่ารุ่ยก็ตาม ต่างก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉีเล่ยทั้งสิ้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างเขาควรเข้ามาสอด นอกจากนี้ เขาเองยังสังเกตเห็นว่า รถของหลี่ถงซีไม่อยู่ที่ใต้อาคารแล้ว อีกฝ่ายคงจะขับไปรอเขาข้างนอกแล้วแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม จู่ๆผู้ชายคนนี้ก็ดันชี้ปลายหอกมาใส่เขา ไม่ว่าจะยังไง ฉีเล่ยก็รู้สึกไม่พอใจมากที่โดนด่าแบบนี้
“ขอโทษนะครับ”
ฉีเล่ยตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าอีกฝ่ายและกล่าวต่อว่า
“พวกคุณจะทะเลาะอะไรกันก็เรื่องของพวกคุณ แต่อย่าลากผมเข้าไปยุ่งด้วยจะได้ไหม? ผมไม่รู้จักทั้งคุณและผู้หญิงคนนี้”
หม่ารุ่ยดูตกตะลึงเล็กน้อยในทีแรก จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะเยาะพลางตบต้นขาของตัวเองไปหนึ่งที
“หลินชูวโม่ นี่คือผู้ชายที่เธอชอบนักชอบหนางั้นเหรอ? ขนาดได้เธอบนเตียงแล้วแท้ๆ พอเกิดเรื่องก็รีบตีตัวออกห่าง ไม่แม้แต่จะปกป้องเธอด้วยซ้ำ! ขยะแบบนี้เอาลงได้ยังไง?”
“หม่ารุ่ย! ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น! หุบปากหมาๆของนายแล้วฟังฉันให้ดี ที่ฉันปฏิเสธนายก็เป็นเพราะว่า ฉันไม่ชอบนาย มันก็แค่นั้นแหละ! อย่าคิดว่าตัวเองหล่อนิดหล่อหน่อยแล้วผู้หญิงทุกคนจะต้องคลานเข่าเข้าหา หน้าตาก็ไม่แย่นะ แต่สันดานทำไมเน่าเฟะแบบนี้! เคยสำเหนียกตัวเองบ้างไหม?”
หลินชูวโม่เริ่มอารมณ์เดือดขึ้นเรื่อยๆ เธอสูญเสียการควบคุมตัวไปโดยสมบูรณ์ อาศัยฝีปากที่แสนจัดจ้าน สาดคำด่าใส่หม่ารุ่ยชุดใหญ่
“งั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วอะไร? พี่น้องงั้นเหรอ?”
“เออ! ไม่ว่าจะเป็นอะไร นายก็อย่ามาแส่! ถ้าฉันเป็นแม่นาย และรู้ว่าลูกชายตัวเองสันดานเสียแบบนี้คงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว!”
ดูเหมือนว่าหลินชูวโม่ค่อนข้างมีประสบการณ์จัดจ้านกับสถานการณ์แนวนี้ ไม่ว่าเธอจะสาดคำด่าออกไปขนาดไหน ใบหน้าของเธอยังคงเรียบนิ่ง จังหวะหัวใจยังคงเต้นเสถียรเป็นปกติดี
“แก! นังตัวดี! เดี๋ยวก่อนเถอะ รอฉันได้เลย!”
ใบหน้าของหม่ารุ่ยบิดเบี้ยวน่าเกลียดหนัก เขาชี้หน้าใส่หลินชูวโม่ก่อนจะชี้ใส่ฉีเล่ยเป็นลำดับต่อมา เป็นที่ชัดเจนว่าแค้นนี้เขาจะต้องเอาคืนให้สาสม!
“เออ! ก็มาสิ! ยังรอหาพระแสงอะไรอีก?”
หลิวชูวโม่กระทืบเท้าใส่ไปที ยั่วโมโหอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน
“มีดีแค่เห่า เหอะ เหอะ…ใจเสาะแบบนี้ไงฉันถึงไม่ชอบ!”
สีหน้าของหม่ารุ่ยดูหม่นหมองหนักราวกับกำลังอมแมลงวันเน่าไว้ในปาก เขาชี้หน้าใส่หลินชูวโม่อีกครั้ง
“ได้! คอยดูเลย!!”
จากนั้นเขาก็ชี้หน้าใส่ฉีเล่ยเป็นรอบที่สอง
“เดี๋ยวมึงเจอดีแน่! รอก่อนเถอะ!”
แต่ในขณะที่เขากำลังจะจากไป
ฉีเล่ยยังไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ
จู่ๆฉีเล่ยก็บอกเบอร์มือถือของตัวเองไป
“13XXXXXXXXX”
หม่ารุ่ยหน้ากลับมาพร้อมเอ่ยถามขึ้นว่า
“หมายความว่ายังไง?”
ฉีเล่ยกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เบอร์มือถือผมเอง”
หม่ารุ่ยหัวเราะเยาะใส่
“ทำไม? อยากขอความเมตตา?”
ฉีเล่ยยักไหล่ตอบ กล่าวเจือน้ำเสียงขบขันว่า
“เปล่า คุณเข้าใจผิดแล้ว ก็คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากเจอดี? ถ้าหาตัวผมไม่เจอก็โทรมาแล้วกัน หรือถ้าเตรียมใจพร้อมเมื่อไหร่ก็อย่าลืมโทรบอก ไปเถอะครับ รีบกลับบ้านไปรวบรวมความกล้าซะนะ”
“มึง…ดี! ดีมาก! ปากดีจริงๆนะมึง!”
หม่ารุ่ยโกรธจัดจนแทบจะขาดใจตายตรงนี้แล้ว ไม่เหลือหน้าให้อยู่ต่อ เขารีบเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที
หลังจากผู้ชายคนนั้นเดินจากไปแล้ว ฉีเล่ยก็เหลือบมองหลินชูวโม่เล็กน้อย ขณะกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง สุดท้ายเขาก็หยุดไป
“ต้องการจะถามอะไรฉัน? ส่วนสูง อายุ น้ำหนักหรือประสบการณ์บนเตียงดีล่ะ? ถามมาเถอะ ฉันยินดีตอบทุกคำถาม”
หลินชูวโม่จับจ้องอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน พลางคลี่ยิ้มหวานส่งให้
“คุณคือหลินชูวโม่ อาจารย์สาวผู้โด่งดังคนนั้นใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
“ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณอยู่”
เท่าที่ฉีเล่ยรู้มา ถ้าเปรียบหลี่ถงซีเป็นดั่งน้ำแข็ง หลินชูวโม่ก็คือเพลิงผลาญ
หลินชูวโม่หัวเราะคิกคักตอบไปว่า
“เคยได้ยินเรื่องของฉัน? แล้วคนพวกนั้นพูดเกี่ยวกับฉันยังไงบ้าง?”
“ก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ต้องมีความกล้าขนาดไหนถึงเปิดใจรับฟังคำนินทาลับหลังตัวเองได้?”
หลินชูวโม่กล่าวตอบอย่างเฉยเมยว่า
“ต่อให้คุณไม่พูด ฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะ ฉันมันผู้หญิงใจง่ายประจำมหาวิทยาลัยนี้อยู่แล้วหนิ เปลี่ยนผู้ชายควงไม่ซ้ำหน้ารายสัปดาห์ คงได้ยินมาแบบนี้จริงไหม?”
“คุณก็รู้อยู่แก่ใจแล้วหนิ”
หลินชูวโม่ลอบกัดริมฝีปากเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่เริ่มเห่อร้อนขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น…สนใจมาเป็นผู้ชายของฉันไหม?”
“ขอตัวก่อนนะครับ”
ฉีเล่ยโบกมือลาและหมุนตัวเดินจากออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อน!”
หลินชูวโม่รีบตะโกนหยุดอีกฝ่าย
“ไม่สนใจลองคบกับฉันดูหน่อยเหรอ?”
ฉีเล่ยไม่แม้แต่จะเหลียวมองด้วยซ้ำ เพียงโบกมือลาให้เธออีกครั้งหนึ่ง ไม่แม้แต่สนใจว่าเธอจะเอ่ยกล่าวอะไรออกมา และรีบเดินจากออกไปทั้งแบบนั้น
“สุดหล่อ! อย่าลืมซะล่ะ! คุณยังติดหนี้ฉันอยู่นะ!”
“ถ้าเกิดเรื่องค่อยมาหาผมก็แล้วกัน อีกอย่างนะ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคุณเท่านั้น แต่มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผมด้วยว่าอยากเจอหน้าคุณไหม”
ทิ้งคำพูดไว้เพียงแค่หนึ่งประโยค จากนั้นฉีเล่ยก็เดินจากไปจนลับสายตา
ถ้าเขาหันหลังกลับไปมอง จะสังเกตเห็นได้ทันทีว่า หลินชูวโม่กำลังเม้มริมฝีปากอันอวบอิ่มของเธออยู่อย่างดุเดือด