ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ตอนที่ 79 จิตกระบี่ขั้นไท่อี่ ศัตรูคู่อาฆาตดับสิ้น

บทที่ 79 จิตกระบี่ขั้นไท่อี่ ศัตรูคู่อาฆาตดับสิ้น
ท่ามกลางสายธารมรรคกระบี่ หานเจวี๋ยค่อยๆ เดินไปข้างหน้าทีละก้าว ทีละก้าว นำหน้าผู้ฝึกสายกระบี่แต่ละท่านบนเส้นทางสายกระบี่นี้

นี่ไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่ง แต่เป็นความเข้าใจจิตกระบี่!

ระหว่างทางที่เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน หานเจวี๋ยก็มีเจตจำนงที่ชัดเจนต่อจิตกระบี่ของตนเอง

ทันใดนั้นเขาเกิดความสงสัยขึ้น

ผู้ใดอยู่ที่ปลายสุดของสายธารมรรคกระบี่สายนี้

ขณะนั้นเอง!

เงาร่างสีแดงชาดด้านหน้าพลันหันหน้ามาตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว “ยังไม่หยุดอีก! เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็กล้าสัมผัสแดนเซียน รนหาที่ตาย!”

เกิดเสียงดัง ตู้ม!

จิตกระบี่ลึกลับและน่าหวาดผวาระเบิดออกมา ม้วนตัวมาทางหานเจวี๋ย พริบตานั้นหานเจวี๋ยรู้สึกหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความตาย

หลังจากนั้นสายธารมรรคกระบี่แตกเป็นเสี่ยงๆ ตามมา หานเจวี๋ยราวกับตื่นขึ้นจากฝัน จิตรับรู้ของเขากลับสู่กายเนื้ออีกครั้ง

เขาหอบหายใจ เหงื่อโทรมเต็มศีรษะ

“คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่”

นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของผู้ทรงพลังระดับนี้ ลำพังเพียงจิตกระบี่ก็สามารถฉีกทึ้งเขาได้แล้ว

โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าสังหาร มิเช่นนั้นจิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยอาจถูกทำลายได้

ดูท่าหลังจากนี้จะโลภมากไม่ได้อีกแล้ว

ต้องรู้จักยับยั้ง นอกเสียจากตนเองจะมีตบะแข็งแกร่งไม่เป็นรองใคร

[ยินดีด้วย ท่านบรรลุจิตกระบี่ระดับไท่อี่ นามว่าจิตกระบี่หวนคืน]

[เนื่องจากท่านบรรลุจิตกระบี่ไท่อี่เป็นครั้งแรก ท่านจะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณระดับหก ขั้นไท่อี่–เบาะสงบจิตใจ]

[เบาะสงบจิตใจ: สมบัติวิญญาณระดับหก ขั้นไท่อี่ สามารถช่วยเสริมความเร็วในการฝึกฝน ทำให้จิตใจสงบและระงับมารในใจ]

ขั้นไท่อี่?

หรือจะเป็นขั้นที่อยู่เหนือโลกมนุษย์?

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ เขารีบนำเบาะสงบจิตใจออกมาทันที

เบาะนี้ดูแล้วธรรมดานัก ไม่ต่างอะไรกับเบาะในอารามเต๋าปกติทั่วไป แต่พอหานเจวี๋ยนั่งลงไปกลับรู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งร่าง ความตกใจจากการขู่ขวัญของเซียนกระบี่ลึกลับก่อนหน้านี้ได้อันตรธานหายไปหมดสิ้น

หานเจวี๋ยยกมือขวาขึ้น กระบี่เล็กเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้นบนกลางฝ่ามือ

จิตกระบี่หวนคืน!

ในที่สุดเขาก็มีจิตกระบี่ของตัวเอง!

หลังจากนี้หากมีคนมาท้าประลองถึงที่ เขาจะใช้จิตกระบี่หวนคืนบดสังหารทันที พุ่งไปยังเป้าหมายที่จะฆ่า พยายามไม่ให้ทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบ ไม่ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวขนาดใหญ่เกินไป

หานเจวี๋ยถอนหายใจหนักๆ เริ่มทำการฝึกฝน

ขณะเดียวกัน แสงสีม่วงบนท้องนภาก็เริ่มสลายหายไป

ทั่วหล้าต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้ หานเจวี๋ยไม่ได้โผล่หน้าออกไป แต่กลับมีผู้แอบอ้างจำนวนไม่น้อยกล่าวว่าตนเองเป็นผู้ที่ฟ้าลิขิตนำพาให้เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้

และทั้งหมดนี้หานเจวี๋ยไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทราบก็ไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด

……

เขตอุดร สำนักมารปีศาจ

ภายในหุบเขาที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง ศิษย์จำนวนหลายร้อยคนกำลังนั่งสมาธิอยู่ด้วยกัน พวกเขาหันหน้าไปทางศิลาจารึกก้อนหนึ่ง บนศิลาสลักอักขระสีเลือดที่คลุมเครือยากแก่การเข้าใจอยู่หนึ่งแถว

ซูฉีก็อยู่ในนั้นด้วย เขากำลังมีสีหน้ากลัดกลุ้ม

เขาไม่อยากเรียนวิชามารของสำนักมารปีศาจ เขาไม่อยากเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร เขาอยากเป็นผู้บำเพ็ญสายหลัก

เพียงแต่เหตุใดอาจารย์เขาถึงยังไม่ลงมือ

ตั้งแต่เข้าร่วมสำนักมารปีศาจ เขามักจะถูกรังแกอยู่บ่อยๆ เพราะว่าเขาไม่อยากไปก่อกรรมทำเข็ญกับผู้บำเพ็ญสายมารเหล่านั้น ผู้ที่เข้ากันไม่ได้อย่างเขาย่อมถูกขัดแข้งขัดขา โชคดีที่ศิษย์ที่รังแกเขาเหล่านั้นมักจะตายด้วยเหตุการณ์แปลกประหลาด ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครกล้ายุแหย่เขา

ซูฉีรู้ดีว่าจะต้องเป็นอาจารย์ที่แอบช่วยเขา

ดูท่าสำนักมารปีศาจนี้จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่อาจารย์ยังไม่กล้าลงมือง่ายๆ

ตอนนั้นเอง

พลันมีเงาร่างปรากฏขึ้นที่ด้านข้างศิลาจารึกที่อยู่ตรงหน้า

“เหล่าศิษย์ทั้งหลายรีบกลับสำนัก ผู้อาวุโสเซียวเอ้อร์ดับสูญแล้ว ศิษย์ทั้งหมดต้องไปกราบไหว้!”

ผู้ที่เข้ามาตะโกนเสียงดัง เมื่อวาจานี้ดังขึ้น ผู้คนทั้งหมดก็เกิดความโกลาหล

ผู้อาวุโสดับสูญ!

ในสำนักมารปีศาจ หากอยากจะขึ้นเป็นผู้อาวุโส อย่างน้อยต้องมีตบะระดับสุญตา

ผู้ทรงพลังระดับสุญตาคนหนึ่งดับสูญ?

นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก!

บรรดาศิษย์พากันลุกขึ้น ก่อนเหาะไปทางสำนัก

ซูฉีตามฝูงชนไป ลอบรู้สึกตื่นเต้น “หรืออาจารย์จะลงมือแล้ว จะต้องเป็นเขาแน่ ในเขตอุดรก็ไม่มีสำนักใดกล้ายุแหย่สำนักมารปีศาจ ผู้บำเพ็ญระดับสุญตาก็ไม่อาจดับสูญโดยไม่มีเค้ามูล”

อีกด้านหนึ่ง

ภายในศาลบรรพชนแห่งหนึ่ง

ร่างของเซียวเอ้อร์นอนอยู่บนพื้น ด้านข้างมีกระถางธูปขนาดใหญ่ที่มีธูปเทียนปักอยู่ ควันสีเทาผูกมัดวิญญาณที่อ่อนแอของเขาไว้

รอบด้านมีบุคคลระดับสูงของสำนักมารปีศาจยืนล้อมอยู่ราวสิบคน

เจ้าสำนักถูเฉวียนเอ่ยปากกล่าวด้วยสีหน้าหม่นหมอง “ศิษย์น้องเซียวเอ้อร์ มีอะไรอยากจะสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่”

พวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว จนใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้

วิญญาณของเซียวเอ้อร์จะคงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะสลายไป ตกลงไปในวัฏสงสาร และแยกจากพวกเขาโดยความตายนับจากนี้ แม้ว่าจะกลับชาติมาเกิด แต่ชาติหน้าก็ไม่อาจจดจำกันได้

เซียวเอ้อร์อยู่ในสภาวะเลอะเลือน เขาได้ผ่านความสิ้นหวังมาแล้ว ก่อนตายเขานึกย้อนกลับไป ค้นพบว่าปัญหาต้นตอทั้งหมดเกิดขึ้นหลังกลับจากต้าเยี่ยนในครั้งนั้น

เขานึกถึงใบหน้างดงามของหานเจวี๋ย

ไม่รู้เพราะเหตุอันใดเขาถึงมีแรงกระตุ้นอย่างรุนแรง ตั้งแต่ถูกหานเจวี๋ยทำลายแผนการ เขาก็ไม่สมความปรารถนามาโดยตลอด ความโชคร้ายต่างๆ นานาเกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย หลังจากบำเพ็ญเพียรอยู่ช่วงเวลาหนึ่งก็เผชิญกับมารในใจ

ขจัดความเป็นไปได้ทั้งหมดแล้ว ที่เหลืออยู่นั้นต่อให้จะเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน!

สายตาของเซียวเอ้อร์ค่อยๆ กลับมามีประกายอีกครั้ง เขามองดูเหล่าพี่น้องของตนเองแล้วกัดฟันกล่าว “อย่าไปต้าเยี่ยน! อย่าไปต้าเยี่ยน! อย่าได้ยุแหย่สำนักหยกพิสุทธิ์ในต้าเยี่ยนเป็นอันขาด…”

นี่คือคำกล่าวเตือนด้วยความจริงใจจากเซียวเอ้อร์

เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าหานเจวี๋ยทำร้ายตนเองอย่างไร แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ยอย่างแน่นอน

ศัตรูที่ลึกลับแปลกประหลาดน่ากลัวที่สุด!

เซียวเอ้อร์ไม่อยากให้สำนักมารปีศาจเจริญรอยตามเขา

ส่วนเรื่องการแก้แค้น…

เซียวเอ้อร์ประสบกับความโชคร้ายมามากมายเช่นนี้ เขาไม่คิดแก้แค้นมาเสียนานแล้ว ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าในภายหน้าสำนักมารปีศาจจะไร้ซึ่งปัญหาและอุปสรรค ส่วนตนเองนั้น

ไปเกิดในครรภ์ที่ดีเถิด

ถูเฉวียนขมวดคิ้วเอ่ยถาม “หรือที่เจ้าทำอะไรไม่ราบรื่นในหลายปีที่ผ่านมานี้ ล้วนเป็นเพราะสำนักหยกพิสุทธิ์ของต้าเยี่ยน?”

เขาหันหน้าไปมองคนอื่นๆ เอ่ยถามขึ้น “ต้าเยี่ยนคือสถานที่ใด”

ฝูงชนพากันส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อต้าเยี่ยนมาก่อน

วิญญาณของเซียวเอ้อร์ก็เริ่มสลาย เขากล่าวอย่างอ่อนแรง “ศิษย์พี่ ไม่ต้องแก้แค้นให้ข้า…อย่าได้ยุแหย่สำนักหยกพิสุทธิ์ของต้าเยี่ยนตลอดกาล…”

ยังพูดไม่ทันจบ วิญญาณของเขาก็สลายไปราวกับควัน

ฝูงชนในสำนักมารปีศาจตกอยู่ในความเงียบ

ในสมองของเขามีความสงสัยอยู่อย่างเดียว

สำนักหยกพิสุทธิ์ของต้าเยี่ยนอยู่ที่ใด

……

หลังจากบรรลุจิตกระบี่หวนคืน หานเจวี๋ยปิดด่านฝึกฝนอีกแปดปี

เวลาแปดปี สำหรับเขาและสำนักหยกพิสุทธิ์แล้วไม่นับว่ามีความหมายอะไร แต่สำหรับศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์บางทีอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานช่วงหนึ่ง

ด้วยเบาะสงบจิตใจ ทำให้หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับสุญตาขั้นเก้าแล้ว

จำต้องกล่าวว่า สมบัติวิญญาณไท่อี่ก็ยอดเยี่ยมจริงๆ!

วันนี้

หานเจวี๋ยมาตรวจสอบสถานการณ์ของต้นฝูซังที่นอกถ้ำ และถือโอกาสยืดเส้นยืดสายไปในตัว

สวินฉางอันมองเห็นโอกาส รีบลุกขึ้นทำตามท่าทางของหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยไม่สนใจเขา เปิดดูค่าความสัมพันธ์ เพื่อตรวจดูจดหมาย

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีของราชาปีศาจ]

[โจวฝานสหายของท่านถูกสิบสำนักไล่สังหาร]

[โจวฝาน สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญฝ่ายธรรมมะ] x4883

[โจวฝานสหายของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส บังเอิญพบเจอกับผู้ทรงพลัง รอดพ้นจากวิกฤตชีวิตและความตาย]

[เซียวเอ้อร์ศัตรูคู่อาฆาตของท่านดับสูญ ร่างดับ มรรคสลาย วิญญาณไหลสู่วัฏสงสาร]

[เซียนซีเสวียนสหายของท่านหลงเข้าไปในโบรานสถานของแดนศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล]

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ปีศาจ] x6,942

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านทำให้มนุษย์และปีศาจเกิดความเคียดแค้น]

……

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเซียวเอ้อร์ดับสูญแล้ว!

เขารู้สึกประหลาดใจทันที

ในช่วงเวลาการฝึกฝนที่จืดชืด นอกจากตบะที่เพิ่มขึ้นแล้ว นี่เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้เขารู้สึกดีใจ

ดูเหมือนหนังสือแห่งความโชคร้ายยังคงได้ผล

หานเจวี๋ยกังวลใจมาตลอดว่าสำนักมารปีศาจจะมาโจมตี ตอนนี้เซียวเอ้อร์ตายแล้ว คาดว่าคงมาไม่ได้อีก อย่างไรเสียเซียวเอ้อร์ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนสาปแช่ง

ไม่มีเซียวเอ้อร์แล้ว

หลังจากนี้ก็ได้แต่สาปแช่งราชาปีศาจเตี่ยนซู่

ไม่รู้ว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะยืนหยัดได้นานเพียงใดกัน

……………………………………….

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset