เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) – ตอนที่ 107 ระบบตัดสินใจทำการทดลอง

บทที่ 107 ระบบตัดสินใจทำการทดลอง
ฟางหนิงหยิบ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เล่มใหญ่ออกมาและยื่นให้หมาเหลืองเซวียปา

หมาเหลืองเซวียปารีบยืนสองขา และยื่นขาหน้าทั้งสองข้างออกไปรับ

ฟางหนิงไม่ได้สนใจ และวางลงบนขาของมันโดยตรง

เสียง ‘บู้ม’ ดังขึ้น หมาเหลืองเซวียปาทรงตัวไม่อยู่ มันล้มลงกับพื้น แต่ในชั่วพริบตา มันก็พลิกตัว และรับหนังสือเล่มหนาด้วยท้องอันอ่อนนุ่มเอาไว้ โดยไม่ปล่อยให้หนังสือเปื้อนฝุ่นแม้แต่น้อย

สมแล้วที่เป็นสุนัขเด็กเรียนชอบอ่านหนังสือ หวงแหนหนังสือทีเดียว ฟางหนิงจึงตระหนักได้ว่าตัวเองคิดไม่รอบคอบเอาซะเลย สุนัขเด็กเรียนฉลาดเกินไป จึงมองมันเป็นมนุษย์โดยไม่รู้ตัว มันเพิ่งฟื้นตัวเล็กน้อย การวิ่งเร็วเพราะใช้สี่ขา ตอนนี้ใช้สองขาหน้าถือหนังสือเล่มหนาเล่มนี้ไว้ และต้องยืนด้วยอีกสองขา จึงยากที่จะทรงตัวให้อยู่

ฟางหนิงจึงต้องก้มลงหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้น เขาไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีวิทยายุทธ์แบบเทพแห่งระบบ พลังจิตวิญญาณแห่งเทพที่ได้ฝึกฝนมาก็ไม่แข็งแกร่งมากพอ ไม่อย่างนั้นก็ควรจะให้หนังสือลอยขึ้นมาเอง จึงจะน่าเชื่อถือมากกว่า

เมื่อหมาดำไป๋หลี่เท่อได้ยินเสียงนั้น มันก็ยกศีรษะขึ้นจากขาหน้าอย่างเงียบๆ มันเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดูหมิ่นให้เพื่อนของมัน “ดูสิ วันๆ แกเอาแต่อ่านหนังสือ ขาดการออกกำลังกาย แม้แต่หนังสือเล่มเดียวก็ถือไม่ไหว ไร้ประโยชน์จริงๆ ระวังตอนแก่จะป่วยและพิการล่ะ…”

หมาเหลืองมองกลับ “เรื่องของฉัน…”

ฟางหนิง “เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาไปไว้ในห้องหนังสือ พวกแกอย่าลืมจับตาดูหนังสือให้ดี อย่าให้คนนอกเข้าใกล้ นอกจากเจิ้งเต้า ฉันจะบอกเขาเองในตอนหลัง เซวียปาตอนนี้แกเรียนรู้เองก่อน แล้วค่อยสอนเขา ยังไงแกก็มีความรู้ด้านการฝึกฝนมากมาย น่าจะเรียนรู้ได้ไวกว่า”

หมาเหลืองลุกขึ้นนั่งยองๆ “เจ้านายวางใจได้ แม้เซวียปาจะจะไม่กินไม่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็จะทำความเข้าใจกับหนังสือเล่มนี้ให้เร็วที่สุด และถ่ายทอดให้กับเจิ้งเต้า”

ฟางหนิง “อืม ถ้าอย่างนั้นก็ดี ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มยังพอมีเวลาเหลือ ฉันทำงานหนักมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวจะพักสักหน่อย เซวียปาตอนนี้แกไปห้องหนังสือกับฉันก่อน และเฝ้าหนังสือให้ดี ไป๋หลี่แกกำยำล่ำสัน ตามมาเฝ้ายามให้กับห้องหนังสือแล้วกัน อย่าปล่อยให้ใครรบกวนเซวียปา งานเลี้ยงไล่ปีศาจยังต้องใช้เวลาเตรียมการอีกสักพัก อย่าให้เสียเวลาเปล่า”

พูดจบ ฟางหนิงก็หยิบหนังสือขึ้นและเดินไปยังห้องหนังสือ

หลังจากฟังคำสั่งของเจ้านายแล้ว เจ้าหมาเหลืองก็กระดิกหางเดินตามไปอย่างภาคภูมิใจ ส่วนเจ้าหมาดำก็ทำได้เพียงเดินตามอีกฝ่ายอย่างหมดอาลัยตายอยากด้วยท่าทางราวกับกำลังโค้งคำนับให้กับลูกพี่คนใหม่

หลังจากฟางหนิงไปถึงห้องหนังสือและวาง ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ บนโต๊ะ แล้วสั่งการเพียงไม่กี่คำ เขาก็บอกว่าตัวเองจะไปพักผ่อนและให้มันตั้งใจศึกษา

หมาเหลืองเซวียปาพยักหน้า ทันทีที่ฟางหนิงออกไป มันก็รีบไปที่โต๊ะ นั่งยองๆ บนเก้าอี้แล้วตั้งตัวตรง และใช้ขาหน้าข้างหนึ่งเปิดหนังสือเล่มหนาเล่มนั้นอย่างระมัดระวัง

ในเวลานี้ เจ้าหมาดำไป๋หลี่เท่อกำลังหมอบอยู่หน้าประตูห้องอ่านหนังสือ โดยทำตามคำสั่งของเจ้านาย ทำหน้าที่ผู้รักษาความปลอดภัยอย่างว่าง่าย

หลังจากที่หมาเหลืองเซวียปาเปิดอ่านคร่าวๆ แล้ว มันก็พูดอย่างตื้นตันใจว่า “ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ไม่ธรรมดาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าภายในหนังสือจะสมบูรณ์และประณีตทั้งข้อความและภาพประกอบ และอธิบายได้ละเอียดมาก ถ้าฉันทำไม่ได้อีก ก็ไม่ต่างจากเจ้าหมาบ้ากล้ามบางตัว! เจ้านายช่างดีกับเราเสียจริง ฮือๆ ตื้นตันใจจริงๆ…”

เมื่อเจ้าหมาดำไป๋หลี่เท่อได้ยิน ก็คิดว่าสุนัขเด็กเรียนจงใจอวดอีกแล้ว

มันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย จึงหันไปมอง แต่เห็นว่าเจ้าหมาเหลืองกำลังน้ำตาคลอเบ้าจริงๆ พลันพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “โอ้ว เจ้าสุนัขเด็กเรียน ไม่คิดว่าแกจะเอาจริง น้ำตาจะไหลออกมาอยู่แล้ว ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง? แกเพิ่งร้องไห้ครั้งล่าสุดตอนจะโดนหนูยักษ์ต้มไม่ใช่หรือ?”

“หมาบ้ากล้ามอย่างแกไม่เข้าใจหรอก” หมาเหลืองเซวียปาใช้ขาหน้าเช็ดน้ำตา และส่งสายตา ‘ดูหมิ่น’ จากนั้นก็ตกไปในความทรงจำอันยาวนาน “คิดๆ แล้วเซวียปาก็ติดตามเจ้านายมาทั้งหมดสองคน และทำตัวสุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวังมาโดยตลอด เจ้านายเองต่างก็ดีกับฉัน อนุญาตให้ฉันเปิดอ่านหนังสือได้ตามต้องการ แต่ทักษะวิชาระดับสูงเหล่านั้นจะถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด ไม่แม้แต่จะให้ฉันได้เห็นแม้แต่ตัวอักษรเดียว ซึ่งมันก็คือธรรมชาติของมนุษย์ ฉันไม่เคยปรารถนาสักนิด แต่ทักษะวิชาที่ฉันกำลังฝึกฝนอยู่ตอนนี้ ฉันต้องแลกด้วยครึ่งชีวิตของตัวเองถึงจะได้มา”

“หลังจากติดตามเจ้านายคนใหม่ ฉันทำงานเพียงเล็กน้อย เจ้านายใหม่ก็ปฏิบัติกับฉันดีเช่นนี้ ฮือๆ แกรู้ไหมว่าทักษะวิชาในหนังสือเล่มนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก ถือเป็นสมบัติล้ำค่าในโลกของเราเลยล่ะ”

“ไม่เพียงเท่านี้ แต่ในหนังสือเล่มนี้ยังบันทึกเคล็ดลับการฝึกฝนทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งได้อธิบายอย่างชัดเจนด้วยภาพและข้อความ แกเองก็รู้ว่าไม่ว่าที่ใดก็ตาม เคล็ดลับการฝึกฝนทักษะวิชาระดับสูงเช่นนี้จะถ่ายทอดผ่านคำพูดจากปากต่อปากเท่านั้น จะไม่มีการบันทึกเป็นข้อความ คิดไม่ถึงว่าเจ้านายกลับเขียนลงบนหนังสือทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าเขาไว้ใจสุนัขอย่างฉันมากแค่ไหน ฉันจะตั้งใจศึกษา รีบฝึกให้สำเร็จโดยเร็ว และช่วยเหลือเจ้านายให้มากกว่าเดิมในอนาคต…

หมาดำไป๋หลี่เท่อเป็นสุนัขนักกล้าม ไม่เคยสนใจที่จะอ่านหนังสือเลย แต่การฝึกฝนไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมันแน่นอน มันเป็นสุนัขนักกล้ามที่เสพติดการฝึกฝน และเข้าใจในความทรงพลังของการฝึกฝนมากที่สุด

มันไม่ได้ตอบโต้ในทันที แต่กลับพยักหน้า “แกพูดถูก เคล็ดลับการฝึกฝนคือสิ่งล้ำค่าที่สุด ทักษะวิชาที่ฉันได้ฝึกฝนนั้น ก็ได้รับหลังจากที่ได้สร้างผลงานที่ต้องเสี่ยงตายเลยทีเดียว เจ้านายคนใหม่มีความจริงใจกับเราจริงๆ เอาล่ะ ไป๋หลี่เท่อจะไม่ลืมที่จะออกกำลังกาย รีบฟื้นฟูความแข็งแกร่ง รีบสร้างผลงาน และให้เจ้านายสอนให้ฉันด้วย”

หมาเหลืองเซวียปาตอบกลับ “อืม จิตสำนึกของแกไม่เลว แค่สร้างผลงานสักหน่อย เจ้านายจะต้องสอนแกด้วยแน่ ดังนั้นตอนนี้ต้องเชื่อฟังเจ้านาย เฝ้าประตูให้ฉันดีๆ อย่าปล่อยคนนอกเข้ามาแม้แต่คนเดียว หลังจากฉันอ่านจบและท่องได้แล้วก็จะคืนให้เจ้านายโดยเร็ว จะปล่อยให้เคล็ดลับการฝึกฝนเหล่านี้รั่วไหลออกไปไม่ได้”

หมาดำไป๋หลี่เท่อพยักหน้าเห็นด้วยและนั่งเฝ้าประตูอย่างว่าง่าย

หลังจากนั่งเฝ้าประตูอยู่พักหนึ่ง มันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่ามันได้ลืมสิ่งที่สำคัญอย่างมากไป

มันคิดไม่ออกอยู่พักใหญ่ และเมื่อเห็นว่าสุนัขเด็กเรียนกำลังใจจดใจจ่อกับหนังสือ จึงไม่กล้าถาม

ตอนนี้มันคือสุนัขตัวโปรดของเจ้านาย กำลังโด่งดัง และเป็นลูกพี่คนใหม่ จะไปรบกวนลูกพี่อ่านหนังสือไม่ได้ เจ้านายเองก็พูดชัดเจนแล้ว

หมาดำครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่ามีอะไรผิดปกติ ‘บ้าจริง ที่แท้ตัวเองก็ลืมวิดพื้น!’

การเฝ้ายามจะไม่ทำให้ฉันเสียเวลาหรอกหรือ? อย่างไรก็ตาม ตนจมูกไวอยู่แล้ว ถ้ามีใครเข้าใกล้จำต้องได้กลิ่นแต่ไกล ไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่งแบบนี้หรอก

ดังนั้น มันเริ่มวิดพื้นไป เฝ้ายามไป…

ช่างเป็นสุนัขที่โง่เขลาเสียจริง หมาเหลืองรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวนี้ เมื่อเห็นเจ้าหมาดำกำลังวิดพื้น ก็พลันกลอกตา แต่ขี้เกียจสนใจมัน จึงฟุบอ่าน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ …

ฟางหนิงง่วงนอนมาก แต่เขายังคงอดทนกับความง่วง และกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องต่างๆ ของงานเลี้ยงไล่ปีศาจ

“เจิ้งเต้า การไล่ปีศาจครั้งนี้ประสบความสำเร็จ แกก็มีความดีความชอบในการจัดการประสานอยู่มาก ฉันตัดสินใจจะถ่ายทอดทักษะวิชาระดับสูงให้แก ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าให้รั่วไหลออกไปเชียวล่ะ”

เมื่อได้ยินที่เทพมังกรศักดิ์สิทธิ์พูด เจิ้งเต้ารีบพูดขึ้นว่า “ทั้งหมดนี้อยู่ในขอบเขตของนายท่าน ไม่จำเป็นต้องให้รางวัล”

ฟางหนิงโบกมือ “ไม่ต้องพูดมาก แกสามารถไปเรียนรู้กับเซวียปาในภายหลัง เมื่อครู่ฉันสั่งมันไว้แล้ว ตอนนี้มันน่าจะกำลังเรียนรู้ทักษะวิชาเล่มนั้นอยู่ แกไปยุ่งเรื่องของตัวเองเถอะ ฉันทำงานหนักเกินไป ต้องการพักผ่อนสักหน่อย”

เจิ้งเต้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก เพิ่งผ่านมานานเท่าไรเองที่ท่านเทพมังกรศักดิ์สิทธิ์ถ่ายทอดทักษะตัวเบาขั้นสูงให้เราด้วยตัวท่านเอง นี่เป็นแค่หน้าที่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่คิดว่าท่านเทพมังกรศักดิ์สิทธิ์จะใช้โอกาสนี้ในการถ่ายทอดทักษะวิชาคงกระพันให้เราด้วยตัวเองอีก นั่นเป็นเพราะกลัวว่าเราเองจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้และจะถูกปีศาจมาทำร้ายอีก

เขารู้ได้จากน้ำเสียงของท่านเทพมังกรศักดิ์สิทธิ์ว่าง่วงนอนมาก ดูเหมือนการกำจัดปีศาจครั้งนี้เหนื่อยมากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพียงแค่จดจำน้ำใจไมตรีนี้ไว้ในใจลึกๆ จากนั้นก็โค้งคำนับและจากไป

เมื่อเห็นอีกฝ่ายจากไป ฟางหนิงจึงเดินเข้าไปในห้องนอนเดี่ยวชั้นบนของอัศวิน A ในที่สุดก็สามารถนอนพักจริงๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง

การเป็นเจ้านายไม่ง่ายเลย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ต้องใช้เวลานานมาก นี่มีลูกมือแค่สามคนเท่านั้น ถ้ารับลูกมือเพิ่มอีกสองสามคนล่ะก็ จะเอาเวลาที่ไหนมาเล่นเกมอยู่ที่บ้านอีก?

ฟางหนิงนอนอยู่บนเตียงและถอนหายใจ

เขาพบว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใช้ร่างของตัวเองนอนเป็นเวลานานแล้ว นี่อาจแปลกเล็กน้อย แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก นอนก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที แต่การใช้ร่างกายของตัวเองนอนมันหลับสบายมากกว่า…

หลังจากฝึกฝน ความคิดฟุ้งซ่านก็หายไปอย่างรวดเร็ว อยากนอนหลับก็หลับ ฟางหนิงหลับตาลงไม่นานก็ผล็อยหลับไป

หลังจากฟางหนิงหลับไปไม่นาน แจ้งเตือนของระบบก็ปรากฏขึ้น

ระบบกำลังคิด…

ระบบกำลังคิด…

ระบบตัดสินใจทำการทดลอง…

แม้ว่าระบบแจ้งเตือนจะชัดเจนมาก แต่ในเวลานี้ฟางหนิงกลับหลับลึก จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าเจ้าไอคิวที่มักจะค้างชำระเงินกำลังจะเริ่มเดินทางเพียงลำพังอีกครั้ง…

หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที ร่างกายของอัศวิน A ก็ลุกขึ้นจากเตียงจริงๆ

คงไม่ต้องบอกนี่เป็นเพราะเทพแห่งระบบรู้สึกว่าโฮสต์หลับไปแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงได้แอบกลับไปครองร่างอีกครั้ง ปากบอกว่าให้อิสระโฮสต์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่ในเมื่อโฮสต์หลับไปแล้ว อย่างไรก็ตามการรีทรีทจะสามารถใช้เวลาตื่นตัวของโฮสต์ได้ มันไม่มีทางปล่อยร่างกายให้เสียเปล่าแน่นอน

ฟางหนิงไม่รู้เลยว่าระบบแอบใช้เวลานอนของเขา ซึ่งก็แค่ห้านาที…

อัศวิน A เปิดหน้าต่างและลอยออกไป

ไม่มีใครในฟาร์มสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาเลย นอกจากเจ้าหมาดำและเจ้าหมาเหลืองในห้องหนังสือ ที่ได้กลิ่นเจ้านายของตัวเองกำลังออกจากฟาร์มวิลล่าอย่างรวดเร็ว

สุนัขทั้งสองรู้สึกตื้นตันใจ ‘เจ้านายบอกว่าไปพักผ่อน ซึ่งน่าจะยังพักไม่ถึงห้านาทีหรือเปล่า? จะออกไปผดุงคุณธรรมอีกแล้ว ความขยันหมั่นเพียรนี้ มีใครบนโลกสามารถทำได้อีกไหม? พวกฉันจะต้องขยันให้มากกว่านี้’

ทันใดนั้น เจ้าหมาดำก็ได้เร่งความถี่ในการวิดพื้น ส่วนเจ้าหมาเหลืองเองก็เร่งความเร็วในการพลิกหนังสือด้วย…

อัศวิน A ตรงไปตลอดทางประหนึ่งมีจุดหมายที่ชัดเจน

ในที่สุดเขาก็ลงจอดอย่างเงียบๆ ในฟาร์มวิลล่าชานเมืองอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกับของเขามาก

ในเวลานี้คุณนายจ้าวนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงใหญ่ มีคนกลุ่มใหญ่อยู่ที่นั่นด้วย พ่อบ้าน คนสวน รปภ. หมอส่วนตัว ครูสอนพิเศษ ฯลฯ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีคนกว่าสิบคน

กองกำลังนี้ใหญ่กว่าของฟางหนิงมาก แต่เขาก็สามารถจัดการให้เป็นระเบียบโดยไม่รู้สึกยุ่งยากอะไรเลย ในทางกลับกัน ฟางหนิงซึ่งต้องดูแลผู้ติดตามเพียงสามคนก็ยังดูแลไม่ทั่วถึงนั้นไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้านายเลยจริงๆ

คุณนายจ้าวใบหน้าเปี่ยมเมตตา และพูดกับพวกเขาว่า “เพียงพริบตาเดียวก็ย่างเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว อีกไม่นานก็ถึงวันขึ้นปีใหม่แล้ว ลำบากทุกคนแล้วนะ ไม่ง่ายเลยที่ต่างก็ผ่านปีนี้มาได้อย่างปลอดภัย หลังจากนี้พวกคุณไปรับอั่งเปาที่พ่อบ้าน ถือว่าเป็นรางวัลปีใหม่ล่วงหน้าแล้วกัน ส่วนคนที่ต้องการกลับบ้านในช่วงปีใหม่ ต้องระมัดระวังความปลอดภัยให้มาก อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว ให้ไปในที่ที่มีคนมาก”

“ขอบคุณคุณนาย” ทุกคนต่างแสดงสีหน้าซาบซึ้ง ทุกครั้งที่มีวันสำคัญเจ้านายก็มักจะให้เงินฉลองเทศกาล ให้ในวันปีใหม่ และตรุษจีนจะได้มากกว่า ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำความผิดใหญ่หลวง ทุกคนจะได้รับเงินก้อนโต

“เอาล่ะ พวกคุณไปได้แล้ว”

ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานต่อ

คุณนายจ้าวมาที่ห้องโถงด้านข้างเพื่อหาประธานจ้าว

“ใกล้ถึงวันปีใหม่แล้ว พรุ่งนี้คุณเชิญเสี่ยวฟางมาที่บ้านหน่อยสิ”

เมื่อประธานจ้าวได้ยินก็เงยหน้าขึ้น และวางหนังสือพิมพ์ในมือลง บนหนังสือพิมพ์มีพาดหัวข่าวสีดำอันเขย่าขวัญ ‘พบศพลอยน้ำปริศนาในพื้นที่ขนาดใหญ่ของน่านน้ำทางเหนือ สงสัยว่ามาจากทางตะวันออก’

“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว” ประธานจ้าวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ฉันจะส่งข้อความวีแชทให้เจ้าเด็กคนนี้เดี๋ยวนี้เลย”

คุณนายจ้าว “อื้ม เหยาเหยายังฝึกกู่ฉินอยู่ที่ชั้นบนไหม?”

ประธานจ้าว “ใช่ โรงเรียนของเธอกำลังจะจัดงานราตรีวันปีใหม่ เธอเองก็ได้สมัครเข้าร่วมรายการโชว์ด้วย กำลังฝึกเพลงโบราณเพลงหนึ่งที่ชื่อ ‘กว่างหลิงส่าน’ และยังบอกอีกด้วยว่าเป็นเวอร์ชันจีคังหรืออะไรทำนองนั้น ผมไม่เข้าใจ”

“เด็กผู้หญิงควรเรียนรู้กู่ฉิน หมากล้อม การเขียนอักษรจีน และการวาดพู่กันจีนให้มากเข้าไว้” คุณนายจ้าวไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่พยักหน้าแสดงความพอใจเท่านั้น ดูเหมือนเธอจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ จึงพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจว่า “เอ๊ะ ดูเหมือนฉันจะเห็นอะไรบางอย่างแวบผ่านไป ตาแก่จ้าวคุณอย่าเพิ่งขยับนะ ฉันจะไปดูรอบๆ สักหน่อย”

……………………………………………………………

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)

SBTS, 我被系统托管了
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!? ... จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset