“เอ่อ…นี่ข้าอยู่ที่ไหนกัน?”
หลู่เส่าโหย่วส่ายศีรษะอันหนักอึ้ง เขาสัมผัสได้ว่ารอบตัวนั้นเต็มไปด้วยน้ำ ความเจ็บปวดทางร่างกายทำให้การรับรู้ของเขาด้านชา เพียงแค่ลมหนาวพัดผ่าน ร่างของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อนึกถึงสภาพตัวเองในตอนนี้ หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกขนหัวลุกและลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบเพียงความมืดมิด เขาอาศัยแสงจันทร์จางๆ บนท้องฟ้าจึงทำให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในแม่น้ำ
“โอ๊ย!”
เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังขึ้น หลู่เส่าโหย่วรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่กำลังแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของตน ความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาหมดสติไป
ตอนที่ฟ้าเริ่มสาง หลู่เส่าโหย่วจึงค่อยๆ รู้สึกตัว และเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำ ก็แทบจะทำให้เขาหมดสติไปอีกครั้ง
“นี่โชคดีหรือโชคร้ายกัน ดันข้ามมิติมาต่างโลก นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” หลู่เส่าโหย่วมองดูรอบด้านจากการที่เขาอ่านนิยายข้ามมิติไปต่างโลกมามากมาย ประกอบกับภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำ นั่นก็ทำให้เขารู้ว่าตัวเองได้ข้ามมิติมาที่โลกนี้แล้วจริงๆ โอกาสที่จะข้ามมิติได้นั้นยากยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเสียอีก แต่เขากลับได้เจอเรื่องเหล่านี้กับตัวเอง
เมื่อหลู่เส่าโหย่วนึกย้อนกลับไป เขานั้นเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยธรรมดา มีหน้าที่การงานทั่วไป แต่ในตอนที่เขาช่วยเถ้าแก่เนี้ยถ่ายเอกสารนั้นดันเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ด้วยโชคของเขานั่นเองที่ทำให้เขาข้ามมิติมายังโลกนี้
ชาติที่แล้วเขานั้นไร้ซึ่งอนาคต การได้ข้ามมิติมาก็ย่อมเป็นเรื่องดีแล้ว ไม่แน่ว่าในชาตินี้เขาอาจมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ตามนิยายต่างโลกที่เขาเคยอ่าน คนที่ข้ามมิติมานั้นต่างก็ไม่มีใครมีชีวิตย่ำแย่ หากไม่มีภรรยาหลายคน ก็เป็นผู้โดดเดี่ยวที่แข็งแกร่งหรือแย่ที่สุดก็อาจเป็นเพียงคนร่ำรวยธรรมดา แต่ว่าตัวเขาคงไม่โชคร้ายถึงขนาดนั้นหรอก
หลังจากแน่ใจแล้วว่าตัวเองข้ามมิติมา หลู่เส่าโหย่วก็ไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกว่าตัวเองได้รับการปลดปล่อย เพราะชาติก่อนเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไร้ซึ่งอนาคต
“ที่นี่คือที่ไหนกัน ทำไมข้าถึงข้ามมิติมาอยู่ในสถานที่เฮงซวยเช่นนี้” หลู่เส่าโหย่วสังเกตรอบตัว และเริ่มนึกถึงความทรงจำในจิตใจที่ไม่ใช่ของตัวเขาเอง
เพียงครู่หนึ่ง หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกอยากจะฆ่าตัวตายขึ้นมาเพื่อดูว่าเขาจะสามารถข้ามมิติได้อีกครั้งหรือไม่ คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนายน้อยหรือเจ้าชายผู้เกิดมาในตระกูลใหญ่ที่แข็งแกร่ง ไม่ก็กลายเป็นลูกหลานของผู้มีอำนาจ
แม้เจ้าของร่างที่เขาข้ามมิติมาสิงสู่นั้นก็มีศักดิ์เป็นนายน้อยเช่นเดียวกัน และที่น่าแปลกใจคือชายหนุ่มผู้นี้ก็มีนามว่าหลู่เส่าโหย่วเหมือนกันกับเขา ปีนี้มีอายุสิบหกปี แต่นายน้อยคนนี้กลับเป็นลูกนอกสมรส ทำให้สถานะในตระกูลต่ำต้อยยิ่งกว่าคนรับใช้ แม้แต่แม่ของเขาก็ยังเป็นคนรับใช้ในตระกูล ซึ่งภายหลังจากการให้กำเนิดหลู่เส่าโหย่วก็โดนคู่สมรสคนก่อนกดขี่ข่มเหง มีชีวิตย่ำแย่ยิ่งกว่าคนรับใช้เสียอีก
สองแม่ลูกคู่นี้ยามปกติก็โดนผู้คนในตระกูลรังแก แม้กระทั่งข้ารับใช้ของตระกูลก็ไม่นำทั้งสองมาใส่ใจ โดยเฉพาะเหล่าแม่บ้านและคนรับใช้ที่ทำหน้าที่ดูแลทั้งสองก็ยังรังแกสองแม่ลูกมาตั้งแต่เขายังเด็ก
อย่างเมื่อวานนี้ เพียงเพราะนายน้อยคนนี้ขัดแย้งกับคนรับใช้สองสามคำก็โดนพวกเขารุมทุบตี แต่การลงมือนั้นหนักเกินไปจนทำให้นายน้อยผู้นี้เกิดเสียชีวิตขึ้นมา ด้วยความร้อนรน พวกเขาจึงนำร่างของนายน้อยผู้นี้ไปโยนทิ้งที่หน้าผา แต่ไม่รู้ว่าถูกทิ้งที่หน้าผาใด ศพของเขาถึงตกลงไปในแม่น้ำใต้หน้าผานั้น และโชคของเขาก็ทำให้เขาข้ามมิติมาอยู่ในร่างของนายน้อยผู้นี้
เมื่อนึกถึงประสบการณ์ชีวิตอันน่าสงสารหลังข้ามมิติ เขาก็รู้สึกอยากจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา นี่เป็นเพราะตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายกันนะ ชาติก่อนเขาเองก็ไม่เคยได้ทำความดีอะไร โชคของเขาเลยกลายเป็นเช่นนี้
หลู่เส่าโหย่วไร้ซึ่งหนทาง ได้แต่ยอมรับสิ่งที่ตามมา การได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งเห็นทีไม่ว่าอย่างไรจะยอมตายง่ายๆ ไม่ได้ แค่รอดจากความตายมาได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว เขาว่ากันว่าหลังเกิดเรื่องราวใหญ่โตแล้วยังไม่ตาย ต่อจากนี้ไปจะต้องพบเจอกับเรื่องดีๆ แน่นอน
“นับเรื่องที่เราชื่อหลู่เส่าโหย่วเหมือนกัน และข้ายังใช้ร่างกายของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าแก้แค้นและดูแลแม่ของเจ้าเอง” หลู่เส่าโหย่วพึมพำ
ทันทีที่พูดจบ จิตใจของเขาก็รู้สึกแจ่มใสขึ้นมา ความขุ่นมัวที่เคยมีในจิตใจก็ได้หายไปแล้ว
“แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความคับแค้นมากมาย ความแค้นเคืองของเจ้า ข้าจะหาโอกาสสะสางให้เอง” หลู่เส่าโหย่วแหงนมองท้องฟ้าและกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อพูดจบ หลู่เส่าโหย่วก็ต้องหาทางแก้ไขปัญหาตรงหน้าก่อน ตอนนี้เขาใช้หลังพิงท่อนไม้ที่ลอยอยู่กลางน้ำ อากาศอันหนาวเหน็บทำให้น้ำในแม่น้ำแห่งนี้เย็นเฉียบ หรือเพราะเขาแช่อยู่ในน้ำมานานจนชาจึงทำให้เขาเริ่มสูญเสียการรับรู้
หลู่เส่าโหย่วพยายามดิ้นรนว่ายไปยังริมแม่น้ำ แต่เพราะขาทั้งสองข้างถูกทุบตีจนหักทำให้เขาได้แต่สบถออกมา แขนทั้งสองข้างที่เริ่มแรกดูไม่เป็นไร แต่เมื่อเขาเริ่มออกแรง เขาถึงได้รู้ว่าแขนของตัวเองก็หักลงด้วย ทำให้ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้แรงได้เลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ว่ายไปจนถึงริมแม่น้ำเลย เพียงขยับแค่เล็กน้อยก็ยังทำไม่ได้
“สวรรค์ อย่าทำเช่นนี้กับข้าสิ” หลู่เส่าโหย่วบ่นกับท้องฟ้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนนี้เขาขยับแทบไม่ไหว คงจะต้องถูกแช่แข็งจนตายทั้งเป็น
“หวือ…”
หลู่เส่าโหย่วได้ยินเสียงของอะไรบางอย่าง ราวกับมีสัตว์ปริศนาแหวกว่ายในน้ำอย่างรวดเร็ว
“คงไม่ใช่สัตว์อสูรหรอกใช่ไหม” คำว่า ‘สัตว์อสูร’ ที่น่ากลัวได้ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา โลกใบนี้ต่างกับโลกก่อนของเขาอย่างสิ้นเชิง ที่นี่เคารพผู้แข็งแกร่ง ทั้งยังมีสัตว์อสูรกับสัตว์วิญญาณเช่นเดียวกับที่มีผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกวิญญาณ
ในโลกนี้ผู้ฝึกยุทธ์กับผู้ฝึกวิญญาณนั้นมีสถานะสูงส่ง โดยเฉพาะผู้ฝึกวิญญาณที่มีสถานะสูงส่งเป็นอย่างมาก
แต่ร่างที่เขาสิงอยู่นั้น ไม่สามารถเป็นได้ทั้งผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้ฝึกวิญญาณ จึงมีสถานะในตระกูลต่ำต้อยยิ่งกว่าคนรับใช้
“กา…”
ในตอนที่หลู่เส่าโหย่วคิดว่าสัตว์อสูรกำลังใกล้เข้ามานั้น ก็เกิดเสียงกรีดร้องขึ้นบนท้องฟ้า และเหมือนมีเมฆดำเคลื่อนผ่านตรงหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ที่ท้องฟ้าก็ปรากฏนกยักษ์ขนาดหลายร้อยเมตรอยู่บนนั้น
นกยักษ์กางปีกทั้งสองข้าง วนอยู่บนศีรษะของหลู่เส่าโหย่ว นกตัวนี้มีลักษณะคล้ายกับเหยี่ยว มีขนสีคราม แต่ขนตรงใต้ท้องเป็นสีขาว ทั้งยังมีกรงเล็บทั้งสองข้างที่คมกริบ สายตาทั้งคู่ของมันกำลังจ้องเขม็งลงมาที่หลู่เส่าโหย่ว
“สัตว์อสูร…หรือว่าตัวข้าที่พึ่งข้ามมิติมาจะต้องกลายเป็นมื้อเที่ยงของสัตว์อสูรแล้วอย่างนั้นหรือ” หลู่เส่าโหย่วตกใจอย่างมาก ในชาติก่อนเขาเคยเห็นเหยี่ยวที่ตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อนที่ไหนกัน เขายิ้มอย่างขมขื่น สงสารตัวเองที่ไม่อาจขยับได้ในตอนนี้ แม้จะถูกเหยี่ยวยักษ์จับกิน เขาก็ทำได้เพียงมองดูเฉยๆ อย่างไร้ซึ่งหนทาง
“หวือหวือ…”
หลู่เส่าโหย่วรู้สึกว่าที่ด้านหลังของเขามีตัวอะไรบางอย่างกำลังขยับอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็เหมือนมีเสียงปีกกำลังกระทบกับผืนน้ำจนทำให้เกิดคลื่น หลู่เส่าโหย่วจึงลอยไปข้างหน้าตามแรงของคลื่นน้ำนั้น
“กากา…”
บนท้องฟ้า เหยี่ยวยักษ์ตัวนั้นกรีดร้อง แววตาของมันฉายแววดุร้าย เพียงแค่กระพือปีกก็ทำให้เกิดสายลมรุนแรง ในชั่วพริบตากรงเล็บของมันที่หดตัวอยู่ก็คลายออก จากนั้นเจ้าเหยี่ยวยักษ์ก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
“ชีวิตข้าจบสิ้นแล้ว” หลู่เส่าโหย่วหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ เขาพึ่งข้ามมิติมาไม่นานก็ต้องกลายเป็นมื้อเที่ยงของสัตว์อสูร ดวงของเขาจะซวยเกินไปแล้ว
“หวือ…” ตอนที่หลู่เส่าโหย่วกำลังสิ้นหวัง ก็เกิดแสงสีดำเคลื่อนผ่านตรงหน้าไปอย่างรวดเร็ว เงาดำโผล่ออกมาจากด้านหลังของเขา การเคลื่อนไหวนั้นทำให้เขาเห็นว่ามันคือสัตว์อสูรบินได้หลายร้อยเมตรที่ลักษณะคล้ายกับค้างคาว เพียงแต่มันมีสีขาวบริสุทธิ์ทั้งตัว เมื่อหลู่เส่าโหย่วมองขึ้นไป เขาก็พบว่าใต้ท้องของมันมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่มีเลือดกำลังไหลออกมา คาดว่ามันน่าจะได้รับบาดเจ็บ
“ปัง! ปัง!”
เพียงชั่วพริบตา สัตว์อสูรขนาดใหญ่สองตัวบนท้องฟ้าก็ปะทะกันอย่างสมบูรณ์ เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลู่เส่าโหย่วไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้เพียงเคลื่อนตัวลอยไปตามกระแสน้ำ
สัตว์อสูรทั้งสองปะทะกันหลายครั้ง หลู่เส่าโหย่วเห็นอสูรเหยี่ยวยักษ์กระพือปีก กางกรงเล็บที่แหลมคมไปทางอสูรค้างคาวอย่างดุร้าย
“กรี๊ด…” สัตว์อสูรที่เหมือนค้างคาวส่งเสียงแหลมออกมา ท่ามกลางความตกใจ หลู่เส่าโหย่วเห็นหมอกสีขาวพุ่งออกมาจากปากของอสูรค้างคาว
เมื่อหมอกขาวพุ่งผ่าน ความเหน็บหนาวจนถึงกระดูกก็แผ่ซ่านไปในอากาศ ทำให้น้ำในแม่น้ำเริ่มแข็งตัวขึ้น
อสูรเหยี่ยวยักษ์ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งทันที และร่างขนาดใหญ่ของมันก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
“ปัง!” ร่างของอสูรเหยี่ยวยักษ์ตกลงมาใส่พื้นน้ำแข็งด้านล่าง ทำให้ผิวน้ำแข็งแตกละเอียด อสูรค้างคาวที่ในตอนนี้มีสภาพอ่อนแอเป็นอย่างมากค่อยๆ เคลื่อนที่ไปทางอสูรเหยี่ยวยักษ์อย่างเชื่องช้า
“สวบ!!”
หลู่เส่าโหย่วเห็นอสูรค้างคาวอ้าปากเผยให้เห็นฟันที่แหลมคมของมัน จากนั้นก็ฉีกกระชากหน้าท้องของอสูรเหยี่ยวยักษ์ในครั้งเดียว ทำให้ลูกแก้วสีฟ้าโปร่งแสงขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารกกลิ้งไปบนพื้นน้ำแข็งพร้อมกับร่องรอยของเลือด