“อืม” หลู่เส่าโหย่วตอบเบาๆ แล้วนั่งลง แม้ว่าขนมและอาหารจะอร่อย แต่ตอนที่เขากินมันลงไป เขากลับไม่รู้ถึงรสชาติอะไรเลย เมื่อคิดว่าท่านแม่ยังต้องลำบาก ทั้งตัวเขาเองก็ยังไม่มีวิธีหาเงินยี่สิบเหรียญทอง ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกหดหู่
“เส่าโหย่ว เจ้ามีเรื่องอะไรในใจอย่างนั้นหรือ?” หลู่หวู๋ซวงถาม เมื่อเห็นท่าทางของหลู่เส่าโหย่ว
“ไม่มี ข้าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น” หลู่เส่าโหย่วหันกลับมาตอบ
“เส่าโหย่ว เมื่อวานที่สวนด้านหลัง เจ้าคิดว่าความสามารถด้านวรรณกรรมของชุยอวี่เป็นอย่างไรบ้าง” หลู่หวู๋ซวงกล่าวถามเบาๆ
“บทกวีสื่อถึงอารมณ์ได้ดีมาก นางดูไม่เหมือนสาวใช้เลย” เขาตอบอย่างไม่คิดมาก ที่แท้สาวใช้นางนั้นก็ชื่อว่าชุยอวี่ แต่เขารู้สึกว่าสาวใช้คนนี้ไม่เหมือนสาวใช้ทั่วไป
“เหมือนว่าเจ้าจะดูออกเช่นกัน แต่ว่าความสามารถด้านวรรณกรรมของเจ้าก็เหมือนจะสูงส่งกว่านางนัก เมื่อวานเจ้าทำให้ข้าเหมือนได้เห็นโลกใบใหม่เลย” หลู่หวู๋ซวงกล่าวพร้อมมองหลู่เส่าโหย่ว
“ข้าเพียงแค่ทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร เปิดปากพูดออกมาเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรมากมาย”
“เส่าโหย่ว เจ้าได้คิดถึงอนาคตของตัวเองกับป้าสามบ้างหรือไม่?” หลู่หวู๋ซวงถาม
“ท่านคิดว่า ข้ายังมีอนาคตอีกหรือ?” หลู่เส่าโหย่วหัวเราะ
“จากที่ข้าเห็นเมื่อวาน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป แต่ว่าเจ้าไม่สามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์กับผู้ฝึกวิญญาณได้ เส่าโหย่ว ถ้าหากเจ้าคิดดีแล้ว อยากให้ข้าช่วยอะไร เจ้ามาหาข้าได้นะ”
“พี่หวู๋ซวง ข้ามีเรื่องรีบร้อนอยากให้ท่านช่วยพอดี” หลู่เส่าโหย่วลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ
“พูดมาเถอะ หากสามารถทำได้ ข้าจะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน” หลู่หวู๋ซวงกล่าว
“ข้าอยากจะยืมเงิน ตัวเลขนั้นไม่น้อยเลย ข้าอยากจะยืมยี่สิบเหรียญทอง” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย ทั้งในชาติก่อนและในชาตินี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขายืมเงินจากผู้หญิง เขาที่เป็นลูกผู้ชายนั้น เรื่องยืมเงินจากผู้หญิงช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนัก
“ยี่สิบเหรียญทอง ไม่เยอะ แต่ก็ไม่น้อย เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าจะนำเงินไปทำสิ่งใด?”
“ภายหลังค่อยบอกท่านได้หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้”
“ข้าเชื่อเจ้า ในนี้มีเงินอยู่ห้าสิบเหรียญทอง หากไม่พอ ก็มาหาข้า” หลู่หวู๋ซวงกล่าวพร้อมกับยื่นถุงเงินที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้กับหลู่เส่าโหย่ว ข้างในนั้นมีเงินอยู่ห้าสิบเหรียญทอง
“พี่หวู๋ซวง ขอบคุณท่านมาก” เมื่อได้รับเงินมา หลู่เส่าโหย่วก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย สายตาของเขาจ้องมองหลู่หวู๋ซวง และแอบกล่าวในใจว่า น้ำใจครั้งนี้ ภายภาคหน้า ข้าจะชดใช้คืนเป็นพันเท่าหมื่นเท่า
“ข้ากลับก่อน มีเรื่องอะไรก็ไปหาข้านะ” หลู่หวู๋ซวงกล่าวพร้อมกับลุกจากไป สายตาที่นางมองหลู่เส่าโหย่วนั้นมีประกายแสงวาบผ่าน ตั้งแต่เมื่อวานที่สวนด้านหลัง นางก็รู้สึกว่าตัวของหลู่เส่าโหย่วได้แตกต่างไปจากปกติ ดังนั้น นางจึงตั้งใจมาที่นี่ในวันนี้ และมันยิ่งทำให้นางรู้สึกมากขึ้นว่า หลู่เส่าโหย่วที่นางเห็นมาตั้งแต่เด็กนั้นได้เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว ตามสัมผัสที่หกของหญิงสาว นางรู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องที่ดูไร้เดียงสาและไร้ค่าผู้นี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เหมือนว่าภายในตัวของหลู่เส่าโหย่วจะมีกลิ่นอายของอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมา
“ยามมีปัญหาอย่ารีบร้อน เมื่อถึงเวลา ปัญหาก็จะถูกแก้ไขเองตามธรรมชาติ เงินห้าสิบเหรียญทอง ไม่ว่าปัญหาใดๆ ก็สามารถแก้ไขได้” หลู่เส่าโหย่วดูเงินที่อยู่ในมือและกล่าวออกมา
“คุณชาย ท่านได้กินของดีแล้ว ยังลำบากข้าเอาอาหารเช้ามาให้ท่านอีก” ไม่รู้ว่าหลู่เสี่ยวไป๋มาถึงในลานเมื่อใด เขามองขนมและอาหารที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ทิ้งแพนเค้กในมือไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเริ่มลงมือกินอาหารบนโต๊ะนั้น
“รีบกิน หลังกินเสร็จ เจ้าออกไปข้างนอกกับข้าหน่อย” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“ไปไหนอย่างนั้นหรือ ข้าเป็นคนรับใช้ระดับต่ำ ไม่สามารถไปไหนตามอำเภอใจได้”
“กลัวอะไร ไปกันเถอะ ไปทางประตูด้านหลัง ไม่มีผู้ใดรู้หรอก”
“ก็ได้ ข้าก็อยากจะออกไปเดินเล่นเหมือนกัน” หลู่เสี่ยวไป๋รับปาก พวกเขาทั้งสองออกจากตระกูลหลู่ทางประตูหลัง เมื่อเห็นลุงหนานที่อยู่ตรงประตูหลัง หลู่เส่าโหย่วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจ เงินยี่สิบเหรียญทองนั้น เขาได้มันมาแล้วในตอนนี้ เหมือนจะเป็นการบอกลุงหนานว่า ตัวเขากำลังจะไปซื้อวัตถุดิบแล้ว
เมื่อเดินไปถึงถนน ตามความทรงจำในจิตใจ หลู่เส่าโหย่วก็คุ้นเคยกับเมืองชิงอวิ๋นไม่น้อย เมืองชิงอวิ๋นนั้นไม่เล็กเลย หลู่เส่าโหย่วกับเสี่ยวไป๋ลดความเร็วลงและเดินอย่างผ่อนคลายไปบนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน
เขามองดูร้านค้าทั้งสองข้างทาง สิ่งของจากต่างโลกนั้นมีสิ่งที่แปลกตามากมาย ทำให้หลู่เส่าโหย่วได้พบกับโลกใบใหม่ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาซื้อของในทวีปหลิ่งหวู่
หลังจากเดินไปตามถนนแล้วหลายสาย หลู่เส่าโหย่วก็ยังไม่ได้ลืมจุดประสงค์ของตัวเอง เขาต้องซื้อสมุนไพรตามกระดาษที่ลุงหนานให้มา สมุนไพรที่ใช้หลอมเม็ดยานั้นไม่สามารถหาได้ตามร้านค้าทั่วไป ต้องไปร้านค้าเฉพาะทางเท่านั้น
ตามความทรงจำของเขา ร้านขายสมุนไพรในเมืองชิงอวิ๋นนั้นมีน้อยมากๆ และยังอยู่ในการควบคุมของตระกูลต่างๆ ซึ่งตระกูลหลู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากเดินผ่านถนนหลายสาย และได้เข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง เขาก็ได้มาปรากฏอยู่ที่ถนนเส้นอื่น ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ในเมืองมารวมตัวกัน หากสังเกตดีๆ และมีสายตาที่เฉียบแหลม ก็จะสามารถเห็นผู้ฝึกวิญญาณหนึ่งหรือสองคนที่ปะปนอยู่ที่นี่ได้
ถนนที่กว้างใหญ่เส้นนี้ บนถนนไม่ได้มีคนพลุกพล่าน แต่ก็ไม่ได้ขาดความมีชีวิตชีวา
บนถนนเส้นนี้ ร้านค้าที่อยู่ทั้งสองข้างทางส่วนใหญ่เป็นร้านค้าที่ขายสมุนไพร เม็ดยา และอาวุธ
การตกแต่งของร้านค้าเหล่านี้ดูหรูหรากว่าถนนข้างๆ มากนัก ผู้คนที่เข้าออกถนนเส้นนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์กับผู้ฝึกวิญญาณ คนธรรมดามาที่นี่มีน้อยมาก
หากเลือกสมุนไพรแบบสุ่มๆ มาหนึ่งอย่างภายในร้านค้าในถนนเส้นนี้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีราคาเป็นค่าอาหารครึ่งปีของคนธรรมดาก็เป็นได้
หลู่เส่าโหย่วมองไปเห็นเพียงร้านขายสมุนไพรที่ชื่อตระกูลหลู่ ร้านนั้นมีการตกแต่งที่หรูหรา เมื่อมองจากที่ไกลๆ จะเห็นว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ระดับนักรบสองคนยืนอยู่
ร้านตระกูลหลู่นั้น แน่นอนว่าต้องมีสมุนไพรที่เขียนเอาไว้บนกระดาษเป็นแน่ แต่ว่าตัวเขาคงไม่ไปยังที่แห่งนั้นอย่างแน่นอน เขาจึงเริ่มมองรอบๆ
“เทียนเป่าเหมิน” หลู่เส่าโหย่วเห็นร้านค้าร้านหนึ่งที่ชื่อเทียนเป่าเหมิน ที่แห่งนี้น่าจะเป็นร้านค้าของตระกูลกูตู๋ และก็เป็นร้านค้าที่ดีที่สุดในเมืองชิงอวิ๋น
ไม่มีอะไรให้ลังเล หลู่เส่าโหย่วมุ่งหน้าเข้าไปในเทียนเป่าเหมินทันที ที่นี่เป็นร้านค้าใหญ่ ของที่เขาอยากจะซื้อก็น่าจะมีครบถ้วนกว่า
“คุณชาย ท่านจะทำอะไร พวกเรามาทำอะไรที่เทียนเป่าเหมิน?” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าวทั้งที่ยังแอบอยู่ข้างหลังของหลู่เส่าโหย่ว เทียนเป่าเหมินเป็นที่ที่ผู้ฝึกยุทธ์กับผู้ฝึกวิญญาณเข้าออก ตัวเขาที่เป็นคนรับใช้ระดับต่ำนั้นไม่เคยเข้ามาในสถานที่หรูหราอย่างที่แห่งนี้มาก่อน
“คุณชายท่านนี้อยากจะซื้ออะไรหรือ” เมื่อหลู่เส่าโหย่วเดินเข้าประตูเทียนเป่าเหมิน ก็มีเสียงกล่าวมาจากด้านหลัง
เมื่อได้ยินเสียงนั้น หลู่เส่าโหย่วก็เงยหน้าขึ้นมามอง เขาเห็นชายร่างใหญ่สองคนในชุดเครื่องแบบกำลังยืนประกบเขาทั้งสองข้าง คนที่พูดนั้นคือชายร่างใหญ่ทางด้านซ้าย
เมื่อชายร่างใหญ่ทั้งสองเห็นหลู่เส่าโหย่ว ในแววตาก็ปรากฏความเคารพอยู่ไม่น้อย เพราะชุดที่หลู่เส่าโหย่วกำลังสวมใส่นั้นเป็นชุดคลุมยาวสีฟ้าที่หลู่หวู๋ซวงเอามาให้เมื่อเช้า เพียงแรกเห็นก็สามารถบอกได้ว่าไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถใส่กันได้ และหลู่เสี่ยวไป๋ที่อยู่ด้านข้างนั้นก็สวมชุดคนรับใช้พอดี โดยไม่รู้ตัว ตัวเขาก็ถูกผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นคุณชายที่แท้จริงเสียแล้ว
“ข้าอยากจะซื้อสมุนไพรไว้หลอมยา” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“เชิญท่านทางนี้” ชายร่างใหญ่ได้นำทางหลู่เส่าโหย่วไปด้วยความเคารพและนอบน้อม ส่วนหลู่เสี่ยวไป๋ก็ตามหลังหลู่เส่าโหย่วด้วยความเหม่อลอย เสี่ยวไป๋มองดูเทียนเป่าเหมินที่มีการตกแต่งอันหรูหรา ในใจรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง
หลู่เส่าโหย่วค่อยๆ สังเกตเทียนเป่าเหมินอย่างละเอียด ที่แห่งนี้มีพื้นที่ไม่น้อยเลยทีเดียว เกรงว่าน่าจะมีขนาดหลายพันตารางเมตร สิ่งของที่อยู่ภายในก็ดูตระการตา เมื่อมองดูแล้วหลู่เส่าโหย่วยังเห็นพวกอาวุธและเกราะ ซึ่งเป็นสิ่งของที่ผู้ฝึกยุทธ์กับผู้ฝึกวิญญาณควรมี และเทียนเป่าเหมินในตอนนี้ก็มีผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนกำลังเลือกสินค้าอยู่