“ถึงแล้วขอรับ หวู่จื่อซือ นายน้อยท่านนี้อยากจะซื้อสมุนไพร เจ้ามารับรองนายน้อยหน่อย” เมื่อเดินผ่านโต๊ะรับรองมาหลายโต๊ะ ชายร่างใหญ่ที่นำทางหลู่เส่าโหย่วก็ได้พาเขามาหาชายชราอายุห้าสิบปีพร้อมกับถอยกลับไป
“นายน้อย ท่านต้องการสมุนไพรอะไรอย่างนั้นหรือ?” ชายชรานามว่าหวู่จื่อซือนั้นสวมใส่ชุดยาว เขาใช้สายตาที่มีไหวพริบมองหลู่เส่าโหย่วก่อนจะกล่าวถาม
“ทั้งหมดที่อยู่ในกระดาษใบนี้ นำมาให้ข้าอย่างละสองชุด” หลู่เส่าโหย่วกล่าว เดิมทีเขาจะซื้อเพียงชุดเดียว แต่ตอนนี้เขามีเงินถึงห้าสิบเหรียญทอง สามารถซื้อได้สองชุด อีกชุดที่เกินมานั้น ตัวเขามีความคิดบางอย่างในใจไว้อยู่ก่อนแล้ว
“ขอรับ นายน้อยโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรวบรวมสมุนไพรมาให้” หวู่จื่อซือกล่าวและมองหลู่เส่าโหย่วด้วยความประหลาดใจ ซื้อสมุนไพรที่นำไปใช้หลอมเม็ดยา หรือว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นผู้ฝึกวิญญาณ คิดได้ดังนั้น หวู่จื่อซือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกรงใจขึ้นมาหลายส่วน
“ได้” หลู่เส่าโหย่วตอบกลับเบาๆ พร้อมกับพิงโต๊ะรับรอง จากนั้นเขาก็คอยสังเกตเทียนเป่าเหมิน
“คุณชาย ท่านซื้อสมุนไพรหลอมเม็ดยาไปทำสิ่งใด ท่านเอาเงินมาจากไหน ข้าได้ยินมาว่าสมุนไพรพวกนี้เป็นของแพงทั้งนั้น” หลู่เสี่ยวไป๋ถามอย่างตื่นตระหนก
“เจ้ากังวลอะไร ข้าไม่ได้ใช้เงินเจ้าเสียหน่อย” หลู่เส่าโหย่วกล่าว เขาเหลือบมองด้านข้าง แต่กลับพบร่างที่คุ้นเคยของคนสองคน ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณหนูปิงหลันกับสาวใช้ชุยอวี่ของตระกูลกูตู๋ที่เขาเจอเมื่อวานที่สวนด้านหลังนั่นเอง
“คารวะคุณหนู” เมื่อทั้งสองสาวเดินเข้ามาภายในเทียนเป่าเหมิน พนักงานทุกคนก็ทำความเคารพ จากนั้นสายตาของสองสาวก็จับจ้องมายังหลู่เส่าโหย่ว
เมื่อได้พบคุณหนูตระกูตู๋อีกครั้ง หลู่เส่าโหย่วก็ได้แอบมองนางอีกหลายครา หน้าตาของคุณหนูผู้นี้นับว่าไม่เลว ท่าทางและการแสดงออกก็ดูฉลาดและร่าเริง หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะละสายตาไป จากนั้นสายตาของเขาก็กลับจับจ้องอยู่บนร่างของสาวใช้ที่ชื่อชุยอวี่เพื่อสังเกตอีกหลายครา
ทั้งสองสาวมีท่าทีประหลาดใจ จากนั้นทั้งสองก็ก้มหน้าลงเพื่อคุยอะไรบางอย่างกัน
“นายน้อยโหย่ว ไม่คาดคิดว่าท่านจะมาเทียนเป่าเหมิน” หลังจากกล่าว คุณหนูปิงหลันก็ได้เดินมาอยู่ข้างๆ หลู่เส่าโหย่ว มีกลิ่นหอมจางๆ ลอยออกมา คนในเทียนเป่าเหมินเมื่อเห็นว่าทั้งสองดูคุ้นเคยกันต่างก็ประหลาดใจไม่น้อย
หลู่เสี่ยวไป๋ที่อยู่ด้านหลังของหลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ เมื่อเห็นคุณหนูปิงหลันเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกประหม่าและตัวสั่นในทันที และเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่นางกล่าวออกมานั้น ก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้ว่านางคุ้นเคยกับคุณชายของตัวเอง นี่มันเรื่องอะไรกัน เขาไม่รู้เกี่ยวกับมันแม้แต่น้อย หลู่เสี่ยวไป๋แอบคิดในใจ ถึงว่าเมื่อวานเขาได้เรียกคุณชายไปดูคุณหนูปิงหลันแต่คุณชายกลับไม่สนใจ ที่แท้ก็เป็นคนคุ้นเคยกันมาตั้งแต่แรก
“คารวะคุณหนูกูตู๋ พอดีข้าต้องซื้อสมุนไพรบางอย่างถึงได้มาที่เทียนเป่าเหมิน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับคุณหนู นับว่าเป็นเกียรตินัก” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“น่าแปลก ทำไมนายน้อยหลู่ไม่ไปร้านค้าของตระกูลเพื่อเอามันล่ะ” คุณหนูกูตู๋ยิ้มและกล่าวเบาๆ รอยยิ้มนี้เพิ่มความงดงามของนางขึ้นหลายส่วน
“ฮ่าฮ่า หรือว่าข้าอยากจะซื้อสมุนไพร แต่คุณหนูกูตู๋ไม่อยากจะขายให้ข้าน้อย” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างเงียบขรึม
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ยินดีต้อนรับ” คุณหนูกูตู๋ผู้นั้นยิ้มแล้วกล่าวอีกครั้ง “นายน้อยหลู่ซื้อสมุนไพรสำหรับหลอมเม็ดยา หรือว่านายน้อยหลู่จะเป็นผู้ฝึกวิญญาณ?”
“เรื่องนี้…”
“นายน้อยท่านนี้ สมุนไพรของท่านรวบรวมเสร็จแล้ว” ในตอนนั้นเอง หวู่จื่อซือก็ได้ถือห่อสมุนไพรสองห่อส่งให้หลู่เส่าโหย่ว
“คารวะคุณหนู” หวู่จื่อซือที่เห็นคุณหนูปิงหลันนั้น ได้กล่าวทำความเคารพทันที
“คิดเงินเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรับของแล้วนำใส่มือของหลู่เสี่ยวไป๋
“คุณชาย ทั้งหมดราคาสามสิบแปดเหรียญทอง” หวู่จื่อซือกล่าว
“หวู่จื่อซือ มอบส่วนลดให้นายน้อยหลู่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ในภายภาคหน้านายน้อยหลู่จะเป็นแขกทรงเกียรติของเรา ต้องต้อนรับอย่างดี” คุณหนูปิงหลันกล่าว
“ขอรับคุณหนู” หวู่จื่อซือตอบรับอย่างเคารพ “ที่แท้นายน้อยหลู่ก็เป็นเพื่อนกับคุณหนู ถ้าอย่างนั้นแค่สามสิบเหรียญทองก็พอแล้ว”
“ขอบคุณคุณหนูกูตู๋แล้ว” หลู่เส่าโหย่วยิ้มและพยักหน้าให้คุณหนูปิงหลัน จากนั้นเขาก็นำเงินสามสิบเหรียญทองจากถุงเก็บเงินให้กับหวู่จื่อซือ ถูกกว่าเดิมถึงแปดเหรียญ ตัวเขาที่กำลังขาดเงินอยู่นั้น ย่อมไม่เกรงใจเป็นธรรมดา
“นายน้อยหลู่ นี่เป็นป้ายแขกทรงเกียรติของเทียนเป่าเหมิน ท่านเก็บไว้เถอะ ในอนาคตเมื่อต้องการสิ่งใด หากมีป้ายแขกทรงเกียรติป้ายนี้ เทียนเป่าเหมินจะจัดการให้ท่านก่อน อีกทั้งราคาก็ถูกขึ้นเล็กน้อยด้วย ข่าวคราวที่เทียนเป่าเหมินรู้ ก็สามารถบอกกล่าวกับท่านได้ และหากนายน้อยหลู่จะขายเม็ดยา เทียนเป่าเหมินก็จะให้ราคาที่สูงที่สุด” ในมือของคุณหนูปิงหลันได้ปรากฏป้ายหยกสีขาวหนึ่งป้ายยื่นออกมา ด้านบนสลักคำว่าเทียนเป่าเหมินสามคำ
“ขอขอบคุณอีกครั้ง” หลู่เส่าโหย่วก็ไม่ได้เกรงใจ รับป้ายหยกกลับมาไว้ที่ตัว มีเรื่องดีแต่ไม่รับ นั่นไม่ใช่นิสัยของเขา สำหรับเหตุผลที่นางอยากจะชนะใจเขานั้น ตัวเขาก็ได้แต่สงสัย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
มีคนโบราณกล่าวไว้ว่า บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาฟรี ต้องมีเหตุผลที่ผู้อื่นทำดีกับเจ้า ไม่ต้องการบางสิ่งจากเจ้าก็ต้องมีเจตนาที่ชั่วร้าย ตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่มีสิ่งใดให้คุณหนูกูตู๋ เช่นนั้นนางต้องมีเจตนาที่ชั่วร้ายแน่ เมื่อคิดถึงจุดนี้ ในใจเขาก็ได้แอบยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ขอตัวลา” หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินไปที่ทางออก เมื่อมาถึงตรงหน้าสาวใช้ที่ชื่อชุยอวี่ เขาก็พยักหน้าให้เป็นมารยาท พร้อมกับจากไปทันที
“คุณชาย ท่านไปนำเงินมาจากที่ใด ยังมีอีก ท่านรู้จักกับคุณหนูกูตู๋ได้อย่างไรกัน” หลู่เสี่ยวไป๋ถามหลู่เส่าโหย่วหลังออกจากเทียนเป่าเหมิน
“เจ้าจะถามอะไรมากมาย รีบกลับกันดีกว่า และห้ามบอกกับผู้ใดเรื่องที่ข้ามาซื้อสมุนไพร” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“คุณหนู คนคนนั้นเป็นใคร เหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดที่พิเศษ ไม่ใช่ว่าท่านเห็นเขาสำคัญเกินไปหรือ” ภายในเทียนเป่าเหมิน หลังจากที่หลู่เส่าโหย่วออกไปแล้ว ในดวงตาของหวู่จื่อซือก็ได้ปรากฏประกายแสงสองสามเส้น และกล่าวกับคุณหนูปิงหลัน
“คนผู้นี้ไม่ง่ายดายอย่างที่เห็น เจ้าเรียกคนไปตรวจสอบประวัติมาอย่างละเอียด ในภายภาคหน้าก็ต้อนรับคนผู้นี้ให้ดี” หลังกูตู๋ปิงหลันกล่าวจบ นางก็ได้ไปจากเทียนเป่าเหมินพร้อมกับสาวใช้ชุยอวี่
หลังผ่านถนนมาหลายเส้น หลู่เส่าโหย่วกับหลู่เสี่ยวไป๋ก็แอบกลับมาทางประตูหลังอย่างเงียบๆ แม้พวกเขาจะออกไปข้างนอกกันทั้งช่วงเช้า แต่ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว หนึ่งคนรับใช้ระดับต่ำกับอีกหนึ่งนายน้อยผู้ไร้ค่า ก็ไม่มีใครในตระกูลอยากจะสนใจคนทั้งสอง
“เด็กคนนี้ นับว่ายังมีความสามารถ” ตรงประตูหลังนั้น ชายชราที่เห็นถุงสมุนไพรในมือเสี่ยวไป๋ก็ได้พึมพำเบาๆ
ตอนเย็น หลู่เส่าโหย่วกับหลู่เสี่ยวไป๋ก็ได้ไปปรากฏตัวให้คนในตระกูลเห็นหน้าบ้าง จากนั้นต่างคนก็ต่างกลับไปในที่ของตัวเอง ในฤดูหนาวเช่นนี้ ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ทำมากนัก
เมื่อตกดึก หลู่เส่าโหย่วที่ได้เตรียมตัวมานานก็ไปห้องลับที่ห้องเก็บฝืนทันที ส่วนลุงหนานนั้นก็ได้มารออยู่ในห้องลับตั้งแต่แรกแล้ว
“ลุงหนาน ข้าซื้อสมุนไพรที่ท่านต้องการมาหมดแล้ว” หลังเจอลุงหนาน หลู่เส่าโหย่วก็ยิ้มอย่างภูมิใจ
“เจ้าซื้อมาทำไมสองชุด?” ลุงหนานกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเมื่อเปิดดูสมุนไพร
“ข้ากลัวว่าจะล้มเหลว เลยซื้อเพิ่มอีกหนึ่งชุด หากสำเร็จ ข้าก็จะสามารถหลอมเพิ่มได้อีกเม็ด” หลู่เส่าโหย่วกล่าว เม็ดยานั้นน่าจะแพงกว่าสมุนไพรมาก ถึงเวลาหากนำไปขาย ก็น่าจะสามารถหาเงินเพิ่มได้บ้าง
“หากมีข้าอยู่แล้วเจ้ายังหลอมเม็ดยาล้มเหลว อย่างนั้นเจ้าก็เอาหัวไปชนกำแพงเถอะ” ลุงหนานมองหลู่เส่าโหย่วและกล่าว “ฝ่ามือแยกภูผาของเจ้าก็ฝึกฝนมาได้หลายวันแล้ว แสดงมันออกมา ขอข้าดูหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ได้” หลู่เส่าโหย่วเก็บรอยยิ้มกลับไป วิชาฝ่ามือแยกภูผานั้นตัวเขาได้ฝึกฝนมาหลายวันแล้ว และเขาคิดว่าเขาได้บรรลุมันเล็กน้อย หลู่เส่าโหย่วค่อยๆ ปรับลมหายใจ และเริ่มใช้เคล็ดวิชา สองมือได้แปรเปลี่ยนเป็นท่าประทับที่ค่อนข้างลึกลับ หลังจากนั้นก็มีคลื่นอากาศที่คลุมเครืออยู่บนฝ่ามือ
“ซือ..”
จากนั้นก็ตามมาด้วยด้วยเสียงเบาๆ หลู่เส่าโหย่วทุบกำแพงในห้องลับด้วยฝ่ามือ ทันใดนั้นกำแพงหินก็สั่นสะท้านและมีเศษฝุ่นร่วงหล่นลงมา
เมื่อหลู่เส่าโหย่วเห็นหนึ่งฝ่ามือนี้ของตัวเองก็รู้สึกประหลาดไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าหนึ่งฝ่ามือของตัวเองจะมีพลังมากขนาดนี้ หากว่านี่เป็นวัวหนึ่งตัว คาดว่าเขาก็น่าจะทำให้มันกระเด็นไปบนฟ้าได้