“ถือว่าพอใช้ได้ แต่ยังไม่ถึงระดับที่ฝ่ามือแยกภูผาควรมี จำไว้ ฝ่ามือแยกภูผาต้องมีพลังที่จะแบกภูเขาได้ ใช้แรงจากพื้นดิน เท้าและเอวตรงกัน บวกกับใช้พลังลมปราณในตันเถียนที่อยู่ในทะเลลมปราณ โจมตีเต็มกำลัง ถึงจะมีพลังทำลายล้างที่สูงที่สุด” ลุงหนานกล่าว
“เข้าใจแล้ว ลุงหนาน” หลู่เส่าโหย่วพยักหน้า
“เข้าใจก็ดีแล้ว ได้เวลาสอนเจ้าหลอมโอสถแล้ว” หลังจากลุงหนานกล่าวจบ ลุงหนานก็สะบัดแขนเสื้อหนึ่งครา เตาสามขาที่สูงประมาณหนึ่งเมตรก็ได้ปรากฏขึ้นในอากาศ
บนเตาสามขานั้นเต็มไปด้วยสีฟ้าและสีแดง มีกลิ่นที่เข้มข้นของโอสถ ด้านข้างเต็มไปด้วยลวดลายมากมาย มีลวดลายมังกรเพลิงบินเป็นวงกลมอยู่ภายใน
ที่ปากของมังกรเพลิงมีรูขนาดเท่าชามข้าวอยู่หนึ่งรู ด้านบนเตาสามขามีฝาปิดทรงกลม เตาสามขานี้ดูมีกลิ่นอายที่โบราณและเรียบง่าย แถมยังดูหนาและหนักอีกด้วย
“นี่คือเตามังกรเพลิง และข้าจะให้เจ้าในอนาคต ห้ามให้ใครเห็น ไม่อย่างนั้นแล้ว หากผู้ฝึกวิญญาณระดับขุนพลหรือแม่ทัพเห็นเข้า ต้องรู้สึกสั่นไหวอยากได้มันแล้วฆ่าเจ้าแน่นอน เตาสามขาใบนี้ค่อนข้างลึกลับ สำหรับมือใหม่อย่างเจ้า มันจะช่วยให้เจ้าคุ้นเคยกับการหลอมเม็ดยาเร็วขึ้น” ลุงหนานกล่าว
“ขอบคุณท่านมาก ลุงหนาน” หลู่เส่าโหย่วดีใจเป็นอย่างมาก ของแต่ละอย่างที่ลุงหนานให้เขานั้นต่างก็เป็นสมบัติทั้งนั้น หลู่เส่าโหย่วยังมีความคิดที่ว่า ตัวเขาน่าจะหลอกเอาสมบัติที่อยู่ในตัวของลุงหนานมากขึ้นอีก หากได้เพิ่มมาหนึ่งอย่าง อย่างนั้นอนาคตเขาต้องได้ประโยชน์มหาศาลแน่ หรือว่าหากเขาจะเอามันไปขายภายหลัง ก็คงสามารถขายได้ในราคาที่ดี
แน่นอนว่าเขาต้องไม่ให้ลุงหนานรู้ความคิดนี้ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้ว ลุงหนานคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่
“ลุงหนาน ท่านให้ของชิ้นใหญ่นี้แก่ข้า ข้าก็ไม่สามารถนำไปได้อยู่ดี เมื่อครู่ท่านนำมันออกมาได้อย่างไรกัน?” หลู่เส่าโหย่วกล่าวกับลุงหนานอย่างช่วยไม่ได้ เขารอไม่ไหวจนเดินเข้าไปอยู่ข้างเตามังกรเพลิง ก้มเอวลงและค่อยๆ กอดมันไว้ สิ่งนี้น่าจะมีน้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งร้อยกิโล
“ข้าคาดแล้วว่าเจ้าจะมาไม้นี้” ลุงหนานถลึงตามองพร้อมกับควักแหวนที่มีรูปร่างสีดำมาให้หลู่เส่าโหย่ว “นี่เป็นแหวนมิติ หยดเลือดของเจ้าลงไป และสวมมันบนนิ้วมือ ก็จะสามารถหลอมรวมกับร่างของเจ้าเอง เมื่อถึงเวลาที่เจ้าต้องการ จะสามารถใช้พลังลมปราณหรือพลังวิญญาณเพื่อใช้งานมัน พื้นที่ด้านในนั้นเพียงพอกับเจ้าแล้ว”
ลุงหนานกล่าวต่ออีกครั้งในทันที “อย่าเอาสิ่งนี้ไปแสดงต่อหน้าคนอื่น หากพบเจอคนที่มีเจตนาร้าย โดนฆ่าชิงของนั้นถือเป็นเรื่องปกติ แหวนมิตินี่ บนโลกนี้มีเพียงสามวง ถึงแม้จะไม่ได้แพงมาก แต่มันก็ค่อนข้างลึกลับ สามารถหลอมรวมกับร่างกายได้ แหวนหนึ่งวงนี้ แม้จะใช้ทั้งตระกูลหลู่ก็ไม่น่าจะแลกมาได้”
“แพงขนาดนี้เลย” หลู่เส่าโหย่วตกใจมาก เพียงแค่แหวนมิติหนึ่งวง กลับมีค่าเท่าทั้งตระกูลหลู่ ในตัวของลุงหนานนั้นมีแต่สมบัติล้ำค่าจริงๆ หลู่เส่าโหย่วรับแหวนมาอย่างรีบร้อน จากนั้นก็กัดนิ้วชี้ของตัวเอง เลือดหนึ่งหยดได้ตกลงบนแหวนมิติ จากนั้นก็สวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนมิติวงนี้แปลกประหลาดจริงๆ มันหลอมรวมเข้าไปภายในนิ้วของเขา จากนั้นก็หายไป
“เจ้าสามารถใช้พลังวิญญาณตรวจสอบภายในแหวนมิติได้ ภายภาคหน้าหากมีสิ่งของอะไร เจ้าก็สามารถเก็บมันไปไว้ข้างในได้แล้ว แต่ว่า ภายในแหวนมิตินั้นไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้” ลุงหนานกล่าว
หลู่เส่าโหย่วได้ใช้พลังวิญญาณ และทันใดนั้นแหวนมิติก็ได้ปรากฏบนนิ้วมือข้างซ้าย ในเวลาเดียวกัน พื้นที่มิติเกือบหนึ่งร้อยตารางเมตรก็ได้ปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา
“สมบัติ ร่ำรวยแล้ว” หลู่เส่าโหย่วแอบคิดในใจ ตัวเขานั้นช่างโชคดีอย่างแท้จริง หากไม่ได้พบกับคนที่สูงส่งอย่างลุงหนาน เขาจะมีโอกาสได้สมบัติระดับนี้ได้อย่างไร
แหวนมิติหนึ่งวงก็มีค่าเท่าทั้งตระกูลหลู่ เมื่อคิดว่าบนมือเขาสวมใส่ตระกูลหลู่ไว้ ก็ทำให้ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าบวกกับรู้สึกเหมือนลอยขึ้นไปบนฟ้า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป
“ตะลึงอะไรของเจ้า คิดว่ามีค่ามากนักหรือ เจ้าคนไม่ได้เรื่อง” ลุงหนานกลอกตาแล้วกล่าวกับหลู่เส่าโหย่ว “ตระกูลหลู่ในเมืองชิงอวิ๋นนั้นนับว่าไม่เลว แต่ว่าหากเทียบกับทวีปหลิงหวู่ที่กว้างใหญ่แล้ว ไม่นับเป็นอะไรเลย ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่ศิษย์ของข้า แต่เจ้าควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อย อย่าทำให้ข้าต้องอับอาย”
เข้าใจแล้วลุงหนาน” หลู่เส่าโหย่วที่รู้สึกเหมือนลอยขึ้นไปบนฟ้าถูกลุงหนานสาดน้ำเย็นใส่อีกแล้ว ดูเหมือนว่าตัวเขานั้นเทียบไม่ได้กับลุงหนานเลย รอภายภาคหน้าหากมีโอกาส เขาจะลองออกไปดูโลกภายนอกบ้าง
“พอแล้ว เจ้าทำความคุ้นเคยกับเตามังกรเพลิงซะ อีกสักเดี๋ยว ก็มาเตรียมตัวหลอมโอสถ” ลุงหนานกล่าว
หลู่เส่าโหย่วเดินมาตรงข้างๆ ของเตามังกรเพลิง จากนั้นเขาก็สัมผัสและวิเคราะห์อย่างละเอียด สิ่งนี้เป็นงานฝีมือที่งดงามประณีตไร้ที่เปรียบ ราวกับของโบราณ เมื่อสัมผัสเบาๆ ก็จะมีเสียงหึ่งๆ ดังออกมาเล็กน้อย
“ใช้พลังวิญญาณของเจ้าใส่เข้าไปในปากของมังกร แค่นี้ก็จะสามารถเรียกเปลวเพลิงได้แล้ว เจ้าลองดู” ลุงหนานกล่าว
หลู่เส่าโหย่วได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆ สงบจิตใจ จากนั้นก็มีพลังวิญญาณจากจิตใจของเขาไหลเข้าสู่ปากของมังกรเพลิง
“ฮู่ ฮู่…”
ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงสีฟ้าแดงคำรามออกมาจากเตามังกรเพลิง
“ช้าลงหน่อย หากนี่เป็นการหลอมโอสถ สมุนไพรคงถูกเจ้าทำลายหายไปแล้ว” ลุงหนานกล่าวเสียงดัง “ครั้งแรกก็สามารถเรียกเปลวเพลิงออกมาได้ ถือว่าไม่เลวแล้ว นับต่อจากนี้ ข้าจะสอนเจ้าหลอมโอสถ จงจำไว้ให้ขึ้นใจ”
หลู่เส่าโหย่วคิดไม่ถึงว่าตัวเขาจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้ เขาพยักหน้าและรอฟังสิ่งที่ลุงหนานกล่าว “สิ่งที่ข้าจะสอนเจ้าหลอมในตอนนี้เป็นโอสถระดับต่ำ นั่นคือโอสถเสริมพลัง สามารถทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาวกเพิ่มระดับฝึกตนได้เล็กน้อย ก่อนอื่นเปิดฝาเตาออก นำหญ้าสามดาวและบัวห้ากลีบ ใส่เข้าไปในเตาเพื่อหลอมก่อน ควบคุมพลังวิญญาณให้ดี เพลิงต้องเบา แต่ต้องไม่เบาเกินไป หากเพลิงเบาเกินไปจะไม่สามารถหลอมได้ หากเพลิงแรงเกินไปจะทำลายแก่นแท้ของสมุนไพร ขั้นตอนนี้เป็นเพียงขั้นตอนในการเอาสิ่งแปลกปลอมออกมา เพื่อให้เหลือแต่ส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุด”
“ไม่ต้องรีบร้อน มั่นคงไว้ ควบคุมพลังวิญญาณให้ดี ไม่อย่างนั้นแล้ว แม้พลังวิญญาณของเจ้าจะถูกใช้จนหมด โอสถก็ไม่สามารถกลั่นหลอมออกมาได้”
“ใส่หญ้าปราณชีวิตหนึ่งต้น หนิงลู่ซ่านหนึ่งส่วน…”
“เจ้าไม่สามารถเห็นสถานการณ์ภายในเตาได้ ก็ใช้พลังวิญญาณไปสอดส่องมัน พึ่งประสาทสัมผัสของเจ้า ไม่มีใครสามารถสอนเจ้าได้” ลุงหนานกล่าวต่อไป
หลู่เส่าโหย่วลองเริ่มพลังวิญญาณสอดส่องภายในเตามังกรเพลิง เรื่องการหลอมเม็ดยานี้ ทำให้หลู่เส่าโหย่วทั้งรู้สึกตื่นเต้นและประหม่า โดยรวมแล้วเขารู้สึกว่าจิตใจสับสน
จากคำแนะนำของลุงหนาน หลู่เส่าโหย่วก็ได้เข้าสู่สภาวะที่พร้อม ลุงหนานที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเป็นครั้งคราวโดยไม่กล่าวสิ่งใด
“ระวัง มั่นคงไว้” อยู่ๆ ลุงหนานก็ตะโกนขึ้นมา
หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเหมือนหัวใจจมลงกะทันหัน เขาควบคุมพลังวิญญาณไม่มั่นคงพอ เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงจึงคำรามขึ้นมาอย่างรุนแรง ทำให้เขารีบร้อนควบคุมเปลวเพลิงให้มั่นคง เขาตกใจไม่น้อย การควบคุมพลังวิญญาณนั้นดูเหมือนจะง่ายดาย แต่เมื่อเขาลองทำด้วยตัวเองกลับยากเย็นนัก
“หาความรู้สึก และมั่นคงเข้าไว้” ลุงหนานกล่าวอยู่ข้างๆ
ภายในห้องลับ เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงได้สะท้อนลงบนกำแพงของห้องลับนั้น เปลวเพลิงเคลื่อนไหวไม่หยุด อุณหภูมิภายในห้องลับเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก หลู่เส่าโหย่วนั้นมีเหงื่อออกมาเต็มหลังแล้ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณภายในจิตใจของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว การหลอมโอสถนั้นเป็นเรื่องที่กินพลังวิญญาณอย่างถึงที่สุด
และในเวลานี้ เหลือเพียงแค่หลอมวัตถุดิบทั้งหมดให้เป็นของเหลวแห่งจิตวิญญาณเท่านั้น แต่หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกว่าไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าสามารถพักได้ชั่วคราว” ในตอนที่หลู่เส่าโหย่วอยากบอกลุงหนานว่าเขาทนไม่ไหวแล้วนั้น เสียงของลุงหนานก็ดังขึ้นข้างหูของเขา
หลู่เส่าโหย่วหยุดจ่ายพลังวิญญาณใส่เตามังกรเพลิงโดยทันที จากนั้นเขาก็เหมือนกับคนที่ไร้เรี่ยวแรง หลู่เส่าโหย่วนอนลงบนพื้นห้องลับอย่างแผ่วเบาแล้วค่อยๆ ถอนหายใจ ราวกับว่าเมื่อครู่เขาพึ่งวิ่งมาราธอนมา ไม่อยากเคลื่อนไหวร่างกายแม้แต่น้อย