หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม สมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเสริมพลังก็ได้ถูกหลู่เส่าโหย่วหลอมจนกลายเป็นของเหลวจิตวิญญาณแล้ว ในตอนนั้นเอง เขาก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณได้หมดลง หลู่เส่าโหย่วไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ทั่วร่างของเขาอ่อนล้าจนไร้เรี่ยวแรง
หลังฟื้นคืนพลังวิญญาณ หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง เหมือนพลังวิญญาณของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว จากนั้น เขาก็หลอมโอสถต่อ
เมื่อพลังวิญญาณเข้าสู่เตามังกรเพลิง ภายในเตามังกรเพลิงก็เกิดเปลวเพลิงที่เป็นรูปธรรมขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้ หลู่เส่าโหย่วต้องหลอมรวมของเหลวจิตวิญญาณให้กลายเป็นโอสถ
และนั่นก็เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด สมุนไพรทุกชนิดจะมีความทนทานที่ค่อนข้างดี แต่ในเวลาเดียวกัน การหลอมรวมของโอสถจิตวิญญาณก็จะทำให้เกิดการต่อต้าน ยาจิตวิญญาณแต่ละชนิดนั้นต้องการอุณหภูมิที่ไม่เหมือนกัน ทั้งหมดนี้ต้องใช้พลังวิญญาณในการควบคุม นอกจากนี้ยังหมายความว่าเขาต้องพึ่งพาจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกับความรู้สึกที่เฉียบแหลมในการควบคุมมัน
มีคำกล่าวไว้ว่า จุดเริ่มต้นที่มีความผิดพลาดเล็กน้อยจะนำไปสู่บทสรุปของความผิดพลาดครั้งใหญ่ หากมีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น โอสถจะถูกทำลาย หลู่เส่าโหย่วไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ครั้งนี้ไม่มีลุงหนานคอยชี้แนะ เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จด้วยตัวเอง
“ข้าต้องทำได้ ต้องทำได้แน่” หลู่เส่าโหย่วพึมพำ ตัวเขาในอนาคตก็ต้องเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเพียงลำพังเช่นกัน เขาต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้
หลู่เส่าโหย่วที่กำลังตั้งใจหลอมโอสถเสริมพลังในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ลานบ้านที่ปกติไม่มีใครมานั้น ตอนนี้กำลังมีคนคนหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา
ผู้ที่มาคือคนที่สวมชุดคลุมที่เผยให้เห็นเรือนร่างอันงดงาม สองขาเรียวยาว ผมสีดำเหมือนหมึก และรอบกายมีกลิ่นอายสูงส่ง คนผู้นั้นก็คือ หลู่หวู๋ซวง
ตั้งแต่ที่รู้สึกว่าหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว ในใจของนางก็เกิดความสงสัยใคร่รู้ อยากจะรู้จักลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม
หลู่หวู๋ซวงเดินเข้ามาภายในลานบ้านด้วยท่าทางที่สง่างาม แต่กลับพบว่าภายในลานบ้านนั้นไม่มีผู้ใดอยู่ ในตอนที่นางกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเอง นางกลับสัมผัสถึงกลิ่นของโอสถลอยมาจากภายในห้องห้องหนึ่ง และภายในลานบ้านนั้น เหมือนจะมีลมหายใจที่ผันผวนเกิดขึ้น
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในรุ่น เพียงแค่สิบเก้าปี ก็ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ขั้นแรก ผู้ฝึกตนระดับนี้ ในตระกูลหลู่นั้นถือว่าแข็งแกร่งแล้ว
หลู่หวู๋ซวงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาที่งดงามคู่นั้น นางค่อยๆ เดินไปยังทิศทางที่เกิดลมหายใจผันผวนอย่างสงบ และเริ่มรวบรวมลมปราณภายในร่าง
เมื่อตามทิศทางที่เกิดลมหายใจผันผวนไป หลู่หวู๋ซวงก็ค่อยๆ มาถึงหน้าประตูห้องของหลู่เส่าโหย่ว มีกลิ่นโอสถที่เข้มข้นและความผันผวนของลมหายใจออกมาจากห้องนั้น
หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลู่หวู๋ซวงก็ผลักประตูห้องอย่างเบามือ ทันใดนั้นนางก็ต้องประหลาดใจ มือที่ขาวดั่งหยกยกขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ภาพตรงหน้านั้นนางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง บุคคลที่ถูกผู้คนในตระกูลบอกว่าเป็นนายน้อยไร้ค่า ตอนนี้กลับกำลังกลั่นหลอมโอสถอยู่
ตระกูลหลู่มีผู้ฝึกวิญญาณอยู่สองคน หลู่หวู๋ซวงเคยเห็นผู้ฝึกวิญญาณหลอมโอสถมาก่อน มันเหมือนกับท่าทางของหลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ แน่นอนว่านางต้องมองออก พลังวิญญาณที่ผันผวนอยู่รอบกายคือสิ่งที่พิสูจน์ว่าเขาได้กลายเป็นผู้ฝึกวิญญาณแล้ว ความสามารถในการหลอมโอสถเป็นความสามารถของผู้ฝึกวิญญาณระดับสาวกขึ้นไป เป็นผู้ฝึกวิญญาณที่แท้จริง
หลู่หวู๋ซวงจ้องมองท่าประทับบนมือของหลู่เส่าโหย่วที่เปลี่ยนแปลงไป จากนั้นก็มีพลังวิญญาณระเบิดออกมา นางแทบไม่อยากจะเชื่อภาพที่อยู่ตรงหน้า หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ใครจะไปคิดว่านายน้อยผู้โชคร้ายและไร้ค่าของตระกูลหลู่ ที่แท้เป็นถึงผู้ฝึกวิญญาณคนหนึ่ง
‘ที่แท้ คนที่ถูกผู้อื่นมองข้ามไปกลับเป็นถึงผู้ฝึกวิญญาณ ทำไมถึงอดทนเก็บไว้ไม่ให้ผู้ใดรู้กัน’ หลู่หวู่ซวงที่รู้สึกประหลาดใจได้คิดกับตัวเอง
“ดูแล้ว เจ้าก็คงถูกบีบคั้นให้ต้องเก็บความลับนี้เอาไว้ ในเมื่อหลู่เส่าโหย่วอดทนเก็บซ่อนเอาไว้เช่นนี้ ข้าก็ทำเป็นไม่รู้จะดีกว่า ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเจ้าในภายภาคหน้าแล้ว” หลู่หวู๋ซวงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ ปิดประตูลง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางย่อมเข้าใจว่าทำไมหลู่เส่าโหย่วจะต้องเก็บซ่อนความจริงนี้ไว้ ทุกอย่างในตระกูลหลู่ แน่นอนว่านางย่อมรู้ดี
“เจ้าคนนี้ ไม่รู้จักระมัดระวังเลย หากถูกคนอื่นพบเจอจะต้องเกิดเรื่องเดือดร้อนเป็นแน่” หลู่หวู๋ซวงกล่าวเบาๆ และไปยืนอยู่ด้านหน้าประตูอย่างเงียบๆ
ภายในห้องนอน หลู่เส่าโหย่วที่กำลังจดจ่ออยู่กับการหลอมโอสถนั้นไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อครู่มีคนมาอยู่ที่หน้าประตู หากเป็นผู้ฝึกวิญญาณที่มีประสบการณ์คงจะพบหลู่หวู๋ซวงไปตั้งนานแล้ว แต่ตัวเขาที่จดจ่ออยู่กับการหลอมโอสถและภายในใจมีแต่ความวิตกกังวล เพราะถ้าหากการหลอมครั้งนี้ล้มเหลว เงินหลายสิบเหรียญทองก็จะหายไปในพริบตา แถมประสบการณ์ของเขายังไม่เพียงพอ ทำให้หลู่เส่าโหย่วย่อมไม่รู้ว่าสถานะผู้ฝึกวิญญาณของตนเองถูกเปิดเผยไปเสียแล้ว
“เปิด…”
เมื่อผ่านไปอีกสองชั่วยาม ฝาเตาสามขาก็ได้เปิดออก จากนั้นก็มีกลิ่นโอสถที่เข้มข้นแผ่ซ่านออกมา ภายใต้เพลิงสีฟ้าแดง โอสถสีเหลืองที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือก็ได้ออกมาจากเตามังกรเพลิง และปรากฏขึ้นภายในห้องแห่งนี้
“สำเร็จแล้ว ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว” แม้ทั่วร่างของเขาจะไร้เรี่ยวแรง แต่หลู่เส่าโหย่วกลับมีจิตใจร่าเริงและเผยรอยยิ้มออกมา ตัวเขาสามารถกลั่นหลอมโอสถตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตัวเองเพียงลำพังได้แล้ว
“เสร็จแล้วหรือ คาดว่าเจ้านั่นน่าจะทำสำเร็จ” หลู่หวู๋ซวงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ อีกทั้งจิตสัมผัสก็มาถึงระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นเสียงจากภายในลานบ้านย่อมหนีไม่พ้นการรับรู้ของนาง หลู่หวู๋ซวงเผยรอยยิ้มบางๆ และหันกลับไปมองที่ห้องของหลู่เส่าโหย่ว จากนั้นนางก็เดินออกไปจากลานบ้าน
เมื่อเก็บโอสถเสริมพลังแล้ว หลู่เส่าโหย่วก็มีความคิดที่จะกลืนมันลงไปทันที โอสถเสริมพลังเม็ดนี้ต้องทำให้ระดับการฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ตัวเขาก็รู้ว่าหากนำมันไปขายแล้วล่ะก็ คงจะได้ราคาที่สูงกว่าราคาของสมุนไพรมาก เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถซื้อสมุนไพรได้สองหรือสามชุดเพื่อนำกลับมาหลอมเพิ่มได้ และหากเขาทำเช่นนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถรับประกันได้ว่าตัวเขาจะมีเงินซื้อสมุนไพร
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว อีกทั้งในตอนเย็นเขาก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำพอดี หลู่เส่าโหย่วจึงตั้งใจว่าจะนำโอสถเสริมพลังนี้ไปขาย แล้วค่อยซื้อสมุนไพรกลับมา
หลังเก็บเตามังกรไฟลงไป เขาก็จัดการเก็บของ และจากนั้นก็ออกจากคฤหาสน์ไปทางประตูหลัง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงย่านร้านค้าบนถนนแล้ว
“คุณหนู ตรวจสอบข้อมูลของหลู่เส่าโหย่วมาแล้ว” ภายในห้องที่มีการตกแต่งอันงดงาม กูตู๋ปิงหลันและสาวใช้นามว่าชุยอวี่กำลังนั่งอยู่ภายในห้องนั้น มีหวู่จื่อซือจากเทียนเป่าเหมินกำลังก้มหัวรายงาน
“ลองกล่าวมา” กูตู๋ปิงหลันกล่าว
หวู่จื่อซือจึงตอบกลับไป “ตามข้อมูลจากที่คนของเราไปตรวจสอบมานั้น หลู่เส่าโหย่วผู้นี้เกิดจากนายใหญ่คนที่สามตระกูลหลู่กับสาวรับใช้คนหนึ่ง หลังจากนั้นจึงโดนกีดกันจากภรรยาคนแรกนามว่าจ้าวซื่อ และเพราะปัญหาทางด้านร่างกาย ทำให้ไม่สามารถฝึกพลังลมปราณเพื่อเป็นนักสู้ได้ สถานะในตระกูลไม่แตกต่างจากคนรับใช้ และยังถูกจ้าวซื่อรังแกเป็นประจำ นายใหญ่คนที่สามของตระกูลก็ไม่กล้าว่ากล่าวอะไร นอกจากนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษแล้ว”
“ตระกูลจ้าวอย่างนั้นหรือ?” สาวใช้ที่ชื่อชุยอวี่กล่าวขึ้นมาเบาๆ
“ใช่แล้วขอรับ เป็นตระกูลจ้าว ดูเหมือนว่าตระกูลหลู่จะไม่กล้าล่วงเกิน เพราะเหตุนั้นแม่ของหลู่เส่าโหย่วจึงตกมาอยู่ในสถานะเช่นนี้” หวู่จื่อซือกล่าว
“ดูจากการแสดงออกของเขาในวันนั้น หลู่เส่าโหย่วคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ คนธรรมดาย่อมไม่มีกลิ่นอายเช่นนั้น และตอนที่ซื้อสมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถก็ไม่ได้ไปเอากับตระกูลหลู่ คุณหนู หลู่เส่าโหย่วคนนั้น ข้าว่าคงต้องให้ความสนใจเขามากหน่อย หากเขามาซื้อสมุนไพรหลอมโอสถอีกครั้ง นั่นแสดงว่าถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกวิญญาณ แต่เขาจะต้องมีผู้ฝึกวิญญาณหนึ่งคนคอยหนุนหลังอยู่อย่างแน่นอน” ชุยอวี่กล่าว