“ไร้สาระ ข้ากำลังขับสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย ไม่ได้อุจจาระปัสสาวะ เจ้าเข้าใจหรือไม่?” หลู่เส่าโหย่วกล่าวทันที เขาไม่อยากจะอยู่ในอ่างไม้ต่อแล้ว จึงรีบกระโดดออกมาทันที “รีบนำน้ำในอ่างนี้ไปเททิ้ง แล้วเติมน้ำในอ่างให้ข้า ข้าจะอาบน้ำ”
“เหม็นขนาดนี้ ท่านทิ้งเองเถอะ” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าว จากนั้นเขาก็มองท่อนล่างของหลู่เส่าโหย่วแล้วค่อยก้มดูของตัวเอง พร้อมกับกล่าวถามอย่างสงสัย “ทำไมส่วนนั้นของท่านถึงใหญ่กว่าข้า”
“มองอะไร นี่คือต้นทุนของข้า เจ้าอิจฉาไปก็เท่านั้น รีบเอาน้ำไปเททิ้ง เดี๋ยวข้าจะให้ของที่มีประโยชน์บางอย่างกับเจ้า” หลู่เส่าโหย่วนำเสื้อผ้ามาปิดท่อนล่างของตัวเอง
“มีประโยชน์ ท่านจะให้ประโยชน์อะไรแก่ข้า” หลู่เสี่ยวไป๋บ่นพึมพำ แต่เขาก็ไปเปลี่ยนน้ำอย่างรวดเร็ว
หลู่เส่าโหย่วรีบอาบน้ำใหม่อีกรอบทันที เขาล้างกลิ่นเหม็นบนตัวจนสะอาดสะอ้าน
“คุณชาย ท่านไม่หนาวหรือ” หลู่เสี่ยวไป๋ถาม นี่มันช่วงฤดูหนาว และน้ำที่เขาเติมมานั้นก็เหมือนจะเป็นน้ำเย็นด้วย
“แค่นี้จะหนาวอะไร” หลู่เส่าโหย่วกล่าว นับตั้งแต่ที่ตัวเขาได้ฝึกฝนทักษะวิญญาณหยินหยาง ก็เหมือนว่าเขาจะต้านทานความเย็นและความร้อนได้
หลังจากล้างกลิ่นเหม็นออกไปหมดแล้ว หลู่เส่าโหย่วก็สวมเสื้อผ้า เขารู้สึกเหมือนทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยพลังงานและความมีชีวิตชีวา พวกรอยฟกช้ำได้หายไปแล้ว ผิวของเขาก็ดูขาวเนียนขึ้นจนดูเหมือนผิวของเด็กทารก มันดูยืดหยุ่นขึ้นมาก ทั้งหมดนี้เป็นผลของโอสถชำระไขกระดูก
หลู่เส่าโหย่วปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ ด้วยความปลื้มปีติ เขาสัมผัสถึงพลังลมปราณภายในร่างอย่างตั้งใจ ในเวลานี้ ดูเหมือนลมปราณภายในร่างของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“คุณชาย ประโยชน์ที่ท่านบอกว่าจะให้ข้าล่ะ” หลู่เสี่ยวไป๋ถามอย่างไม่เกรงใจ
“ขาดเจ้าไปคงไม่ได้” หลู่เส่าโหย่วลืมตาขึ้น และในมือก็ได้ปรากฏแผ่นหยกขึ้นมาอย่างลึกลับ “นี่คือทักษะหมาป่าอัคคี หลังจากเจ้าฝึกฝนทักษะนี้ เจ้าจะสามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ ในภายภาคหน้าที่เจ้าติดตามคุณชายอย่างข้า เจ้าจะได้กินดีอยู่ดีไม่มีขาด”
“ข้าจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ คุณชาย ท่านล้อข้าเล่นแล้ว” หลู่เสี่ยวไป๋กลอกตาใส่หลู่เส่าโหย่ว เขาไม่กล้าเชื่อ ตัวเขาที่เป็นคนรับใช้ระดับต่ำจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างไร
“ใครมีเวลาว่างมาล้อเล่นกับเจ้า รับสิ่งนี้ไป แล้วหยดเลือดใส่มัน” หลู่เส่าโหย่วมองหลู่เสี่ยวไป๋และกล่าวอย่างจริงจัง ไม่ได้มีท่าทีเหมือนคนพูดเล่น
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เสี่ยวไป๋จึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็รับแผ่นหยกมาแล้วกัดที่นิ้วชี้จนเลือดออก เลือดหนึ่งหยดได้ตกเลอะบนแผ่นหยกนั้น
“ซือ….”
ทันใดนั้นก็มีแสงสีแดงบนแผ่นหยกพุ่งเข้าไปที่หว่างคิ้วของหลู่เสี่ยวไป๋ จากนั้นมันก็ได้เปลี่ยนเป็นข้อมูลมหาศาลเข้าไปภายในจิตใจ
“จดจำเคล็ดวิชาให้ดี และฝึกฝนช้าๆ จะสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเจ้าเองแล้ว จำไว้ พยายามอย่าให้ใครรู้” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“คุณชาย ทักษะหมาป่าอัคคีนี่จะสามารถทำให้ข้ากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้จริงหรือ” เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง หลู่เสี่ยวไป๋ที่ยืนเหม่ออยู่กลางห้องก็กล่าวขึ้นมา
“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าเองแล้ว” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“ขอบคุณความกรุณาของคุณชาย” หลู่เสี่ยวไป๋คุกเข่าและหมอบศีรษะแนบไปกับพื้นเพื่อคำนับให้หลู่เส่าโหย่วทันที
“เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน รีบลุกขึ้นมา คิดอะไรของเจ้าอยู่ ใต้เข่าของลูกผู้ชายนั้นมีทองคำ เจ้าจะคุกเข่าลงง่ายๆ ได้อย่างไร” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“คุณชาย ท่านไปได้ทักษะหมาป่าอัคคีมาจากที่ใด ท่านให้ข้ามา แล้วตัวท่านจะทำอย่างไร หรือว่าท่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว?” หลู่เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นมาและกล่าวกับหลู่เส่าโหย่ว
“เจ้าจะถามอะไรมากมาย จะไปทำอะไรก็ไปทำ แต่ทางที่ดีเจ้าต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อข้าโดยเร็วที่สุด” หลู่เส่าโหย่วกล่าว หากหลู่เสี่ยวไป๋กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ข้างกายเขาก็จะถือว่ามีคนที่มีประโยชน์แล้ว
“ขอรับ คุณชาย” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบ เขารู้สึกมานานแล้วว่าคุณชายแตกต่างจากเมื่อก่อน แต่บัดนี้ เขาแน่ใจแล้วว่านายน้อยตระกูลหลู่ที่ไร้ประโยชน์ได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เมื่อเวลาผ่านไป คุณชายจะต้องโดดเด่นแน่นอน หากถึงเวลานั้น แค่คิดก็รู้แล้วว่า ข้างกายของคุณชายนั้น นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลู่เสี่ยวไป๋ก็ออกไปจากลานบ้านอย่างปีติ เขาจะไปหาสถานที่แอบฝึกทักษะหมาป่าอัคคี รอให้ตัวเขาฝึกฝนทักษะนี้สำเร็จ โชคชะตาคนรับใช้ระดับต่ำของตัวเขาก็จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เขาจะมีอนาคตที่สดใส เมื่อถึงเวลานั้น เสี่ยวฉุยที่อยู่ลานด้านหน้าต้องสนใจเขาอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ ได้เวลาหลอมโอสถเสริมพลังแล้ว” หลู่เส่าโหย่วที่อยู่ในห้องได้กล่าวออกมา ยังเหลือสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเสริมพลังอีกสี่ชุด โอสถที่หลอมขึ้นมาเขาตั้งใจจะกินสองเม็ด ขายสองเม็ด แบบนี้นอกจากจะเพิ่มระดับของตัวเองแล้ว เขายังสามารถหาเงินได้อีกเล็กน้อยด้วย เพื่ออนาคตต่อจากนี้
หลู่เส่าโหย่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจจะไปที่ด้านหลังหุบเขาเพื่อหาสถานที่หลอมโอสถ เพราะหากหลอมในลานบ้านนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยปลอดภัยนัก
เมื่อเตรียมตัวเสร็จ หลู่เส่าโหย่วก็รีบไปที่หุบเขาด้านหลังที่มีสถานที่มิดชิดในทันที รอบข้างของเขามีแต่ต้นไม่สูงใหญ่ เมื่อถึงด้านหลังก้อนหินขนาดใหญ่ และแน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้ปลอดภัย หลู่เส่าโหย่วจึงเริ่มเตรียมตัวหลอมโอสถ
เขานำเตามังกรเพลิงออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นก็เอาสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถออกมา หลังสงบจิตใจ หลู่เส่าโหย่วก็ได้เริ่มหลอมโอสถเสริมพลัง
เมื่อใช้ท่าประทับในมือ กลุ่มพลังวิญญาณก็ได้ไหลเข้าไปในปากมังกรอย่างช้าๆ จากนั้นก็ได้ปรากฏเปลวเพลิงอันร้อนแรงในเตามังกรเพลิง
สมุนไพรแต่ละอย่างได้ถูกใส่ลงในเตาตามลำดับ หลู่เส่าโหย่วเริ่มจมไปกับการหลอมโอสถ เมื่อคิดว่าโอสถเสริมพลังหนึ่งเม็ดมีราคาห้าสิบเหรียญทอง หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
บนส่วนหนึ่งของยอดเขา มีร่างของชายชราปรากฏอยู่ในที่แห่งนั้น เขากำลังจับจ้องไปยังหลู่เส่าโหย่วที่อยู่ล่างยอดเขา
“เด็กคนนี้ ถึงเวลาหากเกิดความผันผวนขึ้นมา มันคงคิดว่ามาถึงหุบเขาด้านหลังแล้วจะไม่มีใครรู้ แต่ถึงอย่างไรในตระกูลหลู่นั้นก็ยังมีอยู่หนึ่งหรือสองคนที่พอมีฝีมือบ้าง” เจ้าของร่างนั้นก็คือลุงหนาน หลังจากนั้น เพียงท่าประทับในมือเปลี่ยนไป รอบกายของเขาก็มีประกายแสงเลือนรางกระจายออกไป เพียงพริบตามันก็ปกคลุมเนินเขาหลายลูก จากนั้นชายชราก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วจากไป
หลังจากมีประสบการณ์การหลอมโอสถเสริมพลังมาแล้ว เมื่อหลู่เส่าโหย่วได้หลอมมันอีกครั้ง เขาก็รู้สึกคล่องมือมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อกลั่นหลอมสมุนไพรทั้งหมดเสร็จแล้ว เขาก็พักผ่อนครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้กินแรงเขามากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มหลอมโอสถอีกครั้ง การหลอมครั้งนี้ได้ล่วงเลยไปหนึ่งชั่วยามครึ่ง และเม็ดยาเสริมพลังก็ได้ปรากฏขึ้นภายในมือของเขา
“ห้าสิบเหรียญทองอยู่ในมือแล้ว” หลู่เส่าโหย่วยิ้ม “หลอมต่อ”
หลังจากปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็เริ่มหลอมโอสถอีกครั้ง ทว่าทุกสิ่งนั้นไม่อาจคาดเดาได้ ถึงแม้ตัวเขาจะคุ้นเคยกับการหลอมโอสถเสริมพลังแล้ว แต่ว่าในครั้งนี้ ในขั้นตอนการหลอมรวมนั้นได้เกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อย ทำให้การหลอมโอสถไม่สำเร็จ
“ปัง” เสียงระเบิดดังขึ้น เตามังกรเพลิงได้สั่นไหวขึ้นมา เมื่อเปิดฝาออก ก็มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดเหมือนจะเป็นจะตาย สีหน้าเศร้าลงไม่น้อย
“หมดสิ้นกัน ห้าสิบเหรียญทองของข้า” หลู่เส่าโหย่วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อมองไปที่เตามังกรเพลิง ยังดีที่เตามังกรเพลิงไม่ได้เป็นอะไร ไม่เช่นนั้นเขาคงมีความคิดอยากจะฆ่าตัวตาย
“ได้เวลาไปโดนทุบตีแล้ว” เขาเก็บของทุกอย่างด้วยความเจ็บปวดใจ เมื่อมองขึ้นฟ้า เขาก็คิดได้ว่าวันนี้คงไม่มีเวลาหลอมโอสถเม็ดที่สามแล้ว เมื่อล้มเหลวไปแล้วหนึ่งครั้ง เขาถึงได้รู้ว่าถึงแม้จะคุ้นเคยก็ต้องระมัดระวังอยู่ดี ถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียนก็แล้วกัน