ในวันที่สิบแปด ความไร้หนทางก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของลุงหนาน หลังจากที่หลู่เส่าโหย่วสามารถอดทนได้ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยสภาพหน้าบวมช้ำ เขาก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวอย่างได้ใจ “ตาเฒ่า ข้าทนได้หนึ่งชั่วยามแล้ว ถือว่าผ่านแล้วใช่หรือไม่”
“เหอะ” ลุงหนานถลึงตาใส่หลู่เส่าโหย่วแล้วกล่าวอย่างไม่เหลือเยื่อใยว่า “พรุ่งนี้จะมีการฝึกซ้อมที่หนักขึ้น”
เมื่อหลู่เส่าโหย่วได้ยินเขาก็ทรุดลงไปกับพื้นทันที ได้แต่แอบคิดในใจว่าความแข็งแกร่งไม่เท่าคนอื่น ก็ทำได้แค่อดทนไว้เท่านั้น
เมื่อถึงประมาณห้านาฬิกา หลู่เส่าโหย่วก็ลากร่างกายที่อ่อนแอกลับมาถึงห้องด้วยความปีติยินดี ลุงหนานคาดเดาเอาไว้ว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนตัวเขาถึงจะสามารถอดทนได้ถึงหนึ่งชั่วยาม แต่เขากลับทำได้ในสิบแปดวัน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง
หลู่เส่าโหย่วตักน้ำมาหนึ่งอ่าง แล้วใช้โอสถเสริมพลังใส่ลงไป หลังจากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าออกและลงไปแช่ในนั้น เขาสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของน้ำอุ่นๆ ที่กำลังห่อหุ้มรอยฟกช้ำของตัวเอง และจากนั้นก็เกิดอาการชาที่คุ้นเคยกับผิวหนังทั่วร่างของเขา
“สบายมาก” หลู่เส่าโหย่วหลับตาทั้งสองข้างลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผลของโอสถชำระกระดูกกำลังแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน มันกำลังหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อและกระดูกของเขา
หลู่เส่าโหย่วเพลิดเพลินไปกับมันและหลับตาลง เขาเอนหลังแล้วหลับไปในอ่างโดยไม่เคลื่อนไหว ปล่อยให้ร่างกายของเขาได้รับการปลดปล่อย ในสถานที่ผ่อนคลายเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วก็ได้ผล็อยหลับไป
“เส่าโหย่ว…”
ยามเช้าตรู่ ลั่วหลานซือเรียกหลู่เส่าโหย่วจากภายในห้องโถงเล็ก เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับ นางก็ยิ้มเล็กน้อย และจากนั้นก็ไปจากลานบ้าน
ครู่ต่อมาที่ด้านนอกลานบ้านนั้น ร่างที่สง่างามก็ได้ค่อยๆ เดินเข้ามา สาวงามผู้นั้นคือหลู่หวู๋ซวง วันนี้หลู่หวู๋ซวงสวมใส่ชุดรัดรูปสีแดงอ่อนซึ่งกระชับรูปร่างที่สง่างามของนางให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงจะไม่ดูหรูหรา แต่ก็ทำให้นางดูมีเสน่ห์มากขึ้นหลายส่วน
ส่วนโค้งของหน้าอกที่ไม่แบนราบ เอวที่บางและขาที่เรียวยาว บวกกับใบหน้าที่วิจิตร ดวงตากลมโต และทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ บริสุทธิ์ อ่อนหวานนุ่มนวล
หลู่หวู๋ซวงในตอนนี้กำลังถือตะกร้าอาหารในมือด้วยท่าทีที่สง่างาม ตะกร้าอาหารนั้นดูอุ่นร้อนและมีกลิ่นหอม ดูแล้วน่าจะเป็นอาหารเช้าที่อุดมสมบูรณ์
“เส่าโหย่ว” หลู่หวู่ซวงเข้ามาในลานบ้านและตะโกนขึ้น เมื่อนางเห็นว่าไม่เสียงตอบรับ นางจึงวางตะกร้าอาหารลง และเดินไปหน้าห้องของหลู่เส่าโหย่ว
“ก๊อกก๊อก…”
“เส่าโหย่ว” หลังเคาะประตูเบาๆ หลู่หวู๋ซวงก็ตะโกนเรียกอีกครา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ คิ้วเรียวสวยจึงขมวดขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าเช้าขนาดนี้ก็ออกไปข้างนอกแล้ว”
หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้กำลังเหนื่อยมาก ตัวเขาที่นอนอยู่ในอ่างไม่ได้รู้เลยว่ามีคนยืนอยู่ที่หน้าห้องของตัวเอง และเพราะตัวเขาเชื่อว่าคงจะไม่มีใครมาที่ลานบ้านง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย หากหลู่เส่าโหย่วให้ความสนใจสักนิด ตัวเขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ถ้ามีใครเข้ามาใกล้ด้านนอกลานบ้านก็คงจะรู้สึกตัวไปนานแล้ว
“เส่าโหย่ว” หลังจากตะโกนอีกครั้ง หลู่หวู๋ซวงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีนางตั้งใจจะนำอาหารเช้ามาให้หลู่เส่าโหย่ว แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ ในใจจึงรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาเล็กมา
ตั้งแต่คราวนั้นที่หลู่หวู๋ซวงเจอหลู่เส่าโหย่วในสวนด้านหลัง รูปร่างของลูกพี่ลูกน้องที่ไร้ประโยชน์ตั้งแต่เด็กในใจนาง ก็ได้เปลี่ยนไป มันไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้แต่รอยยิ้มบนหน้าของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ภายในใจของหลู่หวู๋ซวงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจลูกพี่ลูกน้องคนนี้ พอมีเวลาก็อยากจะมาดูสักหน่อย
“แอ๊ด…” เมื่อเสียงประตูที่ถูกเปิดออกดังขึ้น หลู่หวู๋ซวงก็ก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนางนั้นเป็นภาพของชายหนุ่มรูปงามที่กำลังแช่น้ำอยู่ กล้ามหน้าอกที่บึกบึน หัวไหล่กว้าง และยังมีหน้าท้องที่เรียบเนียน ส่วนประกอบของผู้ชายทั้งหมดนั้นได้ปรากฏอย่างชัดเจนในสายตาของนาง
หลู่หวู๋ซวงนิ่งแข็งค้างไปในทันที นางมองดูภาพตรงหน้าโดยไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย เหมือนว่านางจะตกตะลึงไปแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู หลู่เส่าโหย่วจึงตื่นขึ้นมา แต่หลังจากที่เขาลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือหลู่หวู๋ซวงที่อยู่ภายในห้อง และดวงตาที่กลมโตคู่นั้นก็กำลังมองมายังร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขา
“ข้าจะมาเรียกเจ้ากินอาหารเช้า แต่นึกว่าเจ้าไม่อยู่ ดังนั้น…” กล่าวยังไม่ทันจบ หลู่หวู๋ซวงไม่ได้กรีดร้องเสียงดัง แต่เมื่อสายตาของนางมองไปที่ดวงตาของหลู่เส่าโหย่ว นางถึงได้รู้สึกตัว ใบหน้าที่งดงามได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกับลูกพีชที่สุกแล้ว หลังจากนั้นนางก็รีบออกไปจากห้องของเขาทันที
“ข้าถูกถ้ำมองแล้ว” หลู่เส่าโหย่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นก็รีบกระโดดออกจากอ่างอาบน้ำแล้วสวมเสื้อผ้าทันที หลังจากลังเลไปชั่วครู่ เขาก็เดินไปยังห้องโถงเล็ก
ภายในห้องโถง หลู่เส่าโหย่วเห็นหลู่หวู๋ซวงที่กำลังก้มหน้าอยู่ นางนำอาหารภายในตะกร้าออกมาวางไว้บนโต๊ะด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ หลู่หวู๋ซวงก้มหน้าตลอดเวลา ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย
“กินอาหารเช้าเถอะ” หลู่หวู๋ซวงกล่าวเบาๆ เมื่อสัมผัสได้ว่าหลู่เส่าโหย่วกำลังเดินเข้ามา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ในเวลานี้นางไม่กล้าที่จะสบตาหลู่เส่าโหย่วแม้แต่น้อย
“อ่า” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกงุ่มง่ามเล็กน้อย ถึงแม้ตัวเขาจะมาจากอีกโลกหนึ่งแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด เขานั่งลงและก้มหน้ากินอาหารเช้า
ทั้งสองคนได้แต่นั่งตรงข้ามกัน ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น หลู่เส่าโหย่วแอบมองหลู่หวู๋ซวงในบางครา นางก้มหน้าแดงๆ ของตัวเองจนชิดกับคอตลอดเวลา เวลากินก็ก้มหน้ากิน คาดว่าสติคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
“พี่หวู๋ซวง ข้ากินเสร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วเป็นฝ่ายทำลายความอึดอัดระหว่างทั้งสองลง
“ข้าก็กินเสร็จแล้ว เดี๋ยวข้าเป็นคนเก็บเอง” หลู่หวู๋ซวงยืนขึ้นโดยไม่เงยหน้า และเริ่มเก็บอาหารบนโต๊ะ
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปทำ” สถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ทำให้หลู่เส่าโหย่วรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้จากไป เขาได้แต่ยิ้มอย่างข่มขื่นและคิดในใจว่า จริงๆแล้ว เรื่องนี้มันไม่มีอะไรเลย ก็แค่นางเห็นร่างที่เปลือยเปล่าของเขาเท่านั้นไม่ใช่หรือ
“ข้า…ข้าควรทำอย่างไรดี” เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่ว หลู่หวู๋ซวงก็หน้าแดงและแสดงความเขินอายออกมา ตั้งแต่เด็กจนโต นางจะเคยเห็นภาพแบบนั้นได้อย่างไร
หลังออกจากลานบ้าน หลู่เส่าโหย่วก็ไปที่หุบเขาด้านหลังอีกครั้ง ภารกิจในตอนเช้าของเขาก็คือการหลอมโอสถเสริมพลัง ตั้งแต่ที่เขาล้มเหลวครั้งล่าสุด หลู่เส่าโหย่วก็ไม่เคยล้มเหลวอีกเลย และในตอนนี้เขายังสามารถหลอมโอสถให้เสร็จภายในครั้งเดียวได้แล้ว
หลู่เส่าโหย่วในวันนี้ทำได้ดีกว่าปกติ เขาสามารถหลอมโอสถเสริมพลังได้ถึงสี่เม็ด เรื่องนี้ให้ทำตัวเขาดีใจอย่างมาก
และในระหว่างการหลอมโอสถนั้น หลู่เส่าโหย่วก็ค้นพบว่าความสามารถในการควบคุมพลังวิญญาณของเขาดีมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันนั้นพลังวิญญาณของเขาก็ได้ควบแน่นมากขึ้นในระหว่างการหลอมโอสถ
หลังออกจากหุบเขา หลู่เส่าโหย่วก็ได้เตรียมตัวไปยังห้องลับเพื่อฝึกฝนและถูกทุบตีอีกครั้ง ในช่วงเวลานี้ทุกอย่างนั้นสมบูรณ์แบบมาก และหลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกสนุกไปกับมัน โอกาสเช่นนี้ถึงแม้ผู้อื่นจะร้องขอแต่ก็คงไม่สามารถได้มันมา
เวลาในแต่ละวันได้ล่วงเลยไปเช่นนี้อย่างช้าๆ แต่ในช่วงนี้ หลู่เสี่ยวไป๋มาหาหลู่เส่าโหย่วน้อยลงกว่าเดิมมาก เหมือนว่าเจ้านั่นจะไม่มีเวลามาหาเขาแล้ว ทุกวันหลังจากทำงานเสร็จ หลู่เสี่ยวไป๋ก็จะไปหาที่แอบฝึกทักษะหมาป่าอัคคี
แต่ในวันที่เก้า หลู่เสี่ยวไป๋ก็ได้มาหาหลู่เส่าโหย่วครั้งหนึ่ง หลู่เสี่ยวไป๋ในตอนนั้นได้ฝึกฝนทักษะหมาป่าอัคคีสำเร็จแล้ว แต่เวลาที่จะได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงนั้นยังอีกห่างไกล
และในช่วงนั้น หลู่เส่าโหย่วก็ได้ไปที่เทียนเป่าเหมินสามครั้ง ในทุกๆ ครั้งก็จะนำโอสถเสริมพลังไปหลายสิบเม็ด ในตอนนี้โอสถเสริมพลังของเทียนเป่าเหมินขาดตลาดเป็นอย่างมาก หลังจากที่บางตระกูลได้ซื้อโอสถเหล่านั้นไปให้สมาชิกรุ่นเยาว์ในตระกูลแล้วได้ผลที่ดีเยี่ยม ตระกูลเหล่านั้นต่างก็อยากจะมาซื้ออีกครั้ง
ยามเย็นของวันที่สามสิบ หลู่เส่าโหย่วนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นที่ด้านหลังหุบเขา สถานที่ที่หลู่เส่าโหย่วมาหลอมโอสถบ่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า วันนี้เขามาเพื่อจะทะลวงสู่ระดับนักรบ ในระดับขั้นของระดับสาวกนั้น ตัวเขามีระดับผู้ฝึกยุทธ์เท่ากับผู้ฝึกวิญญาณ และได้มาถึงระดับเก้าชั้นสูงสุดแล้ว
วันนี้หลู่เส่าโหย่วเตรียมพร้อมที่จะทะลวงระดับฝึกยุทธ์และวิญญาณพร้อมกัน ในคราวนี้หลู่เส่าโหย่วรู้สึกมั่นใจมาก บนหุบเขาด้านหลังนี้ ไม่ควรจะมีผู้ใดมารบกวนระหว่างที่เขากำลังจะทะลวงระดับ