“เสี่ยวหลัน เสื้อผ้าของนายน้อยเส่าหู่ก็เป็นเจ้าที่ซักมาโดยตลอด วันนี้ข้ายังมีเสื้อผ้าที่ต้องซักอีกมาก เจ้าซักเองได้หรือไม่ ไม่อย่างนั้นแล้วข้าคงต้องซักจนถึงพรุ่งนี้เช้า” ลั่วหลานซือกล่าวพร้อมกับก้มหัวแล้วมองไปยังสาวใช้ที่หยิ่งผยองผู้นั้นด้วยสายตาอ้อนวอน
“พูดไร้สาระอะไรของเจ้า ข้าให้เจ้าซักเจ้าก็ต้องซัก หากซักไม่เสร็จวันนี้เจ้าก็อย่าคิดที่จะได้กลับไป เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นนายหญิงจริงๆ อย่างนั้นหรือ เจ้ามันก็แค่สาวใช้ต่ำต้อยเท่านั้น” สาวใช้คนนั้นหัวเราะเยาะและโยนเสื้อคลุมแบบจีนใส่หัวของลั่วหลานซือ
สาวใช้ที่อยู่รอบๆ นั้นได้แต่ก้มหัวลงไม่พูดไม่จา เมื่อมองไปยังลั่วหลานซือ ในตาของพวกนางก็มีความเห็นอกเห็นใจ ทว่าก็ไม่กล้าพูดอะไร เสี่ยวหลันคนนี้เป็นถึงสาวใช้ข้างกายของนายหญิงใหญ่ พวกนางไม่กล้าไปยั่วยุให้นางโมโหขึ้นมาหรอก นอกจากนี้ ลั่วหลานซือก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับพวกนาง เพียงเฝ้าดูอย่างสนุกก็พอแล้ว
ลั่วหลานซือหยิบเสื้อคลุมที่อยู่บนหัวออก ในเวลานี้มือทั้งสองข้างของนางทั้งแดงทั้งบวมไปหมด ในฤดูหนาวแบบนี้ คงเป็นเพราะนางแช่น้ำเย็นมานานเกินไปจึงเป็นเหตุให้มือของนางเป็นเช่นนี้
“เสี่ยวหลัน ข้าซักไม่หมดจริงๆ หากเป็นครั้งหน้าเจ้าว่าอย่างไร ครั้งหน้าข้าจะช่วยเจ้าซักเอง” ลั่วหลานซืออ้อนวอน ตรงด้านข้างของนางมีกองเสื้อผ้าขนาดใหญ่กองอยู่ หากจะซักให้เสร็จคงต้องใช้เวลานานอย่างมาก
“ลั่วหลาน ข้าให้เจ้าซักเจ้าก็ซักไปเถอะ หรือจะไม่ซักก็ได้ แต่แค่เจ้าต้องออกไปจากตระกูลหลู่ก็พอ หากอยากจะอยู่ก็ต้องตั้งใจทำงาน อย่าคิดว่าตัวเองเป็นนายหญิง” ชายที่สวมชุดคนใช้ระดับสูงเดินออกมาแล้วกล่าวกับลั่วหลานซือ ผู้ชายคนนี้คือผู้ดูแลที่รับผิดชอบห้องซักผ้า
“ผู้ดูแลจ้าว ข้าซัก…ข้าซัก” ลั่วหลานซือพยักหน้าเบาๆ ด้วยความคับข้องใจ แต่จะไม่ซักก็ไม่ได้ หากตัวนางออกจากตระกูลหลู่ไป นางจะไปไหนได้อีก เส่าโหย่วก็จะไร้ที่พักพิงด้วย
“อย่างนี้ค่อยใช้ได้หน่อย ซักให้สะอาด ไม่อย่างนั้นเจ้าได้เจอดีแน่” ผู้ดูแลจ้าวกล่าวเยาะเย้ย จากนั้นก็หันไปพูดกับสาวรับใช้ด้านข้างอย่างยิ้มแย้ม “แม่นางเสี่ยวหลัน อากาศหนาวขนาดนี้ เจ้าไปที่พักที่บ้านพักข้าก่อนเถอะ ไปผิงไฟให้ร่างกายอบอุ่น”
“ก็ดี” สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหลันแย้มยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แต่ก่อนที่นางจะเตรียมตัวจากไป ทันใดนั้น สีหน้าที่กำลังพึงพอใจของนางก็แปรเปลี่ยน แล้วกล่าวกับลั่วหลานซืออย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าสาวรับใช้ต่ำต้อย เสื้อผ้าของคุณชายเส่าหู่ต้องแยกไว้ด้วยกันเท่านั้น แต่เจ้ากลับเอาไปซักรวมกับเสื้อผ้าอื่น เจ้าอยากถูกทุบตีใช่หรือไม่”
“เสี่ยวหลัน ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ลั่วหลานซือกล่าวอย่างร้อนรน
“เจ้าหาเรื่องถูกทุบตี” เสี่ยวหลันจ้องมองไปยังลั่วหลานซือ ดวงตาฉายแววโกรธแค้น จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นและฟาดมือนั้นไปทางลั่วหลานซือ
“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าสาวรับใช้ต่ำต้อย” ใบหน้าของฝูงชนได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าผู้ดูแลจ้าวกลับเผยสีหน้าเย้ยหยัน แต่ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา และร่างร่างหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ที่ด้านหน้าของลั่วหลานซือ ร่างนั้นได้จับข้อมือของเสี่ยวหลันเอาไว้
“อ้า…” เสี่ยวหลันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด นางเจ็บจนใบหน้ากระตุกไปหมด ผู้ที่มาปรากฏตัวแล้วจับข้อมือของเสี่ยวหลันในชั่วพริบตาเอาไว้ก็คือหลู่เส่าโหย่วนั่นเอง เดิมทีหลู่เส่าโหย่วอยากจะมาหาท่านแม่ แต่เขากลับต้องมาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ แล้วเขาจะสามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อย่างไร
“สาวใช้ต่ำต้อย ออกไปให้พ้นหน้าข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนออกมาด้วยความเย็นชาแล้วสะบัดมือออก ทันใดนั้น เสี่ยวหลันก็ถูกเหวี่ยงออกไปไกลถึงสองเมตร นางโซเซถอยหลังไปจนก้นจ้ำเบ้ากับพื้น สาวใช้รู้สึกเจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
“ท่านแม่ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หลู่เส่าโหย่วไม่ได้สนใจสาวใช้นามเสี่ยวหลันเลยแม้แต่น้อย เขาย่อเข่าลงข้างๆ ลั่วหลานซือแล้วถามอย่างกังวล แต่เมื่อสายตาของเขาได้เห็นมือที่บวมแดงของท่านแม่ เขาก็รู้สึกราวกับหัวใจของตนโดนมีดกรีด
“เส่าโหย่ว ลูกมาได้อย่างไร ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบไปเถอะ” ลั่วหลานซือกล่าวในทันที เมื่อนางเห็นว่าหลู่เส่าโหย่วผลักเสี่ยวหลันจนล้มลงกับพื้น สิ่งแรกที่คิดได้คือทั้งผู้ดูแลจ้าวและเสี่ยวหลันคงจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่
“หลู่เส่าโหย่ว ดูเหมือนว่าเจ้าคงอยากจะแข็งข้อกับข้า เจ้ากล้าแม้กระทั่งลงมือ ดูท่าว่าบทเรียนครั้งก่อนนั้นจะยังไม่พอสินะ” ผู้ดูแลจ้าวกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“จ้าวซาน เจ้าพูดอะไร” หลู่เส่าโหย่วที่เห็นมือบวมแดงของท่านแม่ก็มีแต่ความเกรี้ยวโกรธเติบโตอยู่ภายในใจ เขาหันกลับมามองจ้าวซาน แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา แน่นอนว่าหลู่เส่าโหย่วจำคนผู้นี้ได้ มันคือคนที่ทุบตีเขาคนก่อนจนตาย และก็เป็นหนึ่งในคนที่นำเขาไปทิ้งที่หน้าผาวั่งเหวิน จ้าวซานเป็นคนรับใช้ที่นายหญิงใหญ่พามาจากตระกูลของนาง มีพลังบ่มเพาะระดับสาวก ครั้งก่อนที่ประตูด้านหลัง เขายังเห็นผู้ดูแลใหญ่และข้ารับใช้ระดับสูงที่มีการบ่มเพาะระดับสาวกอีกคนหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง เมื่อจ้าวซานมองเห็นความเย็นยะเยือกในดวงตาของหลู่เส่าโหย่ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจและรู้สึกใจสั่นอย่างไม่มีเหตุผล
“เจ้าหนู เจ้ากล้าผลักข้า เจ้าลูกผสมที่เกิดจากคนรับใช้ต่ำต้อย เจ้ากล้าแข็งข้อหรือ” ในตอนนั้นเอง เสี่ยวหลันก็ได้ลุกขึ้นมา ดูเหมือนว่านางจะลืมความเจ็บปวดที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไปแล้ว นางจ้องหลู่เส่าโหย่วอย่างเคียดแค้น
ขณะเดียวกัน สาวรับใช้ที่อยู่รอบๆ ต่างก็ก้าวถอยไปด้านข้างกันหมด พวกนางไม่กล้าที่จะเข้าไปสอดในเหตุการณ์นี้
“เสี่ยวหลัน เส่าโหย่วไม่ได้ตั้งใจ ผู้ใหญ่เช่นเจ้าอย่าเอาเรื่องเด็กมันเลย ข้าจะไปซักผ้าเดี๋ยวนี้” ลั่วหลานซือก้าวออกมายืนอยู่ด้านหน้าหลู่เส่าโหย่วด้วยความกังวลในทันที
“ท่านแม่ ท่านถอยไปเถอะ” หลู่เส่าโหย่วใช้แรงดึงลั่วหลานซือให้ไปยืนอยู่ข้างๆ เบาๆ จากนั้นก็มองไปยังเสี่ยวหลันและกล่าว “คำที่เจ้าพูดเมื่อครู่ หากแน่จริงก็ลองพูดอีกครั้ง”
“ทำไม ลูกผสมเช่นเจ้ายังคิดที่จะลงมืออย่างนั้นหรือ เจ้าคนไร้ค่า ให้ยืมความกล้าแล้วเจ้ากล้าหรือ เจ้าลูกผสมที่เกิดจากคนรับใช้ต่ำต้อย” นางจ้องมองหลู่เส่าโหย่วอย่างเคียดแค้นและกล่าวด้วยความเย้ยหยัน ตั้งแต่เล็กที่นางอยู่ข้างกายคุณหนูของตน นางก็ได้เรียนรู้บางอย่างมาบ้าง ถึงแม้จะไม่มีพรสวรรค์ที่จะสามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่กับบุรุษทั่วไปนั้นนางไม่กลัว
หลู่เส่าโหย่วรู้สึกโมโหขึ้นมาแล้ว หากเขาเป็นคนโดนด่า เขาก็ยังพอทนได้ แต่สาวใช้นางนี้กลับกล้าด่าแม่ของเขา เรื่องนี้เขาไม่สามารถทนได้ง่ายๆ แล้ว
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลู่เส่าโหย่วก็เหลือบมองเสี่ยวหลันแล้วกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าอย่างนั้นหรือ?”
“สวบ…”
“เพี้ยะ!”
ในชั่วพริบตา หลู่เส่าโหย่วก็ได้ไปปรากฏอยู่ที่ด้านหน้าของเสี่ยวหลัน ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ปล่อยฝ่ามือใส่ใบหน้าของสาวใช้ด้วยเสียงที่คมชัดจนมีเลือดไหลออกมาจากฟันหลายซี่ของนาง
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าอย่างนั้นหรือ เจ้าสาวใช้ต่ำต้อย เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เจ้ามันก็แค่สาวใช้ของตระกูลหลู่เท่านั้น”
“ผัวะ ผัวะ…”
หลู่เส่าโหย่วปล่อยหมัดและลูกเตะไปทางซ้ายขวาบนร่างของนางและกระแทกนางลงไปนอนบนพื้นทันที
“อ๊า…อ๊า..” สาวใช้นามเสี่ยวหลันส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาไม่หยุด ฝูงชนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตกตะลึงกันหมด แม้แต่ลั่วหลานซือกับผู้ดูแลจ้าวก็ยังยืนเหม่อจนทำอะไรไม่ถูก
“เจ้าสาวใช้ต่ำต้อย เจ้าลองดูข้าในตอนนี้สิว่ากล้าหรือไม่” หลู่เส่าโหย่วยังไม่หายโกรธ เขายังคงใช้เท้าเตะต่อไปหยุด แต่ละครั้งนั้นก็ไม่ได้ยั้งแรงเลย สุดท้ายเขาก็กระโดดลงบนร่างของสาวใช้ที่เอาแต่กรีดร้องอย่างรุนแรง
“เมื่อครู่เป็นมือข้างนี้ของเจ้าที่ต้องการจะลงมือใช่หรือไม่?” หลู่เส่าโหย่วยิ้มเยาะ เขาก้มตัวลงจับข้อมือขวาของนางและดึงขึ้นมา จากนั้นเขาก็หัวเราะก่อนจะใช้แรงบิดมัน
“กรอบ”
เมื่อเสียงแขนที่หักของเสี่ยวหลันดังขึ้น หลังจากนั้นนางก็ส่งเสียงกรีดร้องคร่ำครวญอย่างน่าสังเวชดังก้องอยู่ภายในห้องซักผ้า
“และเป็นปากของเจ้าที่กล่าวคำด่าสินะ” หลู่เส่าโหย่วหยิบหินขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมา จากนั้นก็ทุบลงไปที่ปากของเสี่ยวหลันอย่างโหดเหี้ยม
“ผัวะ”
ฟันของเสี่ยวหลันหักและปากของนางก็เต็มไปด้วยเลือด แม้แต่เสียงคร่ำครวญที่น่าสังเวชก็ยังออกมาจากในลำคอเท่านั้น
“สาวใช้ต่ำต้อย วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่หากครั้งหน้าเจ้ากล้ามายั่วยุข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่” หลู่เส่าโหย่วโยนหินในมือทิ้ง ปัดมือทั้งสอง และจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง
“ท่านแม่ พวกเราไปกันเถอะ” หลู่เส่าโหย่วเดินมายังด้านหน้าของลั่วหลานซือที่กำลังตื่นตระหนกตกใจแล้วกล่าวเบาๆ จากนั้นก็จับมือของท่านแม่แล้วเดินออกไป ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่ใช่ตัวเขาที่เป็นคนทำ