ดีที่เจียงหยุนชานยังไม่ได้เทเนื้อกระต่ายทิ้งทั้งถ้วย ยังไม่ถึงช่วงพลบค่ำ หลีโผจื่อก็ใช้ข้ออ้างที่ว่า “มาเอาถ้วย” เพื่อมาที่บ้านของเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชาน
นี่เป็นครั้งแรกที่หลีโผจื่อมาที่นี่ นางสังเกตบ้านของพวกเขาและพูดพึมพำกับตัวเองไปด้วย “เจ้าเท้าเล็กเจียงป่าวชิงอยู่กับคุณชายร่ำรวยคนนั้นมานานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ประโยชน์อะไรมามากนัก ดูบ้านหลังนี้สิ ดีกว่าบ้านดินเหนียวธรรมดานิดหน่อยเอง กระจอกจริง ๆ”
พูดพึมพำอยู่คนเดียวดี ๆ หลีโผจื่อก็เห็นเจียงป่าวชิงเดินกอดตะกร้าออกมา ในตะกร้ามีเมล็ดผักจำนวนหนึ่ง คล้ายกับว่านางกำลังจะไปปลูกผักอย่างไรอย่างนั้น
หลีโผจื่อเห็นเจียงป่าวชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจ
หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มแล้วมีประโยชน์อะไร ก็แค่คนปัญญาอ่อนที่ฟื้นตัวชั่วคราวเท่านั้นแหละ!
ทว่าเมื่อนึกถึงเงินห้าสิบตำลึงที่อาจจะได้ใช้ หลีโผจื่อก็ระงับความรู้สึกรังเกียจนี้ลง ใบหน้าแก่หนังเหี่ยวเผยรอยยิ้มที่ดูบิดเบี้ยวออกมาให้เห็น “ไอ้โย นี่ป่าวชิงไม่ใช่รึ ? ข้ากำลังจะเรียกเจ้าพอดี”
โจซื่อกลับไป รุ่นใหญ่อย่างหลีโผจื่อก็มา แต่ละคนกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
หลีโผจื่อเห็นเจียงป่าวชิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไฟโกรธในใจนางพวยพุ่งขึ้นมา นางเริ่มทำหน้าดุและคิดจะก่นด่าเจียงป่าวชิงว่าไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ แต่เมื่อนึกถึงเงินห้าสิบตำลึงที่อาจจะได้มา นางก็ผ่อนคลายสีหน้าลง เปลี่ยนกลายเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืดฝืนเต็มที
“ป่าวชิง รีบมาเปิดประตูให้ย่าสองของเจ้าเร็ว ๆ เข้าสิ ข้ามีธุระจะคุยกับพวกเจ้าน่ะ”
เจียงป่าวชิงแน่ใจแล้วว่าหลีโผจื่อกับโจซื่อจะต้องมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับนางหรือต้องการใช้ประโยชน์จากนางอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้น คนอย่างหลีโผจื่อกับโจซื่อจะฝืนยิ้มให้นางแบบนี้ได้อย่างไร
เจียงป่าวชิงไม่ใช่คนที่จะเป็นฝ่ายหาเรื่องใครก่อน แต่ถ้าหากว่าใครมาหาเรื่องให้นาง ก็อย่าหาว่านางไม่เกรงใจแล้วกัน
แทนที่จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร สู้ปล่อยให้อีกฝ่ายเปิดเผยจุดประสงค์ออกมาตรง ๆ เลยดีกว่า นางจะได้รับมือกับมันด้วย
เจียงป่าวชิงตัดสินใจได้ก็เลิกคิ้วขึ้น วางตะกร้าลงบนโต๊ะหินในลานบ้านแล้วหมุนตัวเดินไปที่ห้องครัว ไม่นานก็เดินถือถ้วยที่โจซื่อใช้ใส่เนื้อกระต่ายก่อนหน้านี้ออกจากบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมปิดประตูบ้านด้านหลัง
นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่านางไม่ต้องการให้หลีโผจื่อเข้าบ้านของนาง
เส้นเอ็นบนหน้าผากของหลีโผจื่อนูนขึ้นนิดหน่อยแต่ยังฝืนยิ้มอยู่ “ป่าวชิง ทำไมเจ้าไม่เชิญย่าของเจ้าเข้าไปนั่งในบ้านหน่อยล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงส่งถ้วยไปตรงหน้าแล้วพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ท่านย่าสองแค่มาเอาถ้วยไม่ใช่หรือเจ้าคะ ? ข้าแค่หยิบถ้วยออกมาคืนให้ย่าสองก็น่าจะได้แล้ว พวกข้าเพิ่งย้ายกลับมา ในบ้านยังไม่เป็นระเบียบดี ตอนนี้มันไม่เหมาะสำหรับต้อนรับแขกเจ้าค่ะ”
หลีโผจื่อไม่พอใจมาก นางอุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว แต่เจ้าเท้าเล็กเจียงป่าวชิงกลับไม่เชิญนางเข้าไปนั่งในบ้าน ไอ้เด็กนี่ช่างไม่ให้ความสำคัญกับคนแก่เลยจริง ๆ!
มันเป็นเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนอย่างที่ชาวบ้านเขาว่ากัน
หลีโผจื่อก่นด่าเจียงป่าวชิงอยู่ในใจ แต่เพื่อเงินห้าสิบตำลึงนั้น ยังไงก็ต้องพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไว้ก่อน “ก็ได้ ๆ ไม่เข้าไปก็ได้ ป่าวชิง อันที่จริงย่าสองมาเยี่ยมเจ้า และถือโอกาสคุยธุระกับเจ้าด้วย”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะในใจเมื่อมองท่าทีไม่ชอบใจแต่ไม่สามารถแสดงออกได้ของหลีโผจื่อ ดูแล้ว เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนางคงจะไม่เล็กเลยทีเดียว
หลีโผจื่อเห็นเจียงป่าวชิงไม่พูดอะไรก็ก่นด่าเจียงป่าวชิงในใจอีกครั้ง ‘เจ้ายังจะเสแสร้งทำไม เป็นหญิงมั่วโลกีย์ที่ผ่านมือของคุณชายจากตระกูลร่ำรวยมาแล้ว ยังจะเสแสร้งอีก!’
หากไม่ใช่เพื่อเงินห้าสิบตำลึงนั้น หลีโผจื่อคงไม่ยอมพูดเรื่องการแต่งงานที่ดีขนาดนี้ให้กับเจียงป่าวชิงหรอก
หลีโผจื่อพยายามอดกลั้น นางเเค่นยิ้มที่ดูเหี่ยวย่นออกมาให้เห็น “ป่าวชิง นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก ปู่สองของเจ้ากับข้าเป็นห่วงเรื่องที่เจ้าไม่มีพ่อแม่ นั่นช่างน่าสงสารมากจริง ๆ และเป็นเพราะพี่ชายเจ้าอายุยังน้อยจึงไม่มีใครช่วยเหลือเจ้าได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงจะไม่ยกเรื่องดี ๆ นี้ให้กับเจ้าหรอกนะ”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ท่านย่าสองพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่าเจ้าค่ะ ว่าตกลงแล้วมันคือเรื่องดีแบบไหนกันแน่ ถึงได้ทำให้ย่าสองกับปู่สอง ‘เป็นห่วง’ ข้าเช่นนี้”
ไม่รู้ว่าหลีโผจื่อได้ยินคำประชดในคำพูดของเจียงป่าวชิงหรือเปล่า นางถึงได้พูดขึ้นอย่างดีใจ “เจ้าไปที่อำเภอฉือเจียบ่อย ในอำเภอฉือเจียมีนายกาว บ้านเขาเปิดร้านขายเครื่องเงิน เจ้าเคยได้ยินไหม ?”
พูดถึงนายกาวที่เปิดร้านขายเครื่องเงิน เจียงป่าวชิงดูเหมือนจะมีภาพความทรงจำเกี่ยวกับเขาบ้างเล็กน้อย เมื่อลองนึกดูดี ๆ ก็คิดว่าคงจะเป็นครั้งนั้น ที่กงจี้รู้สึกว่าบนศีรษะของนางดูเรียบง่ายเกินไป จึงให้ร้านขายเครื่องเงินนำแบบเครื่องประดับประจำฤดูกาลมาให้นางเลือก และแน่นอน เจียงป่าวชิงบอกว่าไม่ต้องการแต่กงจี้หงุดหงิดมากจนถึงกับสั่งให้ร้านขายเครื่องเงินทำเครื่องประดับสวย ๆ ที่เข้ากับเจียงป่าวชิงสองชุดและให้นำมาส่งที่บ้าน
การค้าขนาดใหญ่เช่นนี้ นายกาวคนนั้นพาคนหลายคนช่วยกันนำเครื่องประดับมาส่งที่บ้านด้วยตัวเอง
เจียงป่าวชิงเห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีในตอนนั้น มันเกินไปสำหรับนางทว่านางก็ดีใจที่กงจี้ทำอะไร ๆ ให้
เจียงป่าวชิงนึกถึงนายกาวคนนั้น เขาดูเหมือนพ่อค้าร่ำรวยวัยกลางคนธรรมดาคนหนึ่ง ผมเขาบางมากและหน้าท้องก็ใหญ่แบบคนลงพุงหน่อย ๆ นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
น่าเศร้าที่พอนึกถึงนายกาว ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้นึกถึงกงจี้
เจียงป่าวชิงรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ แต่บนใบหน้าของนางกลับไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ
“ข้าเคยได้ยิน” นางตอบห้วน ๆ
หลีโผจื่อเห็นท่าทีนิ่ง ๆ ดูใจลอยของเจียงป่าวชิง นางก็คิดว่าเจียงป่าวชิงสนใจนายกาวจึงหน้าบานด้วยความดีใจ “งั้นรึ ? แต่เจ้าเองก็รู้เหมือนกันใช่ไหมว่าที่บ้านเขารวยมาก เจ้าลองดูร้านขายเครื่องเงินของเขาสิ นั่นเป็นร้านขายเครื่องเงินร้านใหญ่ที่สุดในอำเภอฉือเจียเลยนะ”
เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอย่างใจลอยว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนางด้วย
หลีโผจื่อเห็นเจียงป่าวชิงยังคงมีท่าทีใจลอยอย่างชัดเจน นางก็คิดว่าเจียงป่าวชิงถูกร้านขายเครื่องเงินใหญ่โตของนายกาวล่อให้หลงใหลเข้าแล้ว
นางลำพองใจมากยิ่งขึ้นก่อนจะพูดออกมาว่า “คนดี ๆ ที่เสนอโอกาสการแต่งงานดีขนาดนี้หายากมาก เจ้าพลาดไม่ได้เลยนะ เขามีเมียหลวงแต่เมียของนายกาวคนนั้นเป็นหญิงที่มีลูกไม่ได้ ลูกของเมียน้อยสามคนของเขาก็ต่างร่างกายอ่อนแอจึงเลี้ยงไม่อยู่และจากไป เมียหลวงของเขาพูดไว้ว่าถ้าใครเกิดลูกที่ร่างกายแข็งแรงได้ก่อน เมียหลวงของเขาจะอุ้มมาบนตักตัวเองและเลี้ยงดูเหมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง แต่เมียน้อยทั้งสามคนนั้นอายุมากแล้ว นายกาวจึงคิดจะหาเมียน้อยคนใหม่ที่ยังสาวและมีสุขภาพดี ถึงคราวที่มีลูกก็เป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะสามารถสืบทอดทรัพย์สินของครอบครัวนายกาวได้ แบบนี้มันต่างอะไรกับเมียหลักล่ะ เจ้าว่าจริงไหม ?”
หลีโผจื่อพูดยาวเหยียดด้วยใบหน้าเบิกบานหวังจะให้เจียงป่าวชิงยิ่งสนใจ และเมื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงยังมีท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอย่างใจลอยอยู่อีก นางก็รู้สึกโมโหทันทีทว่าเงินห้าสิบตำลึงอันหอมหวานนั้นกลับลอยมาในหัว นางต้องพยายามระงับอารมณ์โกรธลง
“ป่าวชิง เจ้าได้ยินข้าไหม ?”
เจียงป่าวชิงเหมือนเพิ่งดึงสติกลับมาได้ นางพยักหน้า “ข้าได้ยินแล้ว แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะเจ้าคะ ?”
หลีโผจื่อเบิกตากว้างทันที “แล้วทำไมจะไม่เกี่ยว ? เจ้าเคยคบเคยอยู่กับคุณชายผู้ร่ำรวยคนนั้นมาก่อนก็จริงแต่นายกาวนั่นไม่รู้ ถึงตอนนั้นข้าค่อยสอนวิธีตีสนิทคนอื่นเพิ่มให้เจ้า รับรองว่าเจ้าปะปนเข้าไปในหมู่คนรวย ๆ แบบนั้นได้แน่ ป่าวชิง ข้าว่าโอกาสการแต่งงานที่ดีขนาดนี้หาได้ยากมากเลยนะ เจ้าทำความเข้าใจหน่อยสิ ปู่สองกับย่าสองรักเจ้าถึงได้พูดเรื่องการแต่งงานนี้ให้เจ้าฟัง พี่เอ้อยาของเจ้าร้องไห้โวยวายอยู่ที่บ้าน ข้ายังไม่แนะนำให้นางเลย”