ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 192 ต้นตอพลังสีดำ

อวิ๋นเจี่ยวห้ามเลือดบนขาของเขาเอาไว้ พร้อมทั้งทำความสะอาดบาดแผลขนาดเล็กจำนวนมากบนตัวของเขา ก่อนจะหยุดลง เด็กชายบาดเจ็บสาหัสมาก แต่บาดแผลส่วนใหญ่ล้วนเป็นแผลเก่า อาทิความโค้งที่ไม่เป็นธรรมชาติของขาข้างขวา กระดูกขาหักมามากกว่าครึ่งเดือนแล้ว สิ่งที่สำคัญคือมือขวาของเขา น่าจะเพิ่งหักเมื่อกี้ ต้องดันกลับไปให้เร็วที่สุด เด็กคนนี้ร่างกายอ่อนแอเกินไป ไม่รู้จะอดทนได้หรือไม่

เธอครุ่นคิดก่อนจะหยิบยันต์ปิดการรับรู้ความเจ็บออกมา พร้อมพูดขึ้น “สหายน้อย ข้าจะต่อข้อมือให้เจ้า ยันต์นี้เจ้าถือเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะเจ็บมาก”

เด็กชายไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย

อวิ๋นเจี่ยวจึงทำได้เพียงปลุกยันต์และยัดใส่ฝ่ามืออีกข้างของเขาเอาไว้ จากนั้นดันมือขวาของเขากลับไป ไม่รู้ว่าเป็นฤทธิ์จากยันต์ หรือว่าอีกฝ่ายไม่สนใจความเจ็บปวดบนตัว ดวงตาของเขายังคงไร้อารมณ์ เพียงแต่จ้องมองท้องฟ้าที่มืดสนิท ราวกับร่างกายที่ไร้วิญญาณ

อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจเมื่อเห็นว่าเด็กชายไร้ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เธอหยิบก้อนกลมนุ่มสีขาวออกมาจากห่อกระดาษ จากนั้นส่งไปข้างหน้าของอีกฝ่าย “มาร์ชเมโลกินหรือไม่”

สายตาของเด็กชายมีปฏิกิริยาขึ้นมา เขาผงะไปเล็กน้อย จ้องมองมาร์ชเมโลตรงหน้าอย่างตะลึง ก่อนจะหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว ไม่ได้เอื้อมมือออกไปรับ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความฉงน

“น้ำตาล ของหวาน!” เธออธิบาย จากนั้นกินให้เขาดูชิ้นหนึ่ง

เด็กชายไม่ได้รับไป เพียงแต่จ้องมองเธออยู่อย่างนั้น

อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ นำกระดาษมาห่อไว้ แล้วยัดใส่มือที่กำยันต์เอาไว้ “ถือไว้”

เขาเบนสายตาไปมองห่อกระดาษในมือ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

เหล่าชาวบ้านยิ่งเดือดดาลมากขึ้น ถึงแม้ชางหยางจะบอกทุกคนแล้วว่า พวกเขามีแนวทางในการรักษาชาวบ้านที่ติดโรคพวกนั้นแล้ว อีกทั้งวันนี้พวกเขาก็มาเพื่อรักษาโรค รวมไปถึงสืบหาสาเหตุ

แต่ว่าคนส่วนนั้นไม่เชื่อ มีบางคนถึงขั้นตะโกนออกมา “รักษาให้หายแล้วอย่างไร ตัวกาลกิณีไม่กำจัด ต่อไปคงจะนำพาความอัปยศมาสู่หมู่บ้านมากยิ่งขึ้น!”

ทันทีที่พูดจบ ทุกคนก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นหมอรักษาพลังลมปราณจากหุบเขาหมอหรือไม่ พวกเขาคิดจะพุ่งเข้ามาลากเด็กชายที่อยู่บนพื้น

ทางฝั่งอวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกชาวบ้านผลักออกไป กลับเป็นเด็กชายที่นอนอยู่บนพื้นนิ่งลุกขึ้นนั่ง หลบหลีกมือของชาวบ้านที่กำลังเข้าใกล้ มือซ้ายของเขากำไว้ที่หน้าอกอย่างแน่น โค้งลงไปด้วยตัวสั่นเทา ราวกับต้องกานใช้ร่างกายผอมบางของตนปกป้องสิ่งของที่อยู่ในมือ

แต่ว่าก็ไร้ประโยชน์ ด้านข้างมีมือหนึ่งยื่นออกมาคว้าผมของเด็กชายอย่างกะทันหัน ในขณะที่เขากำลังจะลากเด็กชายออกไป เด็กชายที่รับรู้ถึงความเจ็บปวดร้องโอดครวญออกมาด้วยเสียงแหบพร่า

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ร่างกายของเขามีพลังสีดำหลั่งไหลออกมา พร้อมกับพุ่งตรงไปยังชาวบ้าน และหมอรักษาพลังลมปราณด้านข้าง

อวิ๋นเจี่ยวรีบตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “ระวัง!” ออกจากตรงนั้น!

แต่เธอลากหมอรักษาพลังลมปราณรายนั้นออกมาได้ทันเท่านั้น อีกฝ่ายกำลังใช้แผ่นไม้ดามแขนของเด็กชายเอาไว้ เมื่อถูกอวิ๋นเจี่ยวดึงอย่างกะทันหัน ทำให้เขากลิ้งลงไปบนพื้น หลบพลังสีดำกลุ่มนั้นไปได้พอดี

ชาวบ้านรายนั้นโชคร้าย พลังสีดำพุ่งตรงไปยังเขา จากนั้นมุดเข้าไปในร่างกายของเขาทันที

“อ๊าก!” ชาวบ้านส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ก่อนจะล้มลง และกลิ้งไปมาบนพื้น เสียงร้องอนาถขึ้นเรื่อยๆ!

“ถอยหลังเร็วเข้า!” อวิ๋นเจี่ยวพูด

เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนตกใจ มองดูคนที่กลิ้งไปมาบนพื้นอย่างตกตะลึง

“นี่…เหมือนตอนที่จ้าวเอ๋อหนิวเป็นเลย เขา…เขาก็ถูกตัวกาลกิณีสาปแช่ง!” มีคนชี้ไปยังคนที่นอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น ชาวบ้านต่างมีสีหน้าซีดเผือด หมดแรงที่จะจับอาวุธในมือขึ้นมา

“หนีเร็ว!” ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา เหล่าชาวบ้านทิ้งอุปกรณ์การเกษตรในมือลง ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไปยังทิศทางของหมู่บ้าน ไม่สนใจคนที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้น สลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในทันใด!

ลูกศิษย์ของหุบเขาหมอยังคงยืนอยู่ที่เดิม พวกเขาเป็นศิษย์เสวียนเหมิน ไม่อาจถอยได้

พลังสีดำบนตัวของเด็กชายหลั่งไหลออกมามากขึ้น เขานั่งลงไปบนพื้นเหมือนเดิม ทำให้คนทั้งคนถูกพลังสีดำปกคลุมเอาไว้ ในขณะที่พลังสีดำกำลังจะปะทุออกมานั้น เยี่ยยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างเดินขึ้นหน้า ยื่นนิ้วแตะลงบนหน้าผากของเด็กชาย

นาทีถัดมา เห็นเพียงพลังสีดำรอบตัวเด็กชายและรอบด้านสลายหายไป ราวกับไม่เคยมีมาก่อน

เยี่ยยวนเก็บมือกลับมา ก่อนจะหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว ความหมายชัดเจน…จัดการแล้ว!

“ขอบคุณอา…” เธอพูดไปเพียงครึ่งเดียวก็ชะงักลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็น “ขอบคุณมาก”

ชางหยางสีหน้าเป็นกังวล “สหายอวิ๋น ทำไมถึง…เมื่อกี้คือ…” พลังสีดำจำนวนมหาศาลอย่างนั้น เพียงแค่มองดูก็ขนลุกซู่

“พลังปีศาจ!” อวิ๋นเจี่ยวพูด “จัดการแล้ว!”

ชางหยางโล่งใจ ก่อนจะหันไปมองเด็กชายที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น คิ้วของเขาขมวดมุ่น “เด็กคนนี้ หรือว่าจะเป็น…” เผ่าปีศาจ?!

“ไม่น่าใช่!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว อาจารย์ปู่บอกว่าในหมู่บ้านไม่มีปีศาจ เช่นนั้นเด็กคนนี้คงไม่ได้ มีเพียงแต่พลังปีศาจเมื่อครู่นี้มาจากตัวของเขาจริงๆ

เธอเดินขึ้นหน้า มองดูคนบนพื้นอย่างละเอียด แต่ก็ไม่รู้ถึงสาเหตุ

เด็กชายที่ห่อตัวเป็นก้อนราวกับรับรู้การเข้าใกล้ของเธอ ร่างของเขาสั่นเทาเล็กน้อย หันหน้าเหลือบมองคนที่เข้าใกล้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น มือซ้ายที่กอดเอาไว้บริเวณหน้าท้องยื่นออกมา ก่อนจะยื่นห่อกระดาษที่ถูกบีบจนแบนมาให้เธอ พร้อมส่งเสียงเล็กที่แหบพร่า

“อา…”

อวิ๋นเจี่ยวผงะ นี่คือ…มาร์ชเมลโลที่เธอให้?! เมื่อกี้เขาพยายามซ่อนอันนี้เอาไว้!

อย่าว่าแต่อวิ๋นเจี่ยว ลูกศิษย์เสวียนเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกสงสารเด็กคนนี้!

อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้รับห่อกระดาษนั้นมา เธอส่ายหัวอย่างช้าๆ “ไม่ต้องหรอก”

มือที่ยื่นออกมาของเด็กชายสั่นเล็กน้อย ประกายที่ส่องสว่างขึ้นในตาดับลงไปในทันที

เธอหยิบลูกอมออกมาอีกห่อหนึ่ง วางบนมือที่กำลังจะหดกลับไปของเขา พร้อมทั้งหยิบห่อกระดาษที่ถูกทับแบนกลับมา “มาร์ชเมลโลเละแล้วไม่อร่อย กินอันนี้เถอะ!”

เขาผงะไปเล็กน้อย แสงสว่างในตาลุกวาวขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะส่งเสียงตอบกลับราวกับต้องการขอบคุณ แต่ก็ไม่อาจพูดออกมาได้ เขาทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งเก็บลูกอมเข้าในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

ชางหยาง: “…”

ทุกคน “…”

เด็กคนนี้ไม่ใช่ปีศาจอย่างแน่นอน!

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset