ประโยคเดียว น้ำเสียงราบเรียบ แต่ทำให้หัวของซิวเหยียนแทบจะระเบิด
เธอรู้สึกเพียงว่าแขนขาเย็นเฉียบจนชาภายใต้การจับจ้องของผู้เฒ่าซิว
“ปู่พาพวกเธอสองแม่ลูกกลับมาบ้านตระกูลซิวนานแค่ไหนแล้ว” ผู้เฒ่าซิวมองด้วยสายตาเย็นชา “สี่ปีแล้ว ดูเอาแล้วกันว่าในสี่ปีนี้หลานมีอะไรที่ควรค่าให้ตระกูลซิวปลุกปั้นบ้าง”
ซิวเหยียนไม่พูด เธอก้มหน้า
“หลานอยากเข้าวงการบันเทิง ปู่ก็ให้เข้า ทำเล่นๆ ใช่ว่าจะไม่ได้” ผู้เฒ่าซิวหยุดพักเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “คุณหนูใหญ่ตระกูลอื่นมีเข้าวงการบันเทิงที่ไหนกัน พวกเขามีแต่เปิดบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์กันเองทั้งนั้น”
“หลานเข้าวงการบันเทิงยังไม่เท่าไร แต่ดูระยะนี้สิ คนในเน็ตเขาพูดถึงหลานกันว่ายังไง”
ผู้เฒ่าซิวเอามือกระแทกจับที่วางแขน สีหน้าบึ้งตึง “หลานเป็นตัวแทนของตระกูลซิว แต่นี่หลานกำลังสร้างมลทินให้ตระกูล”
“คุณปู่ ขอโทษค่ะ” ซิวเหยียนสำนึกผิดอย่างรวดเร็ว “คนพวกนั้นก็แค่ไร้สมองทำตามกระแส วงการบันเทิงเป็นแบบนี้ทั้งนั้น แต่หนูก็มีจุดที่ทำไม่ถูก หนูจะปรับปรุงตัวค่ะ”
“ปู่ก็แค่เตือนหลาน” ผู้เฒ่าซิวส่ายมือ ไม่อยากพูดอะไรกับซิวเหยียนมาก “ถ้าหลานไม่มีอะไรที่ควรค่าให้ตระกูลซิวปลุกปั้น ก็ใช่ว่าปู่จะไม่มีตัวเลือกอื่น”
ตัวเลือกอื่นที่ว่าเป็นใครไม่ต้องบอกก็รู้
ซิวเหยียนเดินหน้าบึ้งออกไป
คุณนายซิวเห็นลูกสาวลงมาก็รีบจับไว้ “คุณปู่พูดอะไรกับลูกบ้าง”
“ไม่มีอะไรค่ะ” ซิวเหยียนตอบ “ต่อไปคุณแม่เล่นไพ่นกกระจอกให้น้อยหน่อยนะคะ”
ซิวอวี่อยากกลับมาก็ต้องผ่านด่านเธอให้ได้เสียก่อน
เธอไม่มีทางปล่อยให้ซิวอวี่กลับมาได้
…
โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ
หลังจากพักรักษาตัวจนหายดี อิ๋งจื่อจินก็กลับมาที่ห้องสิบเก้า
“พ่ออิ๋งๆ!” ลูกน้องวิ่งมาด้วยความตื่นเต้น “พ่ออิ๋ง รู้ไหมว่าสอบชีวะครั้งนี้ผมได้คะแนนเท่าไร แปดสิบสอง!”
คะแนนเต็มเก้าสิบ ได้แปดสิบสองก็คือคะแนนสูงมาก
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ชื่นชมโดยไม่ตระหนี่คำพูดแม้แต่น้อย “เยี่ยมมาก”
ลูกน้องวิ่งไปอวดเจียงหรานด้วยความดีใจ
เจียงหรานแจกถีบไปหนึ่งที
ซิวอวี่หมอบฟุบบนโต๊ะ ไม่ค่อยสดชื่นเท่าไร เหมือนคนป่วย
อิ๋งจื่อจินหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ “กินของหวานๆ หน่อย อารมณ์จะได้ดีขึ้น”
ซิวอวี่หันมารับแล้วฉีกกิน
จากนั้นก็เงียบไปนาน ในที่สุดซิวอวี่ก็พูดขึ้น “ซิวเหยียนเป็นลูกคนละแม่กับฉัน”
มือของอิ๋งจื่อจินที่เปิดฝาขวดอยู่หยุดชะงัก “พ่อเดียวกันแต่คนละแม่เหรอ”
ตอนที่เธอได้ยินเถิงอวิ้นเมิ่งบอกว่าซิวเหยียนเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซิว เธอก็ให้ความสนใจนิดหน่อย
เธอพยากรณ์ไม่ได้ รู้แค่ว่าซิวเหยียนเป็นคนตระกูลซิว
“อืม แม่ของฉันเป็นคุณหนูจากตระกูลเศรษฐีใหญ่” ซิวอวี่พยักหน้า “ถึงแม้จะไม่ได้ระดับเดียวกับตระกูลมู่ตระกูลเนี่ย แต่ก็เป็นอันดับรองๆ ลงมาในตี้ตู ส่วนซิวเหยียน…”
เธอยักไหล่ ท่าทางไม่แคร์ “แม่ยัยนั่นเป็นเมียน้อย”
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไร
“สี่ปีก่อนแม่ของฉันตายด้วยโรคมะเร็ง พ่อของฉันหายตัวไป เป็นตายไม่รู้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เจอตัว” ซิวอวี่พึมพำ “พวกเขารับซิวเหยียนกลับมา เพราะแม่ของซิวเหยียนยังได้คลอดลูกชายมาคนหนึ่งด้วย แต่แม่มีฉันแค่คนเดียว”
อิ๋งจื่อจินยังคงเงียบ
บางตระกูลก็รักลูกชายมากกว่าลูกสาวจริงๆ
“ยังมีเรื่องอื่นอีกนิดหน่อย ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นฉันก็เลยออกจากบ้านตระกูลซิว” ซิวอวี่พิงเก้าอี้ มองมือตัวเอง “ฉันไม่ได้กลับไปสี่ปีแล้ว พ่ออิ๋ง ฉันดูอ่อนแอหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ยิ้มเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอ ฉันไม่ขอตัดสิน”
“พ่ออิ๋ง วางใจได้” ครั้งนี้ซิวอวี่พูดจริงจัง “ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก ถ้ายัยนั่นยังรังแกเธออีก ฉันจะกลับไปแน่”
อิ๋งจื่อจินหาวออกมา เลิกคิ้วเล็กน้อย “มองไม่ออก เพราะเสน่ห์ฉันแรงไม่แผ่ว”
ซิวอวี่ “…”
“เดี๋ยวนะ” ซิวอวี่นึกสงสัย “เธอไปเลียนแบบคำพูดพวกนี้มาจากไหน”
ทำไมอยู่ๆ ก็ยอตัวเอง
ขณะที่อิ๋งจื่อจินกำลังจะตอบ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นในเวลานี้
เธอเหลือบมองแล้วลุกออกไปรับสายนอกห้องเรียน
ผู้เฒ่าจงโทรมา
อิ๋งจื่อจินพิงกำแพง ผ่อนน้ำหนักลง “สวัสดีค่ะคุณตา”
“จื่อจิน” น้ำเสียงของผู้เฒ่าจงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง “เมื่อวานตาดีใจไปหน่อยที่เจอหลาน เลยลืมบอกเรื่องสำคัญไป”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง หันตัว “ว่ามาค่ะ หนูฟังอยู่”
“ตาเฒ่าฟู่ ไม่สิๆ ปู่ฟู่ ตาเห็นช่วงนี้เขาติดนอน เลยคิดว่าร่างกายเป็นอะไรหรือเปล่า” ผู้เฒ่าจงเล่า “หลานรักษาเป็นอยู่บ้างใช่ไหม ไม่งั้นไปช่วยตรวจเขาหน่อยเป็นไง”
เรื่องที่อิ๋งจื่อจินรักษาคนเป็น ผู้เฒ่าจงดูออกจากพวกของที่เธอเอามาให้เขา เช่น ใบชา ถุงหอม เป็นต้น
เขาไม่รู้ว่าอิ๋งจื่อจินก็คือหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงในฮู่เฉิงกับเฉิงตู รวมถึงเมืองใหญ่ๆ โดยรอบ
ใช่ว่าผู้เฒ่าจงจะไม่รู้เรื่องในตระกูลฟู่
เขารู้ว่าฟู่หมิงเฉิงกับพวกพี่น้องคนอื่นๆ ต่างอยากให้ผู้เฒ่าฟู่จากไปโดยเร็ว
“อ่อ ได้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินมองตารางงานของตัวเอง “วันนี้เย็นหนูว่าง คุณตารับปู่ฟู่ไปที่บ้านคุณตานะคะ หนูจะไปตรวจให้”
“อ้อ ได้สิๆ” ผู้เฒ่าจงตอบ “ตาจะให้คนใช้เตรียมอาหารที่หลานชอบไว้”
หลังจบบทสนทนา อิ๋งจื่อจินก็กลับเข้าห้องเรียน
ซิวอวี่กลับมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เธอผิวปาก “พ่ออิ๋ง ตอนเย็นไปสนามแข่งรถเทียนหม่าไหม ฉันจะพาเธอไปซิ่ง ฉันขับรถเก่งนะ”
“วันนี้ไม่ว่างแล้ว” อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ฉันนัดกับคุณตาไปก่อนแล้ว”
“งั้นก็ได้” ซิวอวี่สบายๆ “ไว้วันหน้าแล้วกัน”
เธอโน้มตัวเห็นอิ๋งจื่อจินเปิดแอปฯ ทำโจทย์ของไอเอสซีแล้วเริ่มทำโจทย์
ด้วยความเร็วสิบวินาทีต่อหนึ่งข้อ
ซิวอวี่ยังไม่ทันอ่านโจทย์เสร็จอิ๋งจื่อจินก็ไปหน้าต่อไปแล้ว
ซิวอวี่ “…”
นี่มันความเร็วระดับไหนเนี่ย เธอตาพร่าหรือเปล่า
จนกระทั่งเธอเห็นอันดับที่อยู่มุมซ้ายบนของหน้าจอกับชื่อไอดี
ซิวอวี่ถึงกับสำลัก “โอ้โห!”
ที่แท้อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตในตอนนั้นก็คือพ่ออิ๋งของพวกเราเหรอ
ซิวอวี่นึกถึงช่วงหลายวันมานี้ที่ชาวเน็ตเริ่มคุยกันว่าอันดับที่หนึ่งไม่ไหวแล้ว หายเงียบไปหลายวัน
ตอนนั้นเธอเองก็คิดแบบนี้
แต่ตอนนี้ไม่แล้ว
อย่างไรเสียพ่ออิ๋งของพวกเขาก็เป็นพวกที่ว่านึกออกค่อยทำ เวลาส่วนใหญ่เอาไปนอนมากกว่า
ซิวอวี่ครุ่นคิด หยิบแบบฝึกหัดจำลองข้อสอบออกมาหนึ่งชุดแล้วเริ่มทำโจทย์
เธอสมัครไอเอสซีไปก็แค่ตามกระแส ฝึกฝนๆ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“เจ๊อวี่ ทำอะไรอยู่” ลูกน้องถามด้วยความสงสัย พอชะโงกหน้าเข้ามาดูก็ต้องถึงกับช็อก “เจ๊อวี่เริ่มตั้งใจเรียนจริงๆ แล้วเหรอ ผมไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”
ใช่ว่าพวกเขาจะมองไม่ออก ถึงแม้เจียงหรานกับซิวอวี่จะไม่เรียนหนังสือ แต่สถานการณ์ของสองคนนี้ก็ต่างกัน
เจียงหรานคือแค่ขี้เกียจเรียน แต่ตอนนี้เขาเริ่มเรียนแล้ว
ส่วนซิวอวี่ปฏิเสธการเรียนเอามาก ไม่ใช่แค่เรื่องเรียน หลายอย่างเธอก็ปฏิเสธ
“อย่ามาสาระแน” ซิวอวี่ทำหน้ารังเกียจ “เชื่อไหมล่ะว่าสอบกลางภาคฉันทำคะแนนดีกว่านายได้”
“อ๋า คือ” ลูกน้องเกาหัว พูดเสียงอ่อย “ไม่ใช่ว่าผมอยากเชื่อนะ แต่ถ้าผมบอกไม่เชื่อ เจ๊อวี่ก็จะอัดผมแน่นอน งั้นผมเชื่อก็ได้”
“…”
…
คลาสเด็กอัจฉริยะชั้นมอหก
ตอนนี้เป็นคาบทบทวนบทเรียนด้วยตัวเอง พวกนักเรียนกำลังฝึกทำโจทย์
“อื้อหือ เทพคัมแบ็กแล้ว!” เวลานี้กรรมการนักเรียนคนหนึ่งได้ตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น “หายเงียบไปสิบกว่าวัน แต่พอลงมือทีก็ขึ้นอันดับหนึ่งในชั่วพริบตา!”
“ว่าไงนะๆ” เพื่อนที่นั่งข้างๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดูก็เห็นชาร์ตอันดับล่าสุดของไอเอสซี
อันดับ 1 : ชื่อผู้ใช้งานถูกซ่อน จีน 2486 คะแนน
อันดับ 2 : อแมนด้า สหรัฐอเมริกา 2378 คะแนน
ยังคงห่างกันร้อยกว่าคะแนน
แต่พวกเขารู้ว่า อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมในตอนนี้ไม่ได้ทำโจทย์มาครึ่งเดือนแล้ว
เมื่อวานอแมนด้ายังเป็นอันดับหนึ่ง วันนี้เปลี่ยนคนแล้ว
“อยากรู้จริงๆ ว่าเทพคนนี้เป็นใคร” กรรมการนักเรียนตื่นเต้นมาก “เมื่อกี้ฉันกดเข้าไปดูเวลาที่เขาใช้ทำโจทย์ ครั้งนี้ทำไปสี่ชั่วโมง จะน่ากลัวเกินไปแล้ว”
สี่ชั่วโมง เก่งยิ่งกว่าคนอื่นทำมาสิบกว่าวัน
“ไม่รู้สิ” นักเรียนชายอีกคนพูด “ไม่ใช่แค่ในเวยปั๋ว เว็บนอกก็กำลังขุดคุ้ยว่าคนคนนี้เป็นใคร แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคุ้ยไม่เจอ”
ทุกคนต่างไม่ได้นึกถึงพวกตัวแทนที่ได้โควตาทะลุเข้ารอบนานาชาติ
เพราะตัวแทนเหล่านี้แทบไม่มีกำลังเหลือ แค่เข้าร่วมติวก็เปลืองเวลามากแล้ว มีเวลาลงแข่งรอบคัดเลือกที่ไหนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงขนาดได้โควตารอบนานาชาติแล้ว ยังจะลงแข่งรอบคัดเลือกไปทำไม
“ฉันเดาว่า จะต้องเป็นเทพที่เก็บซ่อนตัวแน่นอน” กรรมการนักเรียนทำหน้ามีลับลมคมใน “ไม่เคยแสดงตัวมาตลอด ไม่อย่างนั้นจะต้องได้โควตารอบนานาชาติแน่นอน”
“เสี่ยวเซวียน คงไม่ใช่เธอใช่ไหม” อยู่ๆ นักเรียนหญิงร่วมโต๊ะก็พูดขึ้น “เมื่อกี้ฉันเผลอเห็นหน้าจอทำโจทย์ของเธอ เธอเองก็ไม่แสดงชื่อผู้ใช้งาน”
มือของอิ๋งเย่ว์เซวียนที่กดหน้าจออยู่หยุดชะงัก เงยหน้าขึ้น