อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด – ตอนที่ 177 หลบหนี

ตอนที่ 177 หลบหนี

‘หนีสิ!’ เธอคิดว่าเธอคงไม่สามารถออกไปจากห้องส่วนตัวใหญ่แบบนี้ได้ แต่เธอก็คิดจะพยายามขัดขืนอยู่ดี

“เธออย่าได้คิด!” เขารู้อยู่แล้วว่าในหัวของผู้หญิงคนนี้รู้จักแต่คำว่าหนี ครั้งนี้ถ้าเกิดปล่อยเธอหนีไปได้ เขาก็คงไม่เรียกตัวเองว่าจิ่งเป่ยเฉินอีกแล้ว

อันโหรวพยายามกลืนน้ำลายลงคอ พลางมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้าเกือบทุก ๆ วัน ก่อนจะเอ่ยปากอย่างโกรธเคืองไปว่า “ฉันเหนื่อยมากแล้ว ทำไมไม่ปล่อยฉันไปก่อน ให้ฉันพักสักสองวันจะได้ไหม?”

“สองวันหลังจากนี้คงรู้ใช่ไหมว่าต้องทำเรื่องอะไร”

เมื่อเขาเห็นว่าเธอสวมชุดที่สวยงามแบบนี้ ทั้งยังปรากฏตัวต่อหน้าชายคนอื่นอีก เขาก็แทบอดใจรอไม่ไหว คิดอยากจะควักตาของผู้ชายคนนั้นออกมาจริง ๆ!

ทันใดนั้นไหล่ของเธอก็เย็นวาบ กระโปรงบนตัวก็ถูกดึงออกจากเอว แต่เธอก็พยายามยกมือขึ้นเพื่อดิ้นรน “จิ่งเป่ยเฉิน ฉันเหนื่อยจริง ๆ นะ มือยังยกไม่ไหวเลย”

เมื่อเธอพูดขึ้น มือเรียวบางของเธอก็ร่วงลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ดีมาก ครั้งนี้เธอจะได้ไม่ต้องหนีไปไหน” เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงและจูบไปที่ริมฝีปากที่หอมหวานที่เขาคิดถึง

ริมฝีปากอันอบอุ่นของเธอนั้นเปรียบได้เหมือนการพิชิตเมืองทุกเมือง การที่ได้ปล้นความหอมหวานในปากก็เหมือนกับการพิชิตเจตจำนงของเธอไว้ได้

เธอเหนื่อยมาก เหนื่อยจนไม่มีแรงคิดต่อต้านอะไรกับเขาได้ด้วยซ้ำ แต่ผู้ชายคนนี้ที่อยู่ข้างกายเธอกลับเริ่มรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าเธอเองก็เริ่มติดเชื้อจากความตื่นเต้นของเขาเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเธอจะหลับตาลง แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายของเธอนั้นยังคงยอมให้ความร่วมมือกับเขาอยู่ดี

นอกเหนือจากเสียงที่ดังอยู่ข้าง ๆ เธอ เสียงที่ชายคนนั้นเอ่ยอย่างสั่น ๆ ว่า ‘โหรวโหรว’ มันฟังดูแล้วก็รู้สึกคลุมเครือไม่ใช่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขาเอ่ยชื่อของตน สุดท้ายเธอก็ยอมและเต็มใจให้เขา ตกเป็นของเขาอยู่ดี

หลังจากนั้นไม่นาน จิ่งเป่ยเฉินก็ค่อย ๆ กอดเธออย่างพึงพอใจ

ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือโหรวโหรว โหรวโหรวที่ได้หายไปเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอกลับมาแล้ว

จากนี้ไปจะเป็นโหรวโหรวของเขาแค่เพียงผู้เดียว

ครั้งนี้อันโหรวหลับไปแทบจะทันที ในหัวของเธอนั้นรู้สึกมึนงงราวกับว่าเธอนั้นกำลังเมาค้าง

ความทรงจำเมื่อคืนของเธอไหลผ่านเข้ามาในความคิดของเธออย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะขมวดคิ้วและค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

แน่นอนว่าชายที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ เธอนั้นคือจิ่งเป่ยเฉิน ชายผู้ที่มีใบหน้าหล่อเหลาแม้กระทั่งตอนนอน ชายผู้เย่อหยิ่งเป็นเขา!

เธอค่อย ๆ ดึงผ้าห่มขึ้น ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นเจ็บมาก ร่างเล็ก ๆ ล้มลงไปอีกครั้ง

เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ก็ปลุกจิ่งเป่ยเฉินที่หลับสนิทอยู่ข้างกายของเธอให้ตื่นขึ้น

มือซ้ายของจิ่งเป่ยเฉินวางลงบนท้องที่เรียบเนียนของเธออย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเธอ “ตื่นแล้วเหรอ? อยากกินอะไรไหม อยากไปห้องน้ำหรือเปล่า?”

“เมื่อคืนนายทำกี่ครั้งกันแน่ นี่มันเจ็บจนฉันลุกไม่ขึ้นเลยเนี่ย!” ตอนนี้เธอมองไปที่ใบหน้าของเขา คิดอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ จะทำยังไงดีนะ?

“โหรวโหรว ห้าปีก่อนหน้านั้นเธอทิ้งฉันไปโดยไม่บอกลา” มือของเขายังคงสัมผัสไปที่ท้องน้อยของเธอก่อนจะขยับลงไปอย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้าของเขาบ่งบอกถึงความคิดถึงคะนึงหาเป็นอย่างมาก

มือของอันโหรวที่อยู่ใต้ผ้าห่มจับไปยังข้อมือของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเคลื่อนมือลงไปลึกมากกว่านี้ เธอคิดว่าหลังจากนี้ไปเธอคงต้องหมั่นออกกำลังกายทุกเช้าไว้บ้างแล้ว ไม่งั้นเธอจะไม่มีแรงแบบนี้อีก

“นายเศร้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? นายรู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันเหนื่อยมากแค่ไหน เหนื่อยจริง ๆ นะ…” เธออยากตะโกนออกมา แต่ก็แทบจะไม่มีแรงแม้กระทั่งเอ่ยถ้อยคำเลยด้วยซ้ำ

“เธอทำให้ฉันอับอายกับผู้คนมากมายเสียขนาดนั้น เพราะงั้นฉันเลยสาบานว่าจะหาตัวเธอให้พบ และจะทำให้เธอไม่อาจลุกออกจากเตียงได้อีก” ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็เอามือขวาไปที่หัวของเธอ และดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาก่อนจะก้มหน้าลงข้างหูเธอ และพูดว่า “แต่ดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่อยากลุกจากเตียงเหมือนกันใช่ไหม วางใจเถอะ พวกเรายังมีเวลาอีกเยอะ”

“จิ่งเป่ยเฉินนี่นายกล้าสาบานจะทำอะไรกับฉันเนี่ย!” เธอกังวลจนหายใจถี่ขึ้นมา เธอหอบหายใจอย่างหนัก คำสาบานของเขาที่ดูเหมือนจะเป็นจริง ไม่อยากให้เธอลุกจากเตียงนี่มัน….

“เธอคือชีวิตของฉัน ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร?” เขาจงใจบีบท้องน้อย ๆ ของเธอ ก่อนจะพูดว่า “ไปกินข้าวกันเถอะ!”

“ไม่กิน!” เธอตอบกลับอย่างเฉยเมินอีกครั้ง

“งั้นเธออยากกินอะไร? หืม……” ชายที่ตัวสูงใหญ่ยกคงกอดเธออยู่ ก่อนจะเริ่มทำท่าทางคลุมเครือราวกับว่าคิดจะทำต่อ……

“ฉันจะกินข้าวเช้าก็ได้ แต่ไม่กินนายหรอก!” เธอเบนหน้าหนี ก่อนจะจงใจเพิกเฉยต่อใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาที่หลาย ๆ คนปรารถนาอยากจ้องมองนั้น

เธอรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่สามารถเอาชนะเขา เจ้าเด็กเล่ห์เหลี่ยมคนนี้!

จิ่งเป่ยเฉินเลิกคิ้วหล่อ ๆ ของเขา ก่อนจะจูบไปที่แก้มของเธอ จากนั้นก็ลุกขึ้นและปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน “นอนลงสิ ฉันจะเอามันมาให้เธอเอง”

อันโหรวที่ตั้งใจจะลุกขึ้นก็ได้หยุดกระทำทันที นี่มันอะไรกันเนี่ย? เขาจะเอาข้าวเช้ามาให้เธอเหรอ?

เธอส่ายหน้า ก่อนจะหันไปมองหน้าต่างจะถูกปิดจนมิดชิด ม่านบังแดดที่ปิดเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นแสงจากภายนอกได้ มีเพียงโคมไฟคริสตัลที่อยู่เหนือศีรษะที่ยังคงส่องแสง

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนจะลืมวันลืมคืน ไม่รู้ว่าปีนี้เป็นปีอะไร วันนี้คือวันอะไรกันแน่

ภายในสองนาที จิ่งเป่ยเฉินก็กลับมาพร้อมกับโต๊ะเล็ก ๆ ที่มีโจ๊กลูกเดือย พร้อมกับนม ขนมปัง และแอปเปิลวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดนี้เพื่อเสิร์ฟคนคนเดียว

ดูเหมือนว่าผู้ชายตรงหน้านั้นจะกินไปก่อนหน้านี้แล้ว

เธอหลับไปนานแค่ไหนกัน?

เขาวางโต๊ะตัวเล็กลงบนเตียง อันโหรวที่นอนอยู่ด้านข้างจึงลุกขึ้นมานั่ง สายตาของเธอเลื่อนจากอาหารไปมองใบหน้าของเขาและถามว่า “กี่โมงแล้ว?”

“ตีหนึ่ง”

“ตีหนึ่ง?” เธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อในคำพูดนั้น แต่เมื่อคิดจากความทรงจำ ตีหนึ่ง…พวกเขาทำเรื่องน่าอายขนาดนั้น ตอนนี้จะเป็นตีหนึ่งได้ยังไงกัน?

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกมีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะเอ่ยเสียงดังว่า “ตีหนึ่งอะไรของนาย หรือจะเป็นบ่ายโมงกันแน่?!”

“อืม” เขาแตะขอบชามก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ก็ยังไม่เย็นนี่ มานี่มา”

“นายว่างหรือไง? ตื่นแล้วจะอยู่ที่นี่ทำไม ยังไม่ออกไปอีก ยังจะมาอยู่กับฉันอยู่ได้ คิดจะเล่นสนุกบ้าบอหรือยังไง!” เธออยากจะเห็นเธอคนเดียวตอนที่ลืมตาขึ้นมา

จิ่งเป่ยเฉินแอบตกตะลึงกับคำว่า ‘คิดเล่นสนุก’ ของเธอ ก่อนจะเผยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าที่เย็นชา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันจะพาเธอไปด้วยก็ได้ถ้าเธออยากไป”

“จะพาไปทำไม? ฉันมีขา ฉันไปของฉันเองได้” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่านายได้ทำตามคำสาบานไปแล้วหรอกเหรอ?”

“ที่เธอหมายถึงคือให้ฉันทิ้งเธอที่ไม่อาจลุกจากเตียงได้? เธอเห็นฉันเป็นสัตว์ร้ายหรือยังไงกัน? เธอวางใจเถอะ ฉันกินเธอแล้วก็ต้องรับผิดชอบ” เขาตักโจ๊กลูกเดือยขึ้นมาหนึ่งคำ ก่อนจะลองชิมดู รู้สึกมันเย็นเล็กน้อยแล้ว เพียงแต่ว่าก็ยังดี น่าจะพอรองท้องได้อยู่บ้าง

“ฉันไม่ต้องการให้นายรับผิดชอบ!” เธอจับหน้าอกของตัวเอง และเมื่อรู้ตัวว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรเลย จู่ ๆ ใบหน้าขาว ๆ ของเธอก็พลันแดงขึ้นมา

เธอคุยกับจิ่งเป่ยเฉินในสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้มานานแล้วเหรอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจิ่งเป่ยเฉินถึงได้พยายามเอามือลดลงไปในตอนนั้น

“เสื้อผ้า เสื้อผ้าของฉันอยู่ไหน!” เธอดึงผ้าห่มบนเตียงขึ้นมาปิดหน้าอกของเธอ ก่อนจะพูดว่า “จิ่งเป่ยเฉินเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันนะ!“

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

Status: Ongoing
อ่านเรื่อง อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉดตอนที่ 1 ฉันเป็นเจ้าสาวของคุณ ภายในเรือเดินสมุทรที่ค่อนข้างหรูหรา ในตอนนี้ได้มีการจัดพิธีแต่งงานขึ้น อันโหรวกำลังมองไปยังคู่รักคู่หนึ่งด้วยสีหน้าและแววตาที่เย็นชา ชุดเดรสสีฟ้าที่เธอสวมใส่อยู่นั้นพลิ้วไหวไปกับสายลม “หยุดก่อน!” เธอตะโกนหยุดพิธีแต่งงานที่ดูไร้สาระนั่น ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานต่างจับจ้องมาที่ตัวเธอ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมถึงได้มายืนอยู่ตรงหน้าบ่าวสาวแบบนี้?” “หรืออาจจะเป็นคนรักของคุณชายโอวหยาง? แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่กัน?” ซุ่มสียงทั้งหมดดังเข้ามาในหูของเจ้าสาวอย่างเหลียวเว่ย รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นแข็งทื่อขึ้นมาทันที หัวใจก็เต้นโครมครามไม่หยุด เมื่อหันหน้าไปสบตากับผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม หัวใจของเธอก็ดำดิ่งลงไปเสียยิ่งกว่าอะไร คงไม่มีใครโง่พอที่จะปล่อยให้อดีตคู่รักมาสร้างปัญหาในพิธีแต่งงานหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในช่วงเวลานี้ เธอพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้มันพังลง! “โหรวโหรว…” โอวหยางลี่ปล่อยมือของเหลียวเว่ยทันที เขาหันไปอย่างไม่แยแสต่อสายตาของผู้คนภายในงาน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด ลียวเว่ยรู้สึกเป็นกังวลใจ เธอจึงรีบยื่นมือไปคว้าเขาไว้ “ลี่ ฉันเป็นเจ้าสาวของคุณนะ ในตอนนี้ตระกูลของอันได้ตกต่ำลงไปแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่ทว่ามือที่จับแขนของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยแรงที่ค่อนข้างมาก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset