“แต่สถานการณ์ของอาถิงในตอนนี้ไม่ดีเป็นอย่างมาก พลังของเขากำลังจะหมดไป ข้ารู้สึกได้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่สภาวะหลับใหล” มู่เฉียนซีร้อนใจดั่งไฟสุมอก
“ถ้าหากว่าคำสาปของจิ่วเยี่ยส่งผลขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับบาดเจ็บก็คือเจ้า อาถิงเขา…..”
“ทันทีที่เขาเข้าสู่สภาวะหลับใหล ข้าจะใช้พลังทั้งหมดที่มีส่งตัวเจ้าออกไป!”
สุ่ยจิงอิ๋งช่างเป็นพี่สาวที่ไร้หัวใจเสียจริง!
นี่คือหน้าที่ของผู้ปกป้องนิรันดร์ การปกป้องผู้เป็นเจ้านายนั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดในโลกา ไม่ว่าจะกับน้องชายฝาแฝดก็ตามที
“สุ่ยจิงอิ๋ง ถ้าหากอาถิงรู้เช่นนี้เข้าเขาจะเสียใจ!”
สุ่นจิงอิ๋งอ่อนโยนโดยเสมอมา เมื่อนำนางมาเทียบกับอาถิงที่มีอารมณ์มุทะลุอีกทั้งยังหยิ่งทะนงและมีปากกับลิ้นที่เป็นพิษแล้วนั้น มันช่างต่างกันราวกับฟ้าและดิน
หญิงสาวผู้ที่งดงามและอ่อนโยนผู้หนึ่งทำให้นางชอบเป็นอย่างมาก แต่ทว่าตอนนี้นางกลับกำลังจะทำเรื่องที่ไม่ยุติธรรมซ้ำเติมกับอาถิง
เช่นนี้แล้วยังเป็นพี่สาวแท้ ๆ อยู่หรือไม่?
สุ่ยจิงอิ๋งยิ้มแล้วกล่าว “นายท่านผู้โง่เขลาของข้า เพราะว่าความคิดของอาถิงในตอนนี้เหมือนกับความคิดของข้าอย่างไรเล่า! ถ้าหากเขารู้ว่าท่านทวงความยุติธรรมให้แก่เขา เขาจะต้องปลื้มปีติเป็นแน่”
ไม่มีใครที่จะรู้จักอาถิงดีไปกว่าพี่สาวผู้ที่จุติมาบนโลกนี้พร้อมกันกับเขา
มังกรปีศาจจ่านคงกล่าว “อาถิง เจ้าเลิกพยายามเสียเถอะ! พลังของเจ้ากำลังจะหมดสิ้น อีกไม่นานเจ้าก็จะเข้าสู่สภาวะหลับใหล เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะฉีกร่างเจ้านายผู้นั้นของเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วลบล้างวิญญาณของนาง เช่นนั้นวิญญาณของเจ้าก็จะเป็นเถ้าธุลีไป”
ในตอนนี้เองดวงตาอันใสกระจ่างของอาถิงได้ฉายแววเป็นสีเลือดออกมา
“เจ้ากล้าก็ลองดูสิ!”
พลังที่แห้งเหือดของอาถิงได้พลันระเบิดพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง!
ครืน!
ทันใดนั้น มังกรปีศาจจ่านคงก็ได้ถูกอาถิงถล่มโจมตีเข้าอย่างบ้าคลั่ง
“นั่นอาถิงเขา…..” มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงพลังของอาถิงที่พุ่งทะยานขึ้น
สุ่ยจิงอิ๋งยิ้มแล้วกล่าว “อาถิงเติบโตขึ้นแล้วน่ะสิ! ตั้งแต่เขาเกิดมาก็ได้ควบคุมพลังแห่งกาลเวลาที่แข็งแกร่งเอาไว้ สำหรับอาถิงแล้วทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าล้วนเป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้น เขาสามารถควบคุมได้ตามใจชอบ”
“แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากจิตวิญญาณของเขาว่างเปล่าเขาก็จะไม่เติบโตขึ้น แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ในใจของเขามีผู้ที่เขาต้องการจะปกป้องโดยไม่สนสิ่งอื่นใด ดังนั้นแล้วจึงก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้!”
“นี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้าไม่อยากให้จิ่วเยี่ยมา ซีเอ๋อร์ เจ้าต้องการการต่อสู้เพื่อพัฒนาตน อาถิงเองก็ต้องการเช่นกัน!”
เจตจำนงในการต่อสู้และการยืนหยัดที่จะปกป้องนั้น มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าเจตจำนงของการต่อสู้ในจิตวิญญาณของนางเองก็กำลังลุกโชนขึ้นมาแล้ว
อาถิงในตอนนี้ดูไม่เหมือนกับเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว
ถึงแม้ว่าเจตจำนงในการต่อสู้ของอาถิงจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถทำให้มังกรปีศาจได้รับบาดเจ็บอยู่เช่นเดิม
มิติที่รอบด้านนั้นได้ถูกฉีกจนแหลกสลายไปไม่น้อยเพราะการต่อสู้ในครั้งนี้!
“จะทำร้ายเฉียนรึ! ตายซะ!”
ในรอยแยกแห่งมิติแห่งหนึ่งได้พลันปรากฏเงาร่างสีเขียวขึ้นมาเงาหนึ่ง
เขาพุ่งผ่านไปราวกับภูตผี และได้ดึงหนวดของมังกรปีศาจจ่านคงเอาไว้ จากนั้นก็ลากร่างของมันฟาดลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง!
ตูม!
มู่เฉียนซีเบิกตากว้างและมองไปยังเงาร่างที่คุ้นเคยนั้น!
“ชิงอิ่ง ชิงอิ่งเจ้ามาแล้ว!” มู่เฉียนซีอุทานออกมา
เมื่อชิงอิ่งเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่เป็นไรก็สบายใจแล้ว ตอนนี้ต้องรับมือกับมังกรปีศาจนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“เจ้าเป็นใคร? ข้ากลับไม่รู้สึกถึงลมหายใจบนตัวเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว”
เพราะว่าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของชิงอิ่งเลยแม้แต่น้อย มันถึงได้ถูกชิงอิ่งโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ
แต่ทว่าอาถิงกลับไม่พอใจ “ไอ้หัวไม้ ใครให้เจ้าออกมาขัดขวางกัน! รีบไสหัวไปอยู่ข้างกายนางแล้วคอยปกป้องนางก็พอแล้ว เพื่อกันมิให้นางโดนลูกหลงจนกลายเป็นขี้เถ้า ส่วนมัน ข้าจะจัดการเอง!”
ผลปรากฏชิงอิ่งตอบกลับไปว่า “เจ้าลงมือช้าเกินไปนัก!”
เมื่อกล่าวจบ เงาร่างสีเขียวก็ได้แวบเข้าไปโจมตีมังกรปีศาจจ่านคงต่อ
อาถิงโกรธเกรี้ยวแทบตาย “เจ้าโง่ เจ้าเข้าใจภาษาคนหรือไม่?”
เสียงของมู่เฉียนซีดังลอยมา “เจ้าหมอนี่ เขามาช่วยเจ้า เจ้าไม่รู้สึกขอบคุณก็ยังไม่ว่า แต่เจ้ากลับไปโกรธเขา นิสัยของเจ้าสามารถแย่ไปกว่านี้ได้อีกหรือไม่!”
“นี่เขาเข้ามายุ่มย่ามมากเรื่อง!”
“แต่พลังของเจ้าเองก็เหลืออยู่ไม่มากแล้ว เจ้าต้องการที่จะใช้พลังที่เหือดแห้งเช่นนี้ แล้วหลับใหลไปอีกเป็นหมื่นปีหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าว
“ข้า…..”
“อาถิง เจ้าทำได้ดีมากแล้ว อาถิงเก่งกาจเป็นอย่างมาก! เช่นนั้นแล้วจากนี้ไปพวกเจ้าสองคนร่วมมือกันแล้วรีบจัดการมังกรปีศาจเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
การถูกชมเชยจากมู่เฉียนซีที่เป็นผู้หญิงไร้หัวใจนั้น นั่นทำให้อาถิงตกตะลึงไปอยู่บ้าง
ใบหน้าอันซีดขาวของเขามีสีแดงระเรื่อจาง ๆ เขาตอบกลับไปว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ต้องรีบจัดการให้ไวและชิงตัวพี่สาวกลับมา ร่วมมือก็ร่วมมือ!”
พลังของชิงอิ่งนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
มังกรปีศาจจ่านคงกล่าว “เป็นเจ้า….เป็นเจ้าที่ฆ่าหุ่นเชิดสัตว์สงครามของข้า เจ้าไร้ซึ่งลมหายใจและไร้ซึ่งพลังวิญญาณกับพลังชีวิต เจ้ามิใช่คน!”
“เจ้าเองก็เป็นหุ่นเชิดเหมือนกัน!”
หุ่นเชิดมนุษย์ตัวหนึ่ง ได้สังหารหุ่นเชิดสัตว์สงครามของเขาไป
“ในโลกนี้มีหุ่นเชิดอย่างเจ้าอยู่ด้วย ข้าอยากจะจับเจ้าและนำมาศึกษาเสียให้ดี…”
ตูม!
ชิงอิ่งไม่ได้สนใจในคำพูดของมันเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ในใจของเขาคิดแต่จะจัดการมังกรปีศาจอยู่อย่างเดียว และพามู่เฉียนซีออกไปสู่สถานที่ที่ปลอดภัย!
ตูม…
การป้องกันของมังกรปีศาจ อีกทั้งยังมีพลังแห่งมิติที่แข็งแกร่ง แม้จะเป็นชิงอิ่งและอาถิงก็ยังยากที่จะพิฆาตฆ่ามันได้
“มิติกักขัง!” มังกรปีศาจรีบฉวยโอกาสนี้ผนึกตัวของชิงอิ่งเอาไว้ในมิติ
“บิดตัด!”
“ชิงอิ่ง!” มู่เฉียนซีร้องตะโกนออกมาด้วยความกังวล
แต่ทว่าพายุมิตินั้นไม่อาจที่จะทำอันตรายแก่ชิงอิ่งได้ แน่นอนว่ามิติบิดตัดของมังกรปีศาจเองก็มิสามารถจะทำอันตรายได้เช่นกัน!
“เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?” มังกรปีศาจจ่านคงกล่าวขึ้นด้วยความตะลึงอย่างที่สุด
แม้ว่าจะมีพลังแห่งมิติก็ยังไม่สามารถทำอันตรายแก่หุ่นเชิดได้!
แกรก! หน้ากากของชิงอิ่งแตกออกเสียแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็ได้พุ่งออกมาจากมิติกักขัง
ผมสีดำดั่งน้ำหมึกได้ปลิวไสวอยู่ท่ามกลางลมที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าที่งดงามดั่งภาพวาดด้วยหมึกนั้นทำให้มองดูแล้วรู้สึกสบายตาสบายใจ!
“มีหุ่นเชิดที่หน้าตางดงามเช่นนี้ด้วย! รูปลักษณ์เช่นนี้มนุษย์ไม่อาจที่จะสร้างมันขึ้นมาได้เลย”
มังกรปีศาจจ่านคงเองก็มีความสามารถที่จะสร้างหุ่นเชิดขึ้นมาได้ มันรู้เพียงว่าหุ่นเชิดสามารถที่จะต่อสู้ได้นั่นก็เพียงพอแล้ว ทำให้ดีไปกว่านั้นก็ไม่มีประโยชน์อันใด
แต่ทว่า…
หุ่นเชิดที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติเช่นนี้ ถึงต่อให้เป็นเทพเทวดาก็ไม่สามารถที่จะสร้างออกมาได้!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หุ่นเชิดที่งดงามที่สุดในโลกนี้ ข้าว่าข้าจะไม่ทำลายเจ้าทิ้งแล้ว ข้าต้องการที่จะได้ตัวเจ้ามา ที่รักคงจะชอบของเล่นที่งดงามเช่นนี้!” มังกรปีศาจจ่านคงหัวเราะออกมา
อาถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าได้ใช้คำเรียกขานที่น่าขยะแขยงเช่นนั้น เจ้ารนหาที่ตายหรือไง?”
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้า!” มังกรปีศาจจ่านคงยิ้มแล้วกล่าว
ตูม!
พวกเขาทั้งสามต่อสู้กันอย่างไม่สามารถแยกตัวออกจากกันได้!
พลังสีเขียวได้ปกคลุมลงมาทำให้พลังของมังกรปีศาจจ่านคงนั้นถูกยับยั้งเอาไว้
มังกรปีศาจจ่านคงกล่าว “พลังลมปราณ มันเป็นพลังแห่งชีวิต…..”
“หุ่นเชิดที่ไร้ความรู้สึกและไม่มีชีวิตตัวหนึ่ง กลับมีพลังลมปราณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?”
ดูเหมือนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้พบเขาแล้วก็เกิดข้อสงสัยนี้ขึ้นในใจ!
แต่ปัญหาหานี้แม้แต่ตัวของชิงอิ่งเองก็ยังไม่รู้ นั่นเป็นเพราะเขานั้นไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวขึ้นบนโลกนี้ เขาก็ล่องลอยมาโดยตลอด เมื่อไร้ซึ่งพลังก็หลับใหล เมื่อมีพลังแล้วก็ล่องลอยต่อไป
เขาไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร แล้วก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นอยากทำอะไร?
จนกระทั่งได้พบเข้ากับเฉียนซี…..”