Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2037 ต่อสู้ไร้พ่าย ประชันกับสวรรค์

วิญญาณต้องห้ามแปลงมาจากพลังระเบียบต้องห้าม

ในสายตาของผู้ฝึกปราณแล้ว สิ่งนี้ก็เป็นดั่งร่างจำแลงของทัณฑ์สวรรค์ เปี่ยมไปด้วยอานุภาพสูงส่งหาใดเทียบ

ตั้งแต่ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิยุคบรรพกาล การประสบเคราะห์ของผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกเก่ออวี้ผูก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความน่าสะพรึงกลัวของวิญญาณต้องห้ามได้

และในการประชันหมากกระดานใหญ่เต็มฟ้าวันนี้ วิญญาณต้องห้ามก็สำแดงพลังอันน่าสะพรึงสะท้านทั่วหล้าออกมา

ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นแข็งแกร่งปานใด สู้จนระดับจักรพรรดิแพ้พ่าย ห้ำหั่นจนบรรพจารย์จักรพรรดิไร้พลังตั้งกระบวนท่า แต่หลังจากเผชิญหน้ากับวิญญาณต้องห้าม ต่างก็ถูกกดข่มอย่างน่ากริ่งเกรง แต่ละคนบาดเจ็บเจียนตาย!

นี่ทำให้บุคคลระดับจักรพรรดิกับระดับบรรพจารย์ที่เป็นศัตรูกับคีรีดวงกมลเหล่านั้นต่างสะท้านยิ่งนัก ทั้งยังรู้สึกคึกคักหาใดเทียบ คล้ายได้เห็นแสงอรุณแห่งชัยชนะในการประชันหมากครั้งนี้

แต่เมื่อลมระลอกนั้นพัดมา

เมื่อบุคคลดั่งตำนานผู้นั้นปรากฏตัวในโลกอีกครั้ง

ทั้งหมดนี้กลับว่างเปล่าเหมือนหมอกที่ถูกลมพัดสลาย!

……

เขาเป็นใคร

คีรีดวงกมล มีคนร้ายกาจที่น่ากลัวจนสามารถโจมตีวิญญาณต้องห้ามให้แหลกกระจุยได้ง่ายดายปานนี้ตั้งแต่เมื่อไร

ระดับจักรพรรดิที่เป็นศัตรูกับคีรีดวงกมลเหล่านั้นกังขาไปหมด

“หรือจะเป็น…”

แต่เฒ่าดึกดำบรรพ์บางคนกลับใจสั่นระรัว ทำใจเชื่อได้ยาก

“นอกจากเจ้าคนคลั่งการต่อสู้ที่แพ้ด้วยน้ำมือจอมจักรพรรดิไร้นามในตอนนั้นจะยังเป็นใครได้อีก”

แล้วก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์สีหน้าเหยเกหาใดเทียบ ตำนานเหนือโลกที่เดิมควรถูกกำราบ เดิมควรร่วงหล่นไปแล้วนั่น ดันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในวันนี้ นี่เป็นเรื่องที่ใครก็คิดไม่ถึง

“เป็นเขา!”

“เป็นเขาจริงๆ หรือ”

“ที่แท้ก็เป็นเขา…”

ความรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจของแต่ละคน สายตาของพวกเขามองไปยังสนามรบที่อบอวลไปด้วยเขม่าควันซึ่งอยู่ไกลออกไป

ขณะที่มองดูเงาร่างจองหอง สูงใหญ่ ลุกโชนราวเปลวเพลิงร่างนั้น ก็นึกถึงคนผู้หนึ่งในที่สุด…

ต่อสู้ไร้พ่าย ประชันกับสวรรค์

ผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งแห่งคีรีดวงกมล!

ผู้คนบนโลกต่างไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา จึงขนานนามว่า ‘จักรพรรดิยุทธ์’

ในขณะเดียวกัน รั่วซู่ช่วยศิษย์น้องที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนเหล่านั้นมาอยู่ข้างตัวได้แล้ว พอเห็นรอยเลือดชวนตะลึงบนร่างพวกเขา นางก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอีกระลอก

ยังดีที่ศิษย์พี่ใหญ่มาแล้ว

พอนึกได้นางก็รู้สึกสงบใจหาใดเทียบ เริ่มรักษาบาดแผลให้ศิษย์น้องเหล่านั้น

การประชันหมากคราวนี้ย่อมยังไม่จบ วังวนต้องห้ามบนเวิ้งฟ้านั้นยังลอยอยู่ แม้สงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่กลิ่นอายที่ตลบอบอวลกลับยิ่งพิสดารอัปมงคล

แต่รั่วซู่รู้ ขอเพียงมีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ นางก็ไม่ต้องร้อนใจกับเรื่องนี้อีกแล้ว

“ศิษย์พี่ เหตุใดข้าถึงเห็นรูปลักษณ์ของศิษย์พี่ใหญ่ได้ไม่ชัดเจน”

หลินสวินเอ่ยปาก เขาจ้องเงาร่างที่คล้ายสามารถค้ำฟ้า ก้าวย่างทะลวงเมฆได้มาตลอด แต่กลับเหมือนเห็นไฟลุกโชนแถบหนึ่ง

“ยังจำที่ข้าเคยบอกได้ไหมว่าศิษย์พี่ใหญ่เคยแปลงกายเป็นหมื่นพันร่าง ตัวคนเดียวก็ตั้งเรือนมรรคคืนกำเนิดได้ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา บนโลกนี้มีเพียงสองคนที่รู้”

“ใคร” หลินสวินประหลาดใจอย่างห้ามไม่อยู่

“คนหนึ่งก็คืออาจารย์ อีกคนหนึ่ง…”

รั่วซู่พูดถึงตรงนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง บอกหลินสวินด้วยการสื่อจิตว่า ‘อีกคนหนึ่ง คือแม่นางที่งดงามราวกับประกายเมฆแสงม่วงผู้หนึ่ง’

เป็นนางหรือ

ชั่วพริบตาหลินสวินก็นึกถึงเงาร่างสีม่วงซึ่งได้พบที่แดนลับท้อแบนในแหล่งสถานคุนหลุนตอนนั้น

‘ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งที่เก่งกาจกว่าเจ้าหลายโข เขาบุกเข้ามาที่นี่ หมายจะโค่นต้นท้อแบนโดยไม่สนสิ่งใด และเอาผลทั้งหมดของต้นไม้นี้ไปด้วย บอกว่าผลท้อที่อร่อยถูกปากเช่นนี้ต้องเอากลับไปให้พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักได้ลิ้มรสกันหน่อย’

‘แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้สมปรารถนา เพราะนี่เป็นถึงต้นท้อแบนหนึ่งเดียวในฟ้าดิน มีหรือจะเป็นสิ่งที่เจ้าคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นเขาจะสามารถสั่นคลอนได้’

‘ต่อมาเขาพูดตอนจากไปว่าภายหน้าจะต้องกลับมาอีกแน่ และจะตัดต้นท้อแบนที่ขัดลาภเขาต้นนี้แล้วเผาแทนฟืน ทำเช่นนั้นถึงจะสะใจ’

‘ต่อมา… ถึงอย่างไรข้าก็จะรอจนกว่าเขาจะกลับมา…’

พอนึกถึงการสนทนากับแม่นางชุดม่วงคนนั้น มองดูเงาร่างศิษย์พี่ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป ในใจก็ลอบเอ่ยว่าคงมีแต่คนอย่างศิษย์พี่ใหญ่ถึงทำให้แม่นางผู้นั้นรอคอยอย่างลุ่มหลงเช่นนี้ได้กระมัง…

“หึ!”

ทันใดนั้นเสียงเรียบเฉยไร้คลื่นความรู้สึกเสียงหนึ่งก็ทำลายบรรยากาศอันกดดันและเงียบเชียบนี้

ทุกคนเพียงรู้สึกว่าหูได้ยินเสียงวิ้ง จิตวิญญาณแทบพังทลาย รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด

รั่วซู่นัยน์ตาหดรัด “เขามาแล้ว”

เขามาแล้ว!

เพียงสามคำเท่านั้นกลับหนักอึ้งยิ่งนัก

หลินสวินนึกถึงคนผู้หนึ่งทันที…

จอมจักรพรรดิไร้นาม!

ก็เห็นว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้วงอากาศคนเดียวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดูวังวนที่อยู่ในส่วนลึกของท้องฟ้านั้น เสียงต่ำลึก “คนบนโลกล้วนเรียกขานเจ้าว่า ‘จอมจักรพรรดิไร้นาม’ มองเจ้าเป็นเจ้าแห่งระดับจักรพรรดิ ไม่อาจเทียบเคียงได้ แต่ในความคิดข้า เจ้าก็เป็นแค่… หมาตัวหนึ่ง”

เฮือก!

เสียงสูดหายใจสะท้านระลอกหนึ่งดังขึ้นจากที่ต่างๆ

จอมจักรพรรดิไร้นาม!

มีเพียงเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นจึงรู้ว่านามนี้มีความสำคัญมากปานไหน และพลังที่นามนี้สำแดงออกมาสูงส่งและน่ากลัวปานใด ตั้งแต่อดีตถึงจนตอนนี้ ใครกล้าว่าร้ายเช่นนี้กัน

หลินสวินยังอุทานในใจ ศิษย์พี่ใหญ่เขา… ร้ายกาจปานไหนกัน!

“ตอนนั้นข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ไว้ชีวิตสุนัขของเจ้าครั้งหนึ่ง เดิมนึกว่าเจ้าจะลดความเย่อหยิ่งและโง่เขลาลง กลับเนื้อกลับตัวเสียตั้งแต่ตอนนั้น ใครจะคิดว่ายังดื้อแพ่งกำเริบเสิบสาน ไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้”

เสียงเฉยชาไร้ความรู้สึกนั้นดังขึ้น ฟังไม่ออกว่าโกรธหรือดีใจ และไม่รู้ว่าดังมาจากไหน

แต่เมื่อเข้าหูทุกคนในที่นั้น ก็ราวกับได้ฟังบัญชาสวรรค์ ทะลวงถึงจิตใจ สะท้านดวงวิญญาณ พาให้คนสั่นไหว

“ฮ่าๆๆ!”

ทันใดนั้นเงาร่างจองหองสูงใหญ่ของศิษย์พี่ใหญ่ก็แหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะร่า เสียงดังสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน “ศึกในตอนนั้น… ข้าไม่ได้แพ้!”

“แต่เจ้า… ชนะหรือ”

จอมจักรพรรดิไร้นามเอ่ยเสียงเรียบ

จวบจนตอนนี้ยังไม่มีใครจับได้ว่าเงาร่างของเขาอยู่ที่ไหนกันแน่

ศิษย์พี่ใหญ่เงียบไปครู่หนึ่ง เสียงแปรเปลี่ยนเป็นต่ำลึกและสงบนิ่ง เหมือนพูดเรื่องเล็กเรื่อยเปื่อยเรื่องหนึ่งว่า

“วันนี้ ข้าจะตีหัวสุนัขของเจ้าให้กระจุย”

ทุกคนต่างใจสั่นสะท้าน

จอมจักรพรรดิไร้นามคล้ายไม่โกรธหรือดีใจ เสียงไร้คลื่นอารมณ์มาโดยตลอด “น่าเสียดาย ในสายตาของข้า เจ้าตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนนั้น น่าผิดหวัง”

ตูม!

เสียงยังไม่ทันเงียบลง ส่วนลึกของท้องฟ้าที่เงียบเชียบอยู่เดิมนั้นพลันมีเสียงสายฟ้าทึบหนักดังขึ้น พลังไร้ระเบียบเจิดจ้าแสบตาเป็นสายๆ ถาโถมออกมาจากวังวนประหนึ่งโซ่เทพมหามรรคเริงระบำ

ชั่วพริบตาพลังระเบียบเป็นสายๆ ก็พุ่งไปตามที่ต่างๆ ของฟ้าดินแห่งนี้ ปกคลุมเงาร่างของเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ซุ่มอยู่ในความมืดนั้น

“นี่…”

เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านี้ไม่ทันตั้งตัว ต่างหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็สังเกตได้ว่า พลังระเบียบแจ่มจรัสเป็นสายๆ นั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บ กลับทำให้พวกเขาควบคุมพลังระเบียบเช่นนี้ได้ในชั่วพริบตา

พลังระเบียบนี้แปลกประหลาดนัก เต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งยากจินตนาการ ลึกลับคลุมเครือ น่ากริ่งเกรงราวกับด่านเคราะห์ต้องห้าม

“ข้ามอบพลังให้พวกเจ้า ตอนนี้ พวกเจ้าไปฆ่าเจ้าคนคลั่งนั่นแทนข้าที”

เสียงจอมจักรพรรดิไร้นามดังขึ้น

เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นมองกันไปมา ในใจขมขื่น

พวกเขามาจากขุมอำนาจที่แตกต่างกัน มีทั้งขุมอำนาจเรือนมรรคอย่างจักรวาล เหล่ามาร ดึกดำบรรพ์ ยุทธจักร และยังมีเผ่าเก่าแก่อย่างสิบเผ่านักรบใหญ่ เผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์

ในอดีต พวกเขาแต่ละคนก็เป็นยอดบุคคลที่กระทืบเท้าครั้งเดียวก็ทำให้ทั่วหล้าสั่นไหวได้ ขนาดระดับจักรพรรดิทั่วไปยังไม่อยู่ในสายตาพวกเขา

แต่ตอนนี้ พวกเขากลับลังเลแล้ว ในใจขัดแย้ง

เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าคือยอดตำนานที่ ‘ต่อสู้ไร้พ่าย ประชันกับสวรรค์’ บุคคลน่ากลัวที่สามารถบดขยี้วิญญาณต้องห้ามได้!

“หรือเจ้ากลัวแล้ว เลยให้เจ้าเฒ่าไร้ประโยชน์พวกนั้นมาตาย” ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้มหยัน เยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบังสักนิด ทั้งยังไม่ปกปิดท่าทีของตัวเองด้วย

“ไม่ ข้าแค่คิดว่าเจ้าในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าลงมือเอง”

เสียงจอมจักรพรรดิไร้นามดังขึ้น

“ยังมีพวกเจ้า มีพลังที่ข้ามอบให้แล้ว ทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ยังมีอะไรควรค่าแก่การหวาดกลัวอีก”

“หรือควรพูดว่า พวกเจ้ากลัวเจ้าคนคลั่งไม่รู้ดีชั่วนั่นมากกว่าข้าหรือ”

คำพูดนี้พูดให้เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นฟัง นัยที่เผยออกมาจากเสียงนั้นทำเอาเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านี้แข็งทื่อไปทั้งตัว

พวกเขาไม่กล้าลังเลอีก

ครู่ต่อมาก็เห็นว่าเงาร่างกลิ่นอายน่ากลัวร่างแล้วร่างเล่าปรากฏขึ้นกลางฟ้าดินแห่งนี้ แต่ละร่างต่างปกคลุมด้วยพลังระเบียบราวต้องห้าม ประหนึ่งเทพผู้ครอบครอง ‘ทัณฑ์สวรรค์’ แทนวิถีสวรรค์!

“เจ้าเฒ่าพวกนี้หลังจากได้พลังระเบียบต้องห้ามนี้มา กลิ่นอายแต่ละคนน่ากลัวกว่าวิญญาณต้องห้ามไปช่วงใหญ่!”

จวินหวนนิ่วหน้า

“ถึงอย่างไรก็เป็นเหล่าบรรพจารย์จักรพรรดิ มรรควิถีของแต่ละคนต่างทะลวงระดับจักรพรรดิเก้าชั้นแล้ว ในทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ก็เป็นยอดบุคคลปานทวยเทพไปแล้ว พวกเขาไม่อาจเทียบได้กับของไร้ชีวิตต้องห้ามที่ไม่มีดวงวิญญาณ ไม่มีสติปัญญาพวกนั้น”

รั่วซู่จ้องเขม็ง หว่างคิ้วปรากฏแววอึมครึม

ศิษย์พี่ใหญ่ในตอนนี้ ทั้งเผชิญหน้ากับการคุกคามของเหล่าบรรพจารย์จักรพรรดิ ทั้งจะต้องป้องกันจอมจักรพรรดิไร้นามที่ไม่เคยปรากฏตัวผู้นั้น ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างหาใดเทียบ

แต่กลับเห็นว่าตอนนี้หลินสวินพลันตะโกนขึ้นมาว่า

“เฒ่ากะโหลกกะลาอย่างพวกเจ้าเหล่านี้ ลำบากฝึกปราณมาถึงตอนนี้ แก่ปูนนี้แล้วยังยอมช่วยเสือหาเหยื่อ ยอมเป็นทาสหมาหรือ ช่างไร้ยางอาย ขายขี้หน้า!”

พวกรั่วซู่ หลี่เสวียนเวยพากันอึ้งไป ทันใดนั้นต่างยิ้มอย่างอดไม่ได้แล้ว ความกล้าหาญของศิษย์น้องเล็กก็ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่ใหญ่เท่าไร

“ศิษย์น้อง ไม่ต้องไปพูดไร้สาระกับเจ้าเฒ่าพวกนี้ พวกเขายินยอมเป็นทาส ก็แค่คิดจะอาศัยพลังสุนัขตัวนั้นไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราเท่านั้น”

เสียงศิษย์พี่ใหญ่เต็มไปด้วยความดูแคลนหนักหน่วง เผยความลับสะท้านฟ้าอย่างหนึ่งออกมาโดยไม่ใส่ใจ!

หลินสวินถึงได้รู้ว่าเหตุใดเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นถึงทำเช่นนี้ ที่แท้… ก็เพื่อไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราเช่นเดียวกัน!

“เจ้าสวะตัวจ้อย ถ้าไม่ใช่ว่ามีเศษเดนคีรีดวงกมลเหล่านั้นให้ท้ายเจ้า มดตัวจ้อยอย่างเจ้า นิ้วเดียวข้าก็กำจัดได้แล้ว”

บรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นต่างสีหน้าอึมครึม ถูกศิษย์คนโตของคีรีดวงกมลดูถูกและเย้ยหยันเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายมากแล้ว ตอนนี้ขนาดมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งอย่างหลินสวินยังกล้าตะโกนด่าพวกเขา นี่จะให้พวกเขาทนได้อย่างไร

บรรพจารย์จักรพรรดิก็โกรธเกรี้ยวเป็นเช่นกัน!

กลับเห็นว่าทันทีที่ศิษย์พี่ใหญ่เคลื่อนไหว ก็เหมือนเปลวเพลิงลุกโชนอย่างกำเริบเสิบสาน หมายจะเผาผลาญเวิ้งฟ้า

เสียงเขาต่ำลึก กึกก้องไปทั้งเก้าชั้นฟ้า

“พวกเจ้า หรือว่าลืมคำที่ข้าพูดไว้ตอนนั้นไปแล้ว ผู้ที่ลบหลู่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลของข้า ตาย!”

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset