สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ – ตอนที่ 28 ที่แท้พ่อไม่ได้โง่

        เมื่อถึงตอนนั้น ทุกๆ ครั้งจางกุ้ยฮัวคงต้องปวดศีรษะและส่งคนไปบอกหลิวเต้าเซียงว่า หากมีเวลาว่างให้กลับมาทำไข่ตุ๋น หากไม่มีเวลาก็จำต้องทำให้เสร็จแล้วส่งมาด้วย เพราะยามที่หลิวซานกุ้ยกินไข่ตุ๋นที่หลิวเต้าเซียงทำให้ เขาก็จะสามารถสงบจิตใจได้หลายวัน จางกุ้ยฮัวที่อยู่เคียงข้างเขาจนแก่เฒ่านั้นรู้ดี นี่เป็นเพราะคนเป็นพ่อคิดถึงบุตรสาว เพียงแต่เขาไม่อยากเอ่ยออกมา

        เมื่อเปลี่ยนมาที่ภาพปัจจุบันขณะนี้ ชายหนุ่มผู้ซื่อตรงกำลังส่งยิ้มให้พ่อตนเอง “พ่อ ท่านเหนื่อยมากแล้ว รีบไปดื่มน้ำพักผ่อนเถอะ”

        ในใจของเขา ความยําเกรงต่อพ่อและแม่เป็นสิ่งที่ควรทํา

        หลังของหลิวต้าฟู่เริ่มงอเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองลูกชายที่จิตใจใสบริสุทธิ์ของตนเอง ในใจเต็มไปด้วยความระอา เพราะความดื้อรั้นของหลิวฉีซื่อนี่ช่าง…

        “อืม งั้นข้าไปพักก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนกับเจ้าทีหลัง”

        หลิวต้าฟู่ดีใจมากที่หลิวซานกุ้ยไม่ได้เติบโตและมีนิสัยก้าวร้าว ยิ่งทำให้คนที่อาศัยการทำนาเพื่อเลี้ยงชีวิตอย่างเขาอยู่อย่างสงบสุข เมื่อมองดูหลิวเต้าเซียงที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็เหมือนจะสูงขึ้นมาเล็กน้อย หลิวต้าฟู่อดทอดถอนใจไม่ได้ เหตุใดความสามารถในการให้กำเนิดบุตรชายของหลิวซานกุ้ยถึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้?

        หลังจากให้กําเนิดบุตรสาวมาสามคน เขานึกถึงใบหน้าที่ตากแดดจนไหม้เกรียมของหลิวซานกุ้ย ในใจพลันรู้สึกว่าสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม เหตุใดจึงไม่ยอมให้เขาได้มีบุตรชายสักคน? ต่อไปจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระงานกับเขาบ้าง รอจนเมื่อเขาแก่ตัวไป ใครจะมาช่วยงานเช่นนี้? ใครจะเลี้ยงดูหลิวซานกุ้ย? เมื่อคิดเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วจนหน้าผากมีริ้วรอยเพิ่มขึ้น

        หลิต้าฟู่ไม่ชอบเด็กสาวสามคนมากนัก เหตุผลหลักเพราะต่อไปไม่สามารถใช้แรงงานได้ จริงอยู่ที่หญิงสาวในบ้านสามารถช่วยทำงานบ้านได้ แต่งานข้างนอกที่ต้องใช้แรงงาน มีเพียงผู้ชายที่ทำได้

        “ปู่ มาดื่มชาสมุนไพรเร็วๆ พี่กำลังเริ่มทำกับข้าวที่บ้านแล้ว” หลิวเต้าเซียงเองก็ไม่ได้ชื่นชอบปู่คนนี้เท่าไรนัก แต่เนื่องจากพ่อผู้ซื่อตรงของนางเป็นคนกตัญญู นางที่ต้องการทำให้พ่อมีความสุข จึงพยายามสร้างรอยยิ้มให้กับตาเฒ่าตรงหน้า

        “อืม” หลิวต้าฟู่หยิบถ้วยไม้ไผ่ใบเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำจากมือของนาง ดื่มทีเดียวหมดแก้วแล้วมองดูหลิวเต้าเซียงที่เชื่อฟัง ในใจเหมือนได้รับการปลอบประโลมเล็กน้อย คิดว่าหากตนเองกับหลิวฉีซื่อได้ตายจากไป เด็กน้อยคนนี้คงออกเรือนไปแล้ว และยังคงกตัญญูต่อพ่อแม่ตนเอง

        “แล้วย่าเจ้าล่ะ?” เมื่อได้ยินว่าหลิวชิวเซียงเป็นคนทำอาหาร หลิวต้าฟู่ก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

        “ย่าถูกเชิญไปสอนเย็บปักถักร้อยที่บ้านคนรวยในหมู่บ้านข้างๆ ปู่วางใจได้ ตอนเช้าข้ากับพี่ใหญ่ช่วยกันทำความสะอาดบ้านทั้งด้านนอกด้านในจนเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ซักตาก เล้าไก่ คอกหมูก็ทำความสะอาดหมดแล้ว ไก่กับหมูกินอิ่ม พี่ใหญ่ไปทำกับข้าว ข้าจึงมาส่งน้ำชามาให้ปู่กับพ่อ”

        หลังจากที่หลิวต้าฟู่ได้ฟังจึงทำได้เพียงถอนหายใจ นิสัยของภรรยาเป็นเช่นไร มีหรือที่เขาจะไม่รู้?

        เพียงแต่…

        เขาสัญญากับชายคนนั้นว่า จะเลี้ยงดูหลิวซานกุ้ยให้เติบใหญ่ ใช้ชีวิตในชนบทเช่นนี้อย่างสงบสุข ดังนั้น แม้ตอนนั้นจะรู้ว่าหลิวซานกุ้ยนั้นร่ำเรียนดี แต่หลิวต้าฟู่ก็ปล่อยให้หลิวฉีซื่อตัดหนทางอนาคตที่เจิดจรัสของเขา กักขังเขาไว้ในชนบท หลิวต้าฟู่จึงถ่ายทอดความรู้การทำนาทั้งหมดที่ตนมีให้แก่หลิวซานกุ้ย จนตอนนี้ลูกชายของเขานับว่าเป็นมือหนึ่งในเรื่องการทำนาเลยก็ว่าได้

        หลิวต้าฟู่หยิบปล้องยาสูบแห้งออกมาแล้วเริ่มสูบ ไส้ยาสูบนั้นหลิวซานกุ้ยเป็นคนปลูกให้เขาเองกับมือ ไม่ใช่ว่าบุตรชายคนอื่นไม่ได้ซื้อไส้ยาสูบให้ หากแต่มีเพียงหลิวซานกุ้ยที่รู้ว่าเขาชื่นชอบยาสูบท้องถิ่น ไม่ชอบสินค้าของข้างนอก

        หลังจากสูบไปหนึ่งมวน เขาก็รู้สึกว่าพักได้พอประมาณแล้ว จึงเอ่ยกับหลิวเต้าเซียง “เที่ยงวันนี้ให้ย่าเจ้าทำกับข้าวเพิ่มหนึ่งอย่าง ผัดไข่ก็ได้”

        “อืม รอย่ากลับมา ข้าจะบอกย่าเอง” นางไม่ได้บอกว่าตนเองและพี่สาวรู้ที่ซ่อนไข่ของย่า เพราะตอนนี้บ้านนางไม่ได้ให้ค่ากับเจ้าสิ่งนี้แล้ว

        หลิวต้าฟู่ยืนขึ้นตบฝุ่นบนก้น แล้วเหน็บปล้องยาสูบที่เขาชอบที่สุดไว้ตรงเอว  ปล้องยาสูบอันนี้เขาได้รับจากบุตรชายคนโตที่ไปทำงานในเมืองหลวงแล้วซื้อมาให้เป็นของขวัญ กรอบด้านนอกนั้นทำมาจากวัสดุทองแดงไฟเก้ารอบที่ดีมาก

        ผู้คนในราชวงศ์โจวเชื่อว่าทองคําแท้หลอมจากทองแดงสิบครั้งและทองแดงไฟเก้ารอบนี้ถูกเผาซ้ำๆ เก้าครั้ง ซึ่งแตกต่างจากทองแดงธรรมดา มันเป็นสีม่วงแดงตราบใดที่มันถูกถูบ่อยๆ ก็จะมีความแวววาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้แสงจากดวงอาทิตย์ ดูแล้วรู้ทันทีว่าเป็นของมีมูลค่า

        หลิวต้าฟู่ชอบถือปล้องยาสูบนี่เดินทั่วหมู่บ้าน ฟังชาวบ้านกล่าวชื่นชมว่าเขามีบุตรชายที่รักดี มอบของขวัญชั้นเยี่ยมให้

        แต่สำหรับหลานสาวที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร เขาเองก็ไม่ได้คิดมากนัก เพียงแต่เสียดายที่ไม่ใช่เด็กผู้ชาย ต่อไปไม่สามารถแบ่งเบางานของหลิวซานกุ้ยได้

        เมื่อหลิวซานกุ้ยเห็นว่าพ่อของเขากลับมาที่นาก็เอ่ยถาม “พ่อ เหตุใดจึงไม่พักต่ออีกสักหน่อย?”

        “เจ้าไปดื่มน้ำชาสักหน่อยเถอะ” หลิวต้าฟู่โบกมือให้และหยิบจอบขึ้นมาเพื่อพรวนดินต่อ เขาเองก็เป็นคนที่แสดงความรู้สึกไม่เก่งเช่นกัน

        หลิวซานกุ้ยวางจอบลงและก้าวเท้าเดินไปทางหลิวเต้าเซียง สำหรับบุตรสาวคนรองที่มีไหวพริบคนนี้ เขารู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่สามารถให้ชีวิตที่ดีแก่นางได้

        เขาทำงานหนักติดต่อกันหลายปี จนทำให้ความคิดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในใจนั้นถูกดับมอดไปโดยปริยาย

        แต่ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงนี้ ทำให้หัวใจของเขาเริ่มมีความหวังว่าบุตรสาวคนรองจะมีคู่ครองที่ดี ไม่ซ้ำร้อยเดิมของตนเองที่ต้องลำบาก

        “ลูกรัก”

        “พ่อ ดื่มน้ำก่อน” หลิวเต้าเซียงยื่นถ้วยไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยน้ำให้เขาอย่างว่าง่าย

        “ได้จ้ะ!” หลิวซานกุ้ยตอบอย่างกระปรี้กระเปร่า

        หลิวเต้าเซียงมองพ่อผู้แสนดีเงียบๆ ได้ยินเสียงตอบรับที่มีความสุขเมื่อครู่ของเขาก็เดาว่าอารมณ์น่าจะดีไม่น้อย

        “พ่อ ที่ดินสิบไร่ของเราสามารถเก็บใยลินินได้เท่าไรหรือ?”

        หลิวซานกุ้ยมองย้อนกลับไปที่ดินสิบไร่ ดวงตามีความหวังเปล่งประกายออกมา “หนึ่งไร่น่าจะเก็บได้ยี่สิบกว่ากิโลกรัม ปีที่แล้วราคาลินินอยู่ที่ยี่สิบอีแปะต่อครึ่งกิโลกรัม”

        หนึ่งไร่สามารถเก็บเกี่ยวได้สองตำลึงเงินหรือ?

        “นั่นไม่เลวเลย” หลิวเต้าเซียงพอจะรู้ราคาบ้างเล็กน้อย

        “อืม ถือว่าพอได้ เพียงแต่มีแมลงกินง่าย ต้องคอยดูแล เหนื่อยเอาการทีเดียว” ยามนี้ยังไม่ได้มียาฆ่าแมลงเฉกเช่นโลกยุคหลัง ผลผลิตจึงค่อนข้างต่ำ

        “พ่อ ถึงเวลานั้นเงินเหล่านี้ก็ต้องยกให้ย่าดูแลหรือ?” หลิวเต้าเซียงเริ่มปฏิบัติการโน้มน้าวใจพ่อแสนดีของตนเอง

        “ทุกๆ ปี พ่อค้ามักจะมารับซื้อใยลินินกับย่าของเจ้า” ขณะที่หลิวซานกุ้ยตอบ น้ำเสียงก็ซึมเซาเล็กน้อย

        นับตั้งแต่ศีรษะของหลิวเต้าเซียงถูกกระแทกจนบวมเป่ง หัวใจของหลิวซานกุ้ยก็เริ่มตั้งคำถามต่อหลิวฉีซื่ออย่างไม่รู้ตัว

        “พ่อ เรื่องที่พ่อต้องทำงานหนักกว่าคนงานทั่วไปข้าไม่ว่า เหนื่อยมาแรมปีแต่กลับไม่เคยได้เงินแม้แต่แดงเดียว ปู่กับย่าเอาแต่สนใจอาสี่กับอาเล็ก แต่ว่า พี่ข้าโตกว่าอาเล็กตั้งสองปี หากออกเรือน พี่ก็ต้องออกเรือนก่อน ก่อนจะถึงตาอาเล็ก”

        หัวใจของหลิวซานกุ้ยหวั่นไหวเมื่อได้ฟัง ยิ่งรู้สึกว่าปากของตนเองนั้นขมขื่นกว่าเดิม เขาน่ะหรือจะไม่รู้ เพียงแต่เงินในกระเป๋าไม่มีสักแดงเดียว ต่อไปหากหลิวชิวเซียงต้องออกเรือน ก็ยังต้องอาศัยแม่ของตนเองควักเงินออกมา

        “ย่าเจ้าต้องเตรียมไว้ให้พี่เจ้าอยู่แล้วล่ะ”

        “พ่อ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคารพย่า เพียงแต่ย่าเอาแต่เทียวไปเทียวมาพูดถึงแค่เรื่องออกเรือนของอาเล็ก ในใจย่าหาได้เคยมีเงาของพี่ใหญ่ไม่ แม้เพียงแค่เกริ่นถึงสักครั้ง พ่อเองก็คงไม่เคยได้ยินใช่หรือไม่?”

        หลิวซานกุ้ยรู้สึกว่าบุตรสาวคนรองฉลาดเกินไป เหตุใดจึงไม่เหมือนเขาและกุ้ยฮัวเอาเสียเลย?

        จะเหมือนได้อย่างไรเล่า? ก็เล่นข้ามมิติมา ไส้ในเปลี่ยนเป็นคนละคนเรียบร้อยแล้วนี่นา

        หลิวเต้าเซียงไม่เต็มใจที่จะรองรับอารมณ์ของหลิวฉีซื่อ ย่อมอยากให้ครอบครัวฝั่งตนเองมีชีวิตที่สว่างไสว

        “อนิจจา ย่าของเจ้า…” หลิวซานกุ้ยเอ่ยปาก เพียงแต่ผ่านไปเนิ่นนานก็หาได้มีคำพูดใดออกมาไม่

        “พ่อ ข้าไม่หวังให้ท่านคิดแทนพวกข้า ถึงอย่างไรท่านก็นึกถึงแต่อาสี่กับอาเล็ก พวกข้าก็แค่เด็กป่าเถื่อนที่ถูกเก็บมาจากข้างนอก” หลิวเต้าเซียงเอ่ยพร้อมกับขอบตาแดงก่ำ ยื่นมือขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วเอ่ยต่อ “พ่อแม่ของคนอื่นนั้นมักจะเก็บของดีให้กับลูกตนเอง แต่พ่อล่ะ พ่อเป็นเสาหลักของครอบครัวเรา แต่กลับสนแต่อาสี่กับอาเล็ก ต่อไปคนหนึ่งก็ต้องแต่งสะใภ้เข้าบ้าน ส่วนอีกคนก็ต้องออกเรือนไป ข้าจะดูว่าตอนพ่อแก่ชรา ใครจะมากตัญญูต่อพ่อ”

        แม้คำพูดจะแรงไปบ้าง แต่กลับสะกิดก้นบึ้งหัวใจของหลิวซานกุ้ยได้ดี

        “เต้าเซียง พ่อขอโทษพวกเจ้าด้วย รอมีโอกาส พ่อจะเอ่ยกับปู่และย่าของเจ้า ว่าจะแบ่งเงินให้ข้าบ้างได้หรือไม่” จริงอย่างที่หลิวเต้าเซียงกล่าวมา เขาเองก็เป็นคนที่มีภรรยา และบุตรสาว

        หลิวเต้าเซียงสัมผัสน้ำตาบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่ารัก “พ่อ” เสียงเรียกนี้ช่างหวานหยาดเยิ้มจนถวายชีวิตให้ได้เลย

        หลิวซานกุ้ยตัวสั่นขนลุกอย่างไม่รู้ตัว “ลูกรัก มีเรื่องอันใด เจ้าว่ามา พ่อสัญญาว่าจะรับปากเจ้า”

        ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่า ทุกครั้งที่บุตรสาวคนรองเผยรอยยิ้มเช่นนี้ เท่ากับว่ากำลังรอให้เขากระโดดลงหลุม

        ไม่ใช่แค่การการคิดไปเองของหลิวซานกุ้ย หลิวเต้าเซียงแสดงท่าทีนั้นจริงๆ การฝึกฝนในช่วงนี้ได้ผลลัพธ์ไม่เลวทีเดียว

        “พ่อ ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไร ป้าหลี่ซานเสิ่นบอกว่าสวนบ้านตนเองนั้นว่างและร้างไปสักหน่อย น่าเสียดาย ข้าจึงหารือกับป้าหลี่ ว่าจะขอยืมสวนด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือมาไว้เลี้ยงไก่ แน่นอน ต่อไปข้าจะทำหน้าที่ให้อาหารไก่เอง ส่วนเล้าไก่ในบ้านนางก็ให้ลูกสาวพ่อ ซึ่งก็คือข้าเป็นคนทำความสะอาดเอง”

        หลิวซานกุ้ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ป้าหลี่คงไม่ได้ถูกเจ้าตื๊อจนหมดหนทางใช่หรือไม่?”

        คนที่ตื๊อคือชุ่ยฮัว แน่นอนว่าหลิวเต้าเซียงไม่มีทางพูดความจริง เพียงแต่เอ่ย “ข้าเห็นว่าแต่ก่อนไก่ที่ท่านแม่เลี้ยง สุดท้ายก็กลายเป็นของย่า ในเมื่อพึ่งพาพ่อไม่ได้ ในฐานะลูกสาวก็ต้องพยายามด้วยตนเองเพื่อหาเงินค่าสินเดิมของตนเอง พ่อ ท่านห้ามกลับไปบอกย่าลับหลังเชียวนะ”

        หลิวซานกุ้ยจําสิ่งที่ภรรยาของเขาเคยบอกได้ เงินที่บุตรสาวเป็นคนหามาด้วยตนเอง เขาจะกล้าเอาไปบอกหลิวฉีซื่อได้อย่างไร ถึงตอนนั้นหากภรรยาพาบุตรสาวหนีกลับบ้านมารดาไป เขาต้องเศร้าโศกอย่างมากแน่นอน

        “ตกลง ไว้ข้าจะไปบอกกับปู่เจ้าเอง” ขณะที่เขาโพล่งออกไป ก็เห็นบุตรสาวที่เดิมทีนิ่งเงียบเริ่มกระวนกระวาย จึงรีบเอ่ยเสริม “ข้าจะบอกว่าหลี่ซานหลูส่งข่าวมา บอกให้ข้าไปช่วยซ่อมเล้าไก่”

        หลิวเต้าเซียงจ้องพ่อตนเองพร้อมกับอ้าปากเหวอ มีแบบนี้ด้วยหรือ?

        แล้วไหนคือพ่อแสนดีที่ใสซื่อบริสุทธิ์ล่ะ?

        “พ่อของลูกไม่ได้โง่หรอกนะ” ด้วยความสัตย์จริง หลิวซานกุ้ยเองก็อิจฉาพี่ชายคนโต และพี่คนรองของเขาที่ได้รับความรักจากแม่

        ดังนั้น เขาจึงพยายามอย่างหนักที่จะเป็นลูกชายที่ดี เป็นลูกชายที่หลิวฉีซื่อชื่นชอบ

        หลิวเต้าเซียงไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายดายเช่นนี้ นางนึกว่าจะไม่สำเร็จเสียอีก คราวนี้หัวใจของนางยิ่งปลื้มปริ่มที่พ่อแสนดีของตนไม่ได้ซื่อบื้อ และรู้ว่าเงินที่ลูกสาวหามาต้องเก็บซ่อนไว้

        —–

สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ

สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ

Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษใครว่าการข้ามมิติไม่ใช่งานที่ต้องใช้เทคนิค? จู่ๆ เด็กสาวแสนหวานก็กลายเป็นเด็กหญิงตัวน้อยในครอบครัวยากจน นางอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ครอบครัวยากจน พ่อแม่ขี้ขลาด ญาติพี่น้องทุบตี โดนกดขี่สารพัด…. ยังไม่พอ… ระบบตัวดียังจะขอให้เธอเป็น ‘หลิวเต้าเซียง’ เด็กสาวแสนสวยในชนบท จิตใจดีและขยัน ประเด็นสำคัญคือคำสุดท้าย “ขยัน” แต่เพื่อพ้นความจนที่ข้นแค้นและครอบครัวที่โหดร้าย นางจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ร่ำรวยขึ้นมาให้ได้!! “เจ้าระบบ หวานใจของพี่ รีบบอกพี่สาวหน่อยว่าต้องทำอย่างไรถึงสามารถสร้างตัวได้เร็วที่สุด” ตอนนี้เลือดในกายนางกำลังเดือดพุ่งพล่าน เพื่อความสุขสบายของครอบครัว และหนุ่มเอ๊าะๆ หลิวเหม่ยจวิน (ในร่างหลิวเต้าเซียง) คนนี้ ขอสู้ตาย!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset