ตอนที่ 836 คนที่เห็นด้วยและคนที่ไม่เห็นด้วย
เฉียนเฟยเซวียถึงกับตกตะลึงแล้ว
ม้วนราชโองการในมือเขาตกไปอยู่ในมือหลินเป่ยเฉิน
“คุณชายหลิน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น” เขารีบยื่นมือเข้าไปหมายจะหยิบม้วนราชโองการกลับคืนมา
แต่กลับมีพลังที่มองไม่เห็นผลักมือของเฉียนเฟยเซวียกลับมา
หลินเป่ยเฉินชูม้วนราชโองการในมือขึ้นสูงและกล่าวว่า “ใครบอกว่าข้าล้อเล่นหรือขอรับ? พวกท่านอยากหาแพะรับบาปไม่ใช่หรือ? ผู้อาวุโสหลิงไท่ซวีก็อายุมากแล้ว ท่านจะให้เขารับหน้าที่นี้ได้อย่างไร? ให้ข้าทำแทนท่านผู้อาวุโสดีกว่า”
เฉียนเฟยเซวียไม่รู้จะพูดอย่างไรอีกแล้ว
ในมือของเด็กหนุ่มคือพระราชโองการจากองค์จักรพรรดิ
ไม่ใช่กระดาษเปล่า
เมื่อตกไปอยู่ในมือของผู้ใด ก็ถือว่าคนผู้นั้นกลายเป็นผู้รับราชโองการเต็มตัว
แต่เรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับผู้มีพลังระดับเซียนอย่างหลินเป่ยเฉินเลยสักนิด
เฉียนเฟยเซวียหันไปมองหน้าเกาเฉิงฮั่นอย่างขอความช่วยเหลือ
เกาเฉิงฮั่นจ้องมองหลินเป่ยเฉินและพูดว่า “น้องชาย อย่าสร้างความวุ่นวายเลยดีกว่า รีบคืนม้วนราชโองการมาเถอะ”
หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พี่ใหญ่เกา แม้แต่ท่าน ครั้งนี้ข้าก็คงยอมอ่อนข้อให้ไม่ได้”
เกาเฉิงฮั่นรับทราบโดยทันทีว่าเด็กหนุ่มมีเจตนาเป็นผู้รับราชโองการนี้จริงๆ
“หึหึ ได้เป็นถึงผู้ปกครองมณฑลเฟิงอวี่ มีอำนาจสูงสุดทั้งทางการทหารและทางการเมือง ข้าอยากได้ตำแหน่งที่สูงส่งเช่นนี้มานานแล้ว”
หลินเป่ยเฉินคลี่ม้วนกระดาษสีทองคำออกอ่านข้อความอีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับราวกับเห็นขุมทรัพย์ล้ำค่า
“หลินเป่ยเฉิน เลิกก่อกวนเสียที…”
เมื่อหลิงจุนเซวียนได้สติก็รีบพูดออกมาเร็วไว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ส่งม้วนราชโองการมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ อย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากไปกว่าเดิม”
หลินเป่ยเฉินม้วนกระดาษกลับคืนรูปเดิมพร้อมกับกล่าวว่า “จะให้คืนม้วนราชโองการให้ท่านอย่างนั้นหรือ? ท่านเจ้าเมืองหลิง อย่าบอกนะว่าท่านคิดที่จะส่งมอบราชโองการนี้ให้แก่ท่านผู้เฒ่าจริงๆ? ท่านอยากจะให้ท่านผู้เฒ่าใช้บั้นปลายชีวิตอยู่ในสถานะคนบาปของจักรวรรดิ และถูกประชาชนทั้งดินแดนสาปแช่งให้ตกตายหรืออย่างไร?”
“นี่มัน…”
หลิงจุนเซวียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับหยุดชะงัก สุดท้ายก็ต้องเอ่ยว่า “เจ้าส่งคืนมาให้ข้าเถอะ เจ้าอายุยังน้อย อย่าทำลายอนาคตของตนเองเลย”
อดีตท่านเจ้าเมืองหนุ่มมีความคาดหวังต่อเด็กหนุ่มผู้นี้สูงมากทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์หลังจากนี้
ในหัวใจของหลิงจุนเซวียน เขาเห็นภาพอย่างชัดเจนว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องกลายเป็นเสาหลักค้ำจุนจักรวรรดิเป่ยไห่ในอนาคตอย่างแน่นอน แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องกอบกู้จักรวรรดิขึ้นมาจากเศษซากปรักหักพังก็ตาม แต่เขาจะปล่อยให้เด็กหนุ่มรับหน้าที่แพะรับบาปในครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันจะกลายเป็นมลทินติดตัวไปตลอดชีวิต ไม่สามารถลบล้างได้อีกตลอดกาล
“อนาคตหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก แล้วพูดต่อ “อนาคตคืออะไร? ท่านอย่าลืมสิว่าข้าคือหลินเป่ยเฉินผู้มีสถานะเป็นบุตรชายของนักโทษหลบหนีคดี ท่านคิดว่าข้ายังมีอนาคตที่ดีได้อีกหรือ?”
หลิงจุนเซวียนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่ออีกครั้ง “และมันเป็นอนาคตของข้า ข้าสมควรกำหนดมันด้วยตนเอง เหตุไฉนข้าต้องคอยให้ผู้อื่นมากำหนดด้วยเล่า?”
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ชูม้วนราชโองการในมือขึ้นอีกครั้ง “นี่คือวิธีเดียวเท่านั้นที่ข้าจะได้มาซึ่งตำแหน่งผู้ปกครองมณฑล มีอำนาจสูงสุดทั้งทางการทหารและทางการเมือง ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“เด็กน้อย เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา นี่คือราชโองการที่ถูกส่งตรงมาสู่ตระกูลหลิง นับเป็นการแต่งตั้งตำแหน่งจากองค์จักรพรรดิโดยตรง… ได้โปรดเลิกก่อนเรื่องวุ่นวายเสียที ส่งม้วนราชโองการคืนมาเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น…” หลิงซือถุยผู้อาวุโสลำดับสามของตระกูลหลินจากนครหลวงเฝ้าดูเหตุการณ์มาสักพักหนึ่งแล้ว ในที่สุดก็ต้องพูดออกมาด้วยความทนไม่ไหว
หลินเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อย ตอบกลับไปว่า “ข้าล่ะอิจฉาท่านเหลือเกิน”
“หืม?”
หลิงซือถุยหยุดชะงักด้วยความมึนงง
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อ “ข้าอิจฉาที่ท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ของหลิงเฉิน”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หลิงซือถุยเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความไม่เข้าใจ
“มิฉะนั้น ข้าก็คงฆ่าท่านตายไปนานแล้ว”
หลินเป่ยเฉินพูดเสียงเรียบ
“นี่เจ้า…”
หลิงซือถุยใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธแค้น
แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะได้พูดอะไรต่อ เด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นขัดจังหวะ
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นเสยผม ก่อนจะกวาดสายตามองผู้คนที่อยู่รอบตัว กล่าวเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ราชโองการฉบับนี้ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะรับมันไว้ เพราะข้าอยากจะเป็นผู้ปกครองมณฑลเฟิงอวี่… แม้แต่เทพเจ้าก็ไม่มีทางแย่งมันไปจากมือข้าได้เด็ดขาด และหากยังมีผู้ใดมากวนใจข้าไม่เลิกราอีก รับรองว่าคนผู้นั้นไม่มีทางได้ตายดีแน่”
“หลังจากนี้ข้าจะเลือกพวกท่านหนึ่งคนไปทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจรจาสงบศึกกับข้าที่ค่ายทหารของพวกชาวทะเล ไม่ว่าข้าจะเลือกใครมาก็ตาม ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบุคคลผู้นั้นจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่พูดจามากความขัดแข้งขัดขาข้าโดยไม่มีเหตุผล เพราะมิฉะนั้นแล้ว…”
พูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เป็นประกายวาวโรจน์คมกริบยิ่งกว่าคมกระบี่ ก่อนจะโปรยยิ้มหวานส่งให้ทุกคน “ทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ มีใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยบ้างขอรับ?”
ในห้องรับแขกตกอยู่ในความเงียบ
เมื่อผู้มีพลังระดับเซียนออกหน้าเองเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางควบคุมสถานการณ์ได้อีกแล้ว
“ความจริงนั้น…”
ชินหลันซูผู้นิ่งเงียบมาตลอดส่งเสียงพูด
หญิงสาวผู้มีหน้าตางดงามจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความรู้สึกสับสน แววตาของนางเต็มไปด้วยความละอายแก่ใจขณะกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าทำทั้งหมดนี้เพื่อเฉินเอ๋อร์ แต่เรื่องระหว่างเจ้าทั้งสองคนมันเป็นไปไม่ได้ เฉินเอ๋อร์มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ส่วนเจ้าก็มีสตรีที่พร้อมจะเป็นคู่ครองของเจ้าอยู่มากมาย ข้าขอแนะนำให้เจ้าเลิกสนใจเฉินเอ๋อร์เสียที เจ้าเป็นเด็กดี ยังมีอนาคตอีกยาวไกล อย่าทำลายอนาคตตนเองด้วยความวู่วาม… มันไม่คุ้มค่าหรอก”
เอ๋?
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงงงัน
นี่ท่านแม่ยายมองเขาเป็นคนดีขนาดนั้นเชียวหรือ?
นางเข้าใจว่าที่เขารับราชโองการฉบับนี้ก็เพราะทำเพื่อหลิงเฉิน?
เอ่อ…
ถ้าอย่างนั้น ก็คงต้อง…
ทำการแสดงอีกแล้วสิเรา
“ท่านป้าขอรับ…”
“เรียกข้าว่าฮูหยินหลิง”
“ได้ขอรับท่านป้า…”
ชินหลันซูพูดอะไรไม่ออก
“ท่านป้าขอรับ ตราบใดที่ท่านหลงรักใครสักคนหมดหัวใจ ท่านย่อมสามารถทำทุกอย่างเพื่อคนผู้นั้นได้อยู่แล้ว ข้าทำเรื่องนี้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน หลิงเฉินมีความสุข ข้าก็พลอยมีความสุขไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใด ขอแค่นางมีความสุขเท่านั้นก็พอแล้วขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ ใสซื่อและบริสุทธิ์
ชินหลันซูถึงกับชะงักกึก
หลิงจุนเซวียนก็มีอาการไม่ต่างกัน
หลิงเฉินผู้นั่งอยู่ด้านข้างได้แต่จ้องมองหลินเป่ยเฉินอยู่ในความเงียบ
ใบหน้าขาวผ่องของเด็กสาวเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาของนางเป็นประกายวิบวาว ราวกับบรรจุดวงดารานับพันอยู่ในนั้น แม้ว่าหลิงเฉินจะไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่นางก็ดูมีความสุขเหลือเกิน
สุดท้าย ทุกคนก็เข้าใจแล้ว
พวกเขาไม่สงสัยอีกต่อไป
พวกเขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่าหลินเป่ยเฉินจะโง่เขลามากพอที่จะทำลายอนาคตของตนเองและยอมรับหน้าที่แพะรับบาปเพื่อความรักที่มีต่อหลิงเฉิน
นับว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เสียสติไปแล้ว
แน่นอนว่าสมองเขาไม่ปกติ
ดังนั้น สิ่งที่หลินเป่ยเฉินมักกระทำ ส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องที่ยึดถือเหตุผลไม่ได้
“นี่เป็นเรื่องราวในตระกูลหลิง ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเจ้า?” ผู้อาวุโสลำดับที่สามหลิงซือถุยเบิกตาโต บนริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม คล้ายกับว่ามีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ
คนที่โง่เขลาเพราะความรัก มักจะควบคุมได้ง่ายเสมอ
ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ “ถึงเฉินเอ๋อร์จะไม่ใช่หลานสาวของข้าโดยตรง แต่นางก็เรียกข้าว่าท่านปู่เช่นกัน หากเจ้าอยากให้นางมีความสุข และมีตำแหน่งเป็นหลานเขยประจำตระกูลหลิง เจ้าก็ต้องได้รับอนุญาตจากข้าก่อน และข้าจะขอประกาศเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ข้าไม่มีทางรับเจ้าเป็นหลานเขยเด็ดขาด”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าหลิงซือถุยพลางส่งสายตาเป็นเชิงถามว่า ‘ท่านมีสิทธิ์อะไร?’
หลิงซือถุยไม่สนใจสายตาของเด็กหนุ่ม หัวเราะเยาะกล่าวต่อไป “เฉินเอ๋อร์ถือเป็นสมบัติล้ำค่าในตระกูลหลิงเรา การหมั้นหมายของนางถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เด็ก อีกไม่กี่ปีนางกำลังจะต้องแต่งงาน จะสามารถมีความรักกับบุรุษหนุ่มผู้อื่นได้อย่างไร? หลินเป่ยเฉิน หากเจ้าเห็นแก่ความสุขของนางจริงๆ แล้วละก็ เจ้าก็ควร…”
เพี๊ยะ!
ได้ยินเสียงฝ่ามือฟาดใบหน้าดังสนั่น
ใบหน้าซีกซ้ายของผู้อาวุโสลำดับที่สามประจำตระกูลหลิงแห่งนครหลวงยุบหายลงไปไม่ต่างจากถูกค้อนทุบ ก่อนที่ตัวคนจะลอยคว้างหมุน 360 องศา ร่วงหล่นกระแทกพื้นอย่างแรงเสียงดังโครม!
หลินเป่ยเฉินได้แต่ยืนกะพริบตาอยู่กับที่
เอ๋?
เขายังไม่ได้ลงมือเลยนะ แล้วตาแก่นั่นลอยกระเด็นออกไปได้อย่างไร?
“ตาเฒ่าเต่าหดหัว ข้าทนกับท่านมานานแล้ว”
หลิงเฉินพับแขนเสื้อเดินตรงเข้าไปเตะชายชราอีกหลายผลั่ก
หลิงซือถุยถูกเตะออกไปจากห้องรับแขก ตัวคนลอยหวือไปกระแทกเข้ากับก้อนหินใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสวนด้านนอก
โครม!
ก้อนหินแตกกระจาย
เศษหินทับถมร่างของหลิงซือถุยจมหายลงไปครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงขาสองข้างเท่านั้นที่โผล่พ้นออกมาจากกองหิน
ทุกคนล้วนตกตะลึงกันหมดสิ้น พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวหน้าตาอ่อนหวานของตระกูลหลิง กลับมีขวัญกำลังใจแข็งแกร่งถึงขนาดกล้าตบหน้าผู้อาวุโสลำดับสามของตระกูลตนเองเช่นนี้
“เฉินเอ๋อร์ เจ้า…”
สมาชิกตระกูลหลิงแทบทุกคนมีสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ
ยัยเด็กคนนี้… ก่อเรื่องอีกแล้วสิ
ส่วนผู้ที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลหลิงก็ได้แต่จ้องมองหลิงเฉินด้วยความงงงวย
เด็กสาวผู้นี้… ช่างลงมือรุนแรงเหลือเกิน
พฤติกรรมเช่นนี้มีความคล้ายคลึงกับหลินเป่ยเฉินอยู่หลายส่วน
พวกเขาไม่แปลกใจเลยหากเด็กทั้งสองคน… จะรักกัน
ในที่สุด ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านการรับราชโองการของหลินเป่ยเฉินแม้แต่คนเดียว
เฉียนเฟยเซวียถึงจะมีสีหน้าหมดหวังและไม่เห็นด้วยสักเพียงใด แต่สุดท้าย เขาก็ต้องส่งมอบตราประทับประจำตำแหน่งผู้ปกครองมณฑล รวมไปถึงชุดเสื้อคลุมประจำตำแหน่ง และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ มอบให้แก่หลินเป่ยเฉินจนครบถ้วน
“คิกคิกคิกคิก…”
คุณชายหลินยิ้มแย้มออกมาอย่างชั่วร้าย “คงไม่มีใครคัดค้านแล้วนะขอรับ?”
เด็กหนุ่มรับของประจำตำแหน่งทั้งหมดไปด้วยความยินดียิ่ง