ตอนที่ 856 ไม่เห็นจะเก่งสักเท่าไหร่
ทุกผู้คนตกตะลึง
ผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าไปเสียแล้ว
มือธนูนับพันคนของจักรวรรดิจี้กวงก่อนหน้านี้ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า สนุกสนานไปกับการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม มาบัดนี้ พวกเขากลับกลายเป็นซากศพในกองเลือดไปเสียอย่างนั้น
เหลือเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่
เจ้าหน้าที่ผู้เป็นตัวแทนสถานทูตนั่นเอง
ลูกธนูจำนวนมากพุ่งเฉียดผ่านร่างกายของเขาไป
รอยยิ้มอำมหิตบนริมฝีปากหายวับไปกับตา
กลิ่นคาวเลือดในอากาศทำให้ชายหนุ่มตื่นตระหนกสุดขีด
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตัวสั่นเทามากที่สุดก็คือขณะนี้เด็กหนุ่มในชุดขาวได้มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าแล้ว
เสื้อคลุมสีขาวสะอาดตา ร่างกายสูงโปร่ง ผมสีดำยาวราวกับน้ำตก ใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกปิดบังด้วยหน้ากากสีเงิน
เด็กหนุ่มผู้นี้ยืนอยู่ในความเงียบราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งความตายที่มาเก็บเกี่ยวชีวิตผู้คน
มือธนูที่เสียชีวิตไปทั้งหมดล้วนแต่เป็นยอดนักรบของจักรวรรดิจี้กวง
หลี่ซิวเยวียนและพรรคพวกตกตะลึงมากแล้ว
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เดิมทีขบวนผู้ประท้วงยินดีสละชีวิตของตัวเองในการต่อสู้ ขอแค่สามารถฆ่าคนของจักรวรรดิจี้กวงได้สักคนสองคนก็พอใจแล้ว หรือถ้าทำไม่ได้ พวกเขาก็จะใช้ชีวิตของตนเองเป็นเครื่องมือปลุกกระแสต่อต้านจักรวรรดิจี้กวงให้เกิดขึ้นไปทั่วดินแดนเป่ยไห่
แกนนำผู้ประท้วงจำนวนมากถูกลูกธนูปักตามร่างกาย พวกเขารู้สึกได้ถึงเงาแห่งความตายที่คืบคลานเข้ามาอย่างชัดเจน
ทุกคนยอมพ่ายแพ้ให้แก่ชะตากรรมที่น่าหมดหวัง
แต่เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น สถานการณ์ทุกอย่างก็พลิกกลับตาลปัตร
กลุ่มแกนนำผู้ประท้วงยังคงมีชีวิตอยู่
ส่วนมือธนูของจักรวรรดิจี้กวงตายเรียบ
ทั้งหมดเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มในชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
และบัดนี้ เด็กหนุ่มชุดขาวก็กำลังพูดออกมาว่า
“มิตรสหายที่แท้จริงยามมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน เมื่อตกอยู่ในอันตราย ย่อมไม่ทอดทิ้งกันเด็ดขาด…”
ทุกคำพูดกระแทกใจผู้รับฟังอย่างรุนแรง
เด็กหนุ่มกำลังพูดอยู่กับกลุ่มผู้ประท้วงใช่หรือไม่?
“นั่นมันกู่เทียนเล่อนี่นา…”
กานเซียวซวงอุทานออกมาเสียงดังลั่นเมื่อกลับมาได้สติอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้นางถูกลูกธนูพุ่งปักหน้าอก ล้มลงไปนอนรอความตายบนพื้นดิน แต่บัดนี้ อย่าว่าแต่บาดแผลจากลูกธนูบนหน้าอกจะหายไปเลย แม้แต่รอยขีดข่วนสักรอยบนผิวหนังขาวเนียนของกานเซียวซวงก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ
เด็กสาวยกมือจับหน้าอกตนเองและพูดด้วยความเหลือเชื่อ “เป็นกู่เทียนเล่อจริงๆ ด้วย”
กู่เทียนเล่อเป็นผู้ใดกัน?
นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจของจางเจา
ช่างเป็นชื่อที่ฟังดูแปลกหูนัก
เรียบง่ายแต่มีความโดดเด่น สามารถจดจำได้ทันที
ยังจะมียอดฝีมือคนไหนอีกบ้างที่มีชื่อสะดุดหูเช่นนี้?
แต่คำถามสำคัญก็คือ
ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อกู่เทียนเล่อในนครหลวงมาก่อน?
ไม่สิ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว
เรื่องสำคัญคือเด็กหนุ่มคนนี้มีพลังแข็งแกร่งมากเกินไป
เพียงพริบตาเดียวก็สามารถสังหารมือธนูของจักรวรรดิจี้กวงได้นับพันคน
ต้องมีระดับพลังอยู่ในขั้นไหนกัน?
ยอดปรมาจารย์ตอนปลาย?
หรือสูงกว่านั้น?
จางเจารู้สึกเวียนหัวตาลาย
ในเวลาเดียวกันนี้
เจ้าหน้าที่จากสถานทูตจี้กวงผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวก็หลุดออกมาจากภวังค์แห่งความตกตะลึงในที่สุด
เขาก้าวถอยหลัง สีหน้าตื่นตระหนกราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ยิ่งจ้องมองเด็กหนุ่มชุดขาวมากเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งสั่นเทามากเท่านั้น
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้าดีอย่างไร…”
ชายหนุ่มผู้โอหังบัดนี้มีสีหน้าตื่นกลัวราวกับกระต่ายน้อยที่พบเจอหมาป่าผู้หิวโหย
หลินเป่ยเฉินไม่สนใจตอบคำถาม
สืบเท้าก้าวเดินเข้าไป
บุรุษหนุ่มตัวแทนจากสถานทูตร่ำร้องว่า “เจ้า… อย่าได้ก้าวเข้ามา…” เขายกมือขึ้นคว้าคอหลิวเหวินฮุยผู้อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและพูดว่า “เข้ามาอีกก้าวเดียว ข้าจะฆ่านางซะ…”
วูบ!
คมกระบี่สาดประกาย
พลันแขนขวาของเจ้าหน้าที่หนุ่มขาดเสมอข้อศอก
“อ๊าก…”
ตัวแทนจากสถานทูตร้องโหยหวนขณะใช้มือซ้ายจับข้อมือขวาของตัวเองเอาไว้
“ยังไม่รีบเข้าไปช่วยเหลือผู้คนอีก?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าหลี่ซิวเยวียน
“อ้า จริงด้วยสินะ เหวินฮุย…”
หลี่ซิวเยวียนและพรรคพวกรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มนักโทษสาวทั้งสี่คนที่ถูกใส่โซ่ตรวนพันธนาการและมัดติดอยู่กับหลักประหารชีวิต
กลุ่มเด็กหนุ่มรีบถอดเสื้อคลุมออกปิดบังร่างกายกึ่งเปลือยของพวกนาง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นและโยนวงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่นักโทษสาวทั้งสี่
พวกนางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว
และกลับมาได้สติอย่างช้าๆ
“พี่ซิวเยวียน…”
เมื่อหลิวเหวินฮุยลืมตาขึ้นมา น้ำตาก็ไหลนองใบหน้า
“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” หลี่ซิวเยวียนโอบกอดเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเขาอย่างแนบแน่น “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
“ท่านยอดฝีมือ…”
จางเจาผู้บัญชาการหน่วยชิงเจี้ยนเหว่ยก้าวเท้าออกมาข้างหน้าและรีบประสานมือคำนับหลินเป่ยเฉินอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณท่านมากที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ…”
หลินเป่ยเฉินพูดสวนกลับไปทันทีว่า “จับตัวมันมาลงโทษ”
จางเจาหยุดชะงัก
หลินเป่ยเฉินยกมือชี้หน้าตัวแทนจากสถานทูตของจักรวรรดิจี้กวงและกล่าวต่อ “ทำให้มันรู้ว่าจะมาดูถูกมือกระบี่ของจักรวรรดิเป่ยไห่ไม่ได้เด็ดขาด จับตัวมาลงโทษให้สาสม”
จางเจาสะดุ้งเฮือก ยอดฝีมือผู้ลึกลับท่านนี้ต้องการจะใช้มาตรการตาต่อตาฟันต่อฟัน ระบายความโกรธแค้นที่กลุ่มผู้ประท้วงถูกกดขี่ แต่ถึงแม้จะรู้สึกซาบซึ้งใจสักแค่ไหน แต่จางเจาก็ยังเกิดความลังเลเล็กน้อยและอดกล่าวออกไปไม่ได้ว่า “ข้าน้อยมีตำแหน่งต่ำต้อย ไม่สามารถควบคุมตัวเจ้าหน้าที่จากสถานทูตได้ขอรับ”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วขบคิดเล็กน้อยก็พูดออกมา “ไม่เป็นไร”
หลังจากนั้น เขาก็หันไปกวักมือเรียกชายหนุ่มผู้เป็นตัวแทนของสถานทูตจี้กวง “เจ้าน่ะ มาคุกเข่าขอโทษพวกเราเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มยังคงถือแขนข้างที่ขาดของตนเองอยู่ในมือ แต่ดูเหมือนบัดนี้เขาจะใจเย็นลงแล้ว
เขามองหน้าหลินเป่ยเฉินและกัดฟันด้วยความเคียดแค้น “เจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้าสังหารคนของจักรวรรดิจี้กวง เรื่องนี้ทางจักรวรรดิของข้าไม่มีทางให้อภัยเจ้าแน่ รอก่อนเถอะ พวกข้าจะต้องส่งคนมาแก้แค้นแน่…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ครืน!
ได้ยินเสียงเหมือนฟ้าคำรามในอากาศ
ปรากฏว่ามีลูกธนูถูกยิงออกมาจากด้านในสถานทูต
ลูกธนูดอกนี้ไม่รวดเร็ว แต่มันมาพร้อมกับมวลพลังลมปราณมหาศาล พุ่งตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินอย่างแม่นยำ
มวลอากาศปั่นป่วน ผู้คนสามารถมองเห็นคลื่นพลังจากลูกธนูได้ด้วยตาเปล่า
ไม่มีใครสามารถอธิบายถึงลักษณะของลูกธนูดอกนี้ได้อย่างชัดเจน
ไม่มีตัวอักษรใดจะสามารถอธิบายถึงความยอดเยี่ยมของลูกธนูดอกนี้ได้อย่างครบถ้วน
ถึงลูกธนูดอกนี้จะไม่ได้เล็งมาที่จางเจา หลี่ซิวเยวียน หรือคนอื่นๆ แต่เมื่อพวกเขาเห็นลำแสงธนูพุ่งเข้ามาใกล้ ทุกคนก็เกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่นเทาและวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่างด้วยความตื่นตระหนก
พวกเขารู้ดีว่ากู่เทียนเล่อผู้ใสซื่อบริสุทธิ์กำลังจะต้องพบเจอกับพลังทำลายล้างรุนแรงมากเพียงใด
บุรุษหนุ่มผู้เป็นตัวแทนจากสถานทูตแสยะยิ้มออกมาด้วยความลิงโลดใจ
นายท่านของเขาแสดงฝีมือแล้ว
ทุกอย่างคงจบลงแต่เพียงเท่านี้
ทันใดนั้น แต่ละลมหายใจคล้ายกับจะเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน
นี่คือความรู้สึกที่ยากต่อการอธิบายเป็นคำพูด
ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากู่เทียนเล่อค่อยๆ ยกมือขึ้นมาและชี้นิ้วไปยังลำแสงลูกธนูที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตนเอง
นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือ?
พวกของจางเจา หลี่ซิวเยวียน และกลุ่มผู้ประท้วงได้แต่คิดด้วยความตื่นตระหนก
กู่เทียนเล่อตั้งใจจะ…
ใช้นิ้วมือของตนเองต้านทานลูกธนูดอกนี้?
อย่าบอกนะว่าเด็กหนุ่มผู้มีพลังสูงส่งและมีหน้าตาหล่อเหลากลับจะต้องมาเสียชีวิตเช่นนี้เอง?
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง
แล้วคลื่นพลังก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วชี้ของกู่เทียนเล่อ กระแทกใส่ลำแสงลูกธนูอย่างจัง
มวลอากาศปั่นป่วนโกลาหล สายลมกรรโชกแรงมากพอที่จะพัดตัวของหลินเป่ยเฉินให้ลอยขึ้นจากพื้นดิน
แต่เส้นผมของเขากลับไม่พริ้วไหวเสียด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่า…” หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา สีหน้าแสดงความผิดหวังเล็กน้อย “นี่หรือคือการโจมตีจากยอดฝีมือจักรวรรดิจี้กวง? ก็ไม่เห็นจะเก่งสักเท่าไหร่เลยนี่นา”
ลมหายใจต่อมา…
เปรี๊ยะ
ลำแสงลูกธนูหายไป หลงเหลือให้เห็นเพียงลูกธนูสีดำดอกหนึ่ง และมันก็กำลังแตกสลายร่วงหล่นลงจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มผู้เป็นตัวแทนจากสถานทูตได้แต่เบิกตาโต สะดุ้งโหยงราวกับถูกสายฟ้าฟาด